posttoday

อัยการเผยวัยรุ่นแชมป์ฝ่าฝืนพ.ร.ก. ฉุกเฉิน 4 วันแรกจับแล้ว 623 ราย

07 เมษายน 2563

รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด เผย วัยรุ่นแชมป์ฝ่าฝืนพ.ร.ก. ฉุกเฉิน4 วันแรกจับแล้ว 623 ราย คดีออกนอกเคหะสถานมากสุด ชี้ กทม.-นนทบุรี -ชลบุรี มีสถิติคดี-ผู้ติดเชื้อโควิด-19 และจำนวนผู้ฝ่าฝืนสูง

เมื่อวันที่ 7 เม.ย. ที่สำนักงานอัยการสูงสุด นายประยุทธ เพชรคุณ รองโฆษกสำนักงานอัยการสูงสุด นายรัชต์เทพ ดีประหลาด ผ.อ.สำนักงานบริหารกิจการสำนักงานอัยการสูงสุด และนางณฐนน แก้วกระจ่าง ผู้อำนวยการสำนักเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร แถลงสถิติผู้ฝ่าฝืน พ.ร.ก. ฉุกเฉิน พ.ศ. 2548 ฉบับ 1 ระหว่างวันที่ 3 – 6 เม.ย.ที่ผ่านมา โดยระบุว่า ภาพรวมทั้งประเทศมีการฝ่าฝืนทั้งสิ้น 438 คดี และจำเลยที่ถูกดำเนินคดีมีจำนวน 623 ราย ซึ่งทุกคดีพนักงานอัยการได้มีคำขอให้ศาลลงโทษสถานหนัก ซึ่งศาลได้ใช้ดุลยพินิจ ลงโทษจำเลยตามคำขอของพนักงานอัยการ เช่น คดีที่พนักงานอัยการฟ้องต่อศาลแขวงพระนครศรีอยุธยา ลงโทษผู้จำคุกในข้อหามั่วสุม 2 – 4 เดือน โดยไม่รอการลงโทษ และศาลแขวงจังหวัดอุบลราชธานี มีคำสั่งให้จำคุก 15 วัน เปลี่ยนโทษเป็นกักขังแทน 15 วัน เป็นต้น สำหรับประเภทคดีที่มีการฝ่าฝืนมากที่สุด คือ การออกนอกเคหะสถาน โดยช่วงอายุที่กระทำความผิดมากที่สุด เป็นช่วงอายุระหว่าง 20-35 ปี รองลงมาคือช่วงอายุระหว่าง 35-55 ปี ซึ่งเป็นช่วงอายุที่กระทรวงสาธารณสุขให้ระมัดระวังในการแพร่เชื้อ

นายประยุทธ กล่าวว่า ส่วนจังหวัดที่มีสถิติผู้ติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) สูง เช่น กรุงเทพมหานคร จังหวัดนนทบุรี จังหวัดชลบุรี และจังหวัดเชียงใหม่ ยังเป็นจังหวัดที่มีจำนวนสถิติคดีและจำนวนผู้ฝ่าฝืน พ.ร.ก. มีจำนวนสูงด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตามหลังจากรัฐบาลได้ประกาศพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 ฉบับที่ 1 เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 และประกาศดังกล่าวมีผลบังคับใช้เมื่อวันที่ 3 -6 เม.ย โดยเฉพาะวันที่ 6 เม.ย.ซึ่งเป็นวันที่ศาลแขวงทั่วประเทศเปิดทำการในช่วงวันหยุด ทั้งนี้อัยการสูงสุดยังได้กำชับใช้พนักงานอัยการทั่วประเทศได้บังคับใช้กฎหมายอย่างรวดเร็วและเฉียบขาดต่อไป