posttoday

พิพากษาคุก 4 ปี 2 แกนนำนปช.คดีล้มประชุมอาเซียน

03 ธันวาคม 2562

ศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 4 ปี วรชัย เหมมะ - สำเริง ประจำเรือ คดีล้มประชุมอาเซียน "จตุพร"น้อมรับชะตากรรม คาดจำเลยที่เหลือคงทยอยเข้ามอบตัวทั้งหมด

ศาลฎีกาพิพากษาจำคุก 4 ปี วรชัย เหมมะ - สำเริง ประจำเรือ คดีล้มประชุมอาเซียน "จตุพร"น้อมรับชะตากรรม คาดจำเลยที่เหลือคงทยอยเข้ามอบตัวทั้งหมด

จากกรณีที่ศาลจังหวัดพัทยา จ.ชลบุรี ได้นัดอ่านคำพิพากษาศาลฎีกาคดีแกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) นำกลุ่มคนเสื้อแดงบุกล้มการประชุมอาเซียนที่ โรงแรมรอยัลคลิฟ เมืองพัทยา เหตุการณ์เมื่อวันที่ 11 เม.ย.2552

ต่อมาเมื่อวันที่ 31 ต.ค.ที่ผ่านมาจำเลย 3 คนคือ พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ , นายสำเริง ประจำเรือ และนายวรชัย เหมมะ ได้ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอถอนคำให้การเดิมจากปฏิเสธเป็นขอรับสารภาพ และยื่นคำร้องประกอบขอให้ศาลลงโทษสถานเบา รวมทั้งการที่ไม่ได้รับหมายศาลในครั้งแรกด้วย กระทั่งศาลได้กำหนดให้มารับฟังคำพิพากษาใหม่ในวันที่ 3 ธ.ค.62

ล่าสุดเมื่อวันที่ 3 ธ.ค.62 นายวรชัย เหมมะ พร้อมด้วย นายสำเริง ประจำเรือ จำเลย 2 คน พร้อมทนายความได้เดินทางมายังศาลจังหวัดพัทยา จ.ชลบุรี เพื่อรับฟังคำพิพากษา ขณะที่ พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ ส.ส.พรรคพลังประชารัฐ ได้มอบเสมียนทนายมาขอเลื่อนการรับฟังคำพิพากษาเนื่องจากติดการประชุมสภาผู้แทนราษฎรในช่วงที่อยู่ในสมัยการประชุม โดยมีนายจตุพร พรหมพันธ์ แกนนำ นปช. พร้อมกลุ่ม ผู้สนับสนุนและญาติของจำเลยรวมกว่า 10 คนเดินทางมาร่วมให้กำลังใจ แต่ด้วยจากกรณีที่มีการขอเลื่อนการรับฟังคำพิพากษาของ พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ จึงได้เลื่อนเวลาจากเดิมเป็นช่วงบ่ายของวันเดียวกัน

กระทั่งเวลา 15.45 น. นายจตุพร พร้อมกลุ่มผู้สนับสนุน ทนายความ และกลุ่มญาติของจำเลยได้เดินออกจากศาล โดยไม่มีนายวรชัย เหมมะ และ นายสำเริง ประจำเรือ หลังศาลได้อ่านคำพิพากษาแล้วเสร็จ

นายณัฐพล ปัญญาสูง ทนายความของจำเลยเปิดเผยว่าในวันนี้จำเลยมาฟังคำ พิพากษาตามคำสั่งศาลโดยมาเพียง 2 ราย ส่วนอีกรายได้ให้เสมียนทนายยื่นขอเลื่อนฟังคำพิพากษาเพราะเป็น ส.ส.ที่อยู่ในสมัยประชุมสภาฯ ทั้งนี้กรณีที่จำเลยทั้ง 3 ได้เคยยื่นคำร้องต่อศาลฎีกาที่ขอถอนคำให้การปฏิเสธเป็นรับสารภาพไปนั้นปรากฏว่าศาลได้ยกคำร้องด้วยเหตุว่าในการยื่นแก้ไขคำให้การเดิมจะต้องดำเนินการยื่นก่อนที่ศาลชั้นต้นจะตัดสิน จึงไม่มีเหตุให้รับคำร้องหรือยกคำร้องแถลงคำให้การจากปฏิเสธเป็นรับสารภาพด้วย

