"เปรมชัย-พวก"ได้กลับบ้านแล้ว พร้อมกำไลEM

เจ้าสัวเปรมชัย พร้อมพวก ได้กลับบ้านแล้ว พร้อมกำไลข้อเท้า EM หลังศาลฎีกาอนุญาต และเพิ่มเงินประกันคนละ 1 ล้าน เงื่อนไขห้ามออกนอกประเทศ ศาลนัดรายงานตัว 13 ม.ค.63

เมื่อวันที่ 13 ธ.ค. ความคืบหน้ากรณีศาลฎีกาอนุญาตให้ประกันตัว นายเปรมชัย กรรณสูต พร้อมพวก รวม 3 คน คือนายยงค์ โดดเครือ และนายธานี ทุมมาศ โดยเพิ่มวงเงินประกันตัวคนละ 1 ล้านบาท จากคนละ 600,000 บาท และกำหนดเงื่อนไขห้ามออกนอกประเทศเว้นแต่จะได้รับอนุญาต พร้อมทั้งติดอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ (Electronic Monitoring) หรือ EM “กำไลข้อเท้า” ติดตัว นายเปรมชัย และพวก ที่ได้รับการปล่อยตัวชั่วคราว ทั้ง 3 คน โดยศาลฎีกา ได้อนุญาตให้ประกันตัวในช่วงเวลา 16.05 น. ซึ่งช่วงเวลาดังกล่าวนั้น สื่อมวลชนต่างลุ้นกันว่า นายเปรมชัย พร้อมพวกจะได้รับอนุญาตให้ประกันตัวไม่ เนื่องจากเหลือเวลาอีกเพียงแค่ 25 นาทีเท่านั้น ก็จะหมดเวลาราชการ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากที่ นายเปรมชัย พร้อมพวกได้รับการประกันตัวเป็นที่เรียบร้อย เจ้าหน้าที่จึงได้นำอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ หรือกำไลข้อเท้า EM มาสวมที่ข้อเท้าของบุคคลทั้ง 3 แต่กว่าจะแล้วเสร็จต้องใช้เวลานานกว่า 3 ชั่วโมง เนื่องจากต้องเช็คสัญญาณกำไลข้อเท้าให้เชื่อมต่อกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องให้แม่นยำเพื่อจะได้รู้ว่า นายเปรมชัย พร้อมพวก จำเลยในคดีซึ่งได้รับการปล่อยชั่วคราว เดินทางไปไหน เพื่อป้องกันการหลบหนีและให้ ติดตามตัวได้ง่ายขึ้น

จนกระทั่งเวลา 19.00 น. เจ้าหน้าที่เรือนจำอำเภอทองผาภูมิจึงนำตัว นายเปรมชัย พร้อมพวกขึ้นรถเดินทางไปที่เรือนจำอำเภอทองผาภูมิ เพื่อทำการพิมพ์ลายนิ้วมือของบุคคลทั้ง 3 ก่อนที่จะปล่อยตัวไป ท่ามกลางการอำนวยความสะดวกของเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.ทองผาภูมิ

ซึ่ง นายเปรมชัย พร้อมพวก ยังคงสวมชุดนักโทษชายของทางเรือนจำ เป็นเสื้อสีน้ำตาลคอกลมแขนสั้น และสวมเสื้อกั๊กกันหนาวทับ สวมกางเกงขาสั้น และรองเท้าแตะ โดยบริเวณข้อเท้าขวาได้ติดกำไล EM ไว้ ทั้งนี้สังเกตเห็นว่า นายเปรมชัย มีสีหน้าที่อิดโรยอย่างเห็นได้ชัด และยังคงใช้ไม้เท้าช่วยพยุงตัว โดยมีเจ้าหน้าที่คอยประคองจากห้องควบคุมผู้ต้องขังที่ด้านล่างของศาลจนขึ้นรถออกไป

ด้าน นายวิทูล แย้มพราย ทนายความส่วนตัวของ นายเปรมชัย เปิดเผยก่อนเดินทางกลับว่า ศาลได้นัดให้มารายงานตัวในวันที่ 13 ม.ค. 2563 ส่วนการยื่นฎีกานั้นขณะนี้ยังไม่ได้ยื่นและยังไม่ได้กำหนดวันยื่นแต่อย่างใด" นายวิทูล กล่าว