posttoday

"บิ๊กโจ๊ก" ให้ข้อมูลปปช.ชี้ขยายวงเงินจัดซื้อไบโอเมทริกซ์ 1,000 ล้านส่อทุจริต

10 มกราคม 2563

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ให้ข้อมูลป.ป.ช. มั่นใจเอาผิดได้ ชี้ขยายวงเงินจัดซื้อไบโอเมทริกซ์ 1,000 ล้าน ใครได้ประโยชน์ เผย"บิ๊กป้อม"ยังไม่โทรหา เพราะเป็นเรื่องส่วนตัว

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ให้ข้อมูลป.ป.ช. มั่นใจเอาผิดได้ ชี้ขยายวงเงินจัดซื้อไบโอเมทริกซ์ 1,000 ล้าน ใครได้ประโยชน์ เผย"บิ๊กป้อม"ยังไม่โทรหา เพราะเป็นเรื่องส่วนตัว

เมื่อวันที่ 10 ม.ค. ที่สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)  พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ที่ปรึกษาพิเศษประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เข้าให้ถ้อยคำต่อเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ในฐานะพยานกรณีเรื่องร้องเรียนให้ตรวจสอบการจัดซื้อเครื่องไบไอเมตริกซ์ และรถตรวจการไฟฟ้า ของสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง (สตม.) สำนักงานตำรวจแห่งชาติ วงเงิน 2,100 ล้านบาท

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าให้ข้อมูลต่อเจ้าหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ หรือ ป.ป.ช. ว่า วันนี้เป็นวันที่รอคอยมานานซึ่งมาในฐานะเป็นพยาน และครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายที่พูด เพราะจากนี้จะเป็นหน้าที่ของ ป.ป.ช.ในการไต่สวนข้อเท็จจริง และมั่นใจว่าป.ป.ช. จะสามารถรวบรวมพยานหลักฐานได้ชัดเจน รวมถึงการให้ข้อมูลเพิ่มเติมของคณะกรรมการตรวจรับ ซึ่งเป็นถึงรองผู้บัญชาการที่มาในฐานะพยานในวันนี้ด้วย ทั้งนี้ การยกเลิกสัญญา ตนเองเป็นผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมืองเพียงคนเดียวที่กล้ายกเลิกสัญญา เพราะมีความผิดปกติอย่างมาก โดยเฉพาะงบประมาณที่จากเดิมไว้ 1,000 ล้านบาทกลายเป็น 2,000 ล้านบาท และตอนแรกสถานีตำรวจภูธรไม่อยู่ในแผนที่จะได้รับเครื่องไบโอเมตริกซ์ แต่เพราะงบประมาณที่มากถึง 2,000 ล้านบาททำให้ได้รับการแจกจ่ายด้วยซึ่งเครื่องเหล่านี้ปัจจุบันไม่ได้ถูกใช้งาน

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ปัญหาความขัดแย้งกับคนในคลิปเสียงมาจากเรื่องนี้แหละที่ผ่านมามีความพยายามนัดเจรจากับตัวเองและทนายเพื่อให้จบ แต่ไม่เคยไปพบด้วยเพราะไม่สามารถยุติเรื่องนี้ ส่วนกรณีที่พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีเตรียมเป็นคนกลางเคลียร์ใจนั้นขณะนี้ยังไม่ได้รับการติดต่อจากพล.อ.ประวิตร และเชื่อว่าพล.อ.ประวิตรจะไม่มาสั่งการในเรื่องนี้ เพราะเป็นเรื่องส่วนตัว แต่หากได้รับการติดต่อจากพล.อ.ประวิตร ก็พร้อมคุยทุกเรื่องแต่ ยืนยันว่าจะทำในสิ่งที่ถูกกฎหมาย อย่างไรก็ตามมั่นใจว่าข้อมูลที่นำมาให้ถ้อยคำต่อ ป.ป.ช.นี้ จะสามารถเอาผิดผู้ถูกร้องได้ อย่างแน่นอนส่วนผลการไต่สวนจะออกมาเป็นอย่างไรคงต้องแล้วแต่คณะกรรมการ ป.ป.ช.

หลังเข้าให้ข้อมูลนานกว่า 2 ชั่วโมง  พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า ได้ให้ข้อมูลในประเด็นการทุจริตและความไม่คุ้มค่าของราชการในฐานะเป็นผู้เซ็นบอกเลิกสัญญา คาดว่าประมาณสัปดาห์หน้าจะต้องเข้าให้ข้อมูลเพิ่มเติมอีก โดยป.ป.ช.กำหนดประเด็นให้ชี้แจงเพิ่มเติม รวมทั้งจะต้องกลับไปทำเอกสารเปรียบเทียบราคา เช่น ปืนไฟฟ้า คอมพิวเตอร์โน๊ตบุ๊คอัจฉริยะเครื่องละ 2 แสน บาท ขณะที่คอมพิวเตอร์ในท้องตลาดขายกัน 20,000 บาท รถยนต์ BMW คันละกว่า 4 ล้านบาท เหตุใดจึงไม่เลือกใช้ยี่ห้ออื่นที่มีราคาเพียง 1 ล้านบาทเศษ

“ผมให้ข้อมูลเพื่อชี้ให้ตรวจสอบว่า บริษัทที่ขายรถอัจฉริยะเป็นผู้ผลิตรถยนต์หรือไม่ หรือผู้ประมูลไบโอเมตริกซ์เป็นผู้เชี่ยวชาญที่เคยมีประวัติรับงานในสตม.บ้างหรือไม่ รวมถึงการขยายวงเงินเพิ่มอีก 1,000 ล้านบาทว่า ใครเป็นผู้ได้ประโยชน์  ไบโอเมตริกซ์เป็นโครงการที่ดี เพียงแต่อุปกรณ์ที่มีอยู่มีคุณภาพหรือไม่ วันนี้จะผิดหรือถูกไม่ได้ขึ้นอยู่กับคำให้การของผม แต่ขึ้นอยู่กับพยานเอกสาร โดยเฉพาะวันตรวจรับ ว่างานเสร็จแล้วหรือยัง ผมไม่ห่วงตัวเองห่วงแต่คนที่เกษียณแล้วกลัวจะเดือดร้อน”พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าว