ส่วนการยื่นคำร้องในวันนี้ที่ยื่นต่อศาลขอเลื่อนฟังคำพิพากษาโดยอ้างเหตุว่าจำเลยมารับฟังคำพิพากษาไม่ครบทั้ง 3 ราย เพราะอีก 1 รายติดภารกิจสมัยการประชุมสภาผู้แทนราษฎรนั้นตามหน้าที่ของสมาชิกสภา ผู้แทนราษฎรนั้น ศาลชี้ว่าไม่มีเหตุและถึงแม้จะเป็นสมัยการประชุมสภาฯแต่ไม่ใช่ข้ออ้างในการพิจารณาคดี แต่ถือเป็นการฟังคำสั่งศาลจึงได้ยกคำร้อง ก่อนจะอ่านคำพิพากษาให้จำเลยทั้ง 2 รายรับฟัง โดยพิพากษารับโทษจำคุกรายละ 4 ปี ขณะที่ พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ จำเลยอีกรายที่ไม่ได้มานั้นศาลจะได้ออกหมายจับให้มารับฟังคำพิพากษาอีกครั้งในวันที่ 15 ม.ค. 2563 อีกครั้งหนึ่ง

นายจตุพร กล่าวว่าวันนี้คงถือเป็นข้อยุติ แม้จะขาดจำเลยไปอีก 1 คนที่ไม่ได้มาฟังคำพิพากษาในครั้งนี้โดยผลคงไม่มีอะไรเป็นอย่างอื่นแล้ว และคาดว่าจากนี้จำเลยที่เหลือก็คงจะทยอยเดินทางเข้ามามอบตัวเพื่อเข้าสู่ขั้นตอนตามขบวนการของกฎหมายจนครบถ้วน และจนถึงขณะนี้คงต้องบอกว่าพวกเราคงน้อมรับชะตากรรมและคำพิพากษาของศาลที่ตัดสินไปแล้ว ขณะที่หลายคนที่ได้รับโทษไปก่อนหน้านี้แล้วประมาณ 4-5 เดือนก็คงจะทำให้เหลือโทษอีกเพียง 3 ปีเศษๆเท่านั้น

ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้จำคุกจำเลยทั้ง 12 คน เป็นเวลา 4 ปีโดยไม่รอลงอาญาและยกฟ้อง 1 คนจนวันที่ 11 ก.ย.ที่ผ่านมา ศาลฎีกาได้นัดอ่านคำพิพากษาคดีดังกล่าว แต่ปรากฏว่าจำเลยมาเพียงคนเดียวจึงได้อ่านคำพิพากษาของ นายศักดา นพสิทธิ์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อชาติ ซึ่งเป็นจำเลยที่ 10

ต่อมาเมื่อวันที่ 31 ต.ค.ที่ผ่านมาจำเลย 3 คนคือ พ.ต.ท.ไวพจน์ อาภรณ์รัตน์ , นายสำเริง ประจำเรือ และนายวรชัย เหมมะ ได้ยื่นคำร้องต่อศาลเพื่อขอถอนคำให้การเดิมจากปฏิเสธเป็นขอรับสารภาพ และยื่นคำร้องประกอบขอให้ศาลลงโทษสถานเบา รวมทั้งการที่ไม่ได้รับหมายศาลในครั้งแรกด้วย กระทั่งศาลได้กำหนดให้มารับฟังคำพิพากษาใหม่ในวันที่ 3 ธ.ค.62