posttoday

เตรียมเขื่อนหลวงพระบางกั้นน้ำโขงในสปป.ลาวอีก ผลิตไฟฟ้าป้อนกฟผ.

19 กันยายน 2562

ช.การช่างเดินหน้าสร้างเขื่อนหลวงพระบางกั้นน้ำโขงในสปป.ลาวอีก ผลิตไฟฟ้าป้อน กฟผ.พร้อมเตรียมอพยพชาวบ้านใน 3 แขวง

ช.การช่างเดินหน้าสร้างเขื่อนหลวงพระบางกั้นน้ำโขงในสปป.ลาวอีก ผลิตไฟฟ้าป้อน กฟผ.พร้อมเตรียมอพยพชาวบ้านใน 3 แขวง

เมื่อวันที่ 19 ก.ย.แหล่งข่าวจากคณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงหรือเอ็มอาร์ซี เปิดเผยว่า ภายหลังจากการประชุมคณะกรรมการร่วม 4 ประเทศ ของเอ็มอาร์ซีเมื่อต้นเดือนก.ย.ที่ผ่านมา ณ กรุงเวียงจันทน์ สปป.ลาว คณะกรรมาธิการแม่น้ำโขงแห่งชาติลาว (LNMC) ได้ยื่นเอกสารต่อสำนักงานเลขาธิการแม่น้ำโขง (MRCs) เพื่อขอให้มีการจัดกระบวนการแจ้ง ปรึกษาหารือล่วงหน้า หรือเรียกว่า PNPCA process กรณีโครงการเขื่อนหลวงพระบาง (Luang Prabang Hydropower project)

ทั้งนี้ โดยให้เริ่มกระบวนการปรึกษาหารือล่วงหน้า ในวันที่ 9 ต.ค.2562 โดยฝ่ายสำนักงานเลขา MRCs การเตรียมกระบวนการ PNPCA ของโครงการเขื่อนหลวงพระบาง และฝ่ายสำนักงานเลขา MRCs ได้แจ้งการประชุมเพื่อเตรียมแผนปฏิบัติการร่วม (JAPs) สำหรับทั้งโครงการเขื่อนปากแบง และโครงการเขื่อนหลวงพระบาง ไปพร้อมกัน

แหล่งข่าวกล่าวว่า โครงการเขื่อนหลวงพระบาง เป็นเขื่อนผลิตไฟฟ้า ขนาดกำลังผลิตติดตั้ง 1,410 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่บนแม่น้ำโขง เหนือบริเวณถ้ำติ่งและปากแม่น้ำอู ขึ้นไปประมาณ 4 กิโลเมตร และตั้งอยู่ห่างจากเมืองหลวงพระบาง ทางเหนือแม่น้ำโขงประมาณ 30 กิโลเมตร

ข่าวแจ้งว่า ก่อนหน้านี้ผู้บริหารของบริษัทช.การช่าง ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนว่ามีความสนใจที่จะลงทุนในการก่อสร้างเขื่อนหลวงพระบาง และอยู่ในระหว่างการเจรจากับรัฐบาสปป.ลาว ต่อมาเมื่อเดือน ก.ค. 2562 สำนักข่าววิทยุเอเชียเสรีได้รายว่า มีการเตรียมอพยพชาวบ้าน ในเขตเมืองจอมเพ็ด แขวงหลวงพระบาง จำนวน 465 ครอบครัว ใน 10 หมู่บ้าน ไปยังแปลงอพยพของโครงการที่กำลังดำเนินก่อสร้าง

"โครงการเขื่อนไฟฟ้าหลวงพระบาง จะส่งผลกระทบต่อประชาชนทั้งหมด 1,077 ครอบครัว จำนวน 4,600 คน ข้อมูลเบื้องต้นของประชาชนที่คาดว่าจะได้รับผลกระทบใน 3 แขวง คือ เมืองจอมเพ็ด แขวงหลวงพระบาง เมืองปากอู แขวงอุดมไซย และเมืองหงสา แขวงไซยะบุรี โดยโครงการเขื่อนหลวงพระบาง เป็นการร่วมทุนของรัฐบาลลาว กับบริษัท ช.การช่าง ของไทย ซึ่งได้ก่อสร้างเขื่อนไซยะบุรีแล้วเสร็จ และบริษัท PetroVietnam Power Corporation ของเวียดนาม" แหล่งขาวกล่าว

แหล่งข่าว กล่าวว่า โครงการเขื่อนหลวงพระบางมีแผนจะผลิตไฟฟ้าส่งมาขายให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) แต่ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลแน่ชัดเกี่ยวกับแผนการรับซื้อไฟฟ้าดังกล่าว
 
อนึ่ง กระบวนการปรึกษาหารือล่วงหน้า PNPCA เป็นกระบวนการตามความตกลงแม่น้ำโขง พ.ศ. 2538 ซึ่งเริ่มครั้งแรกเมื่อมีการเสนอโครงการเขื่อนไซยะบุรี ซึ่งมีการคัดค้านจากประเทศท้ายน้ำ คือกัมพูชา และเวียดนาม เรื่องผลกระทบสิ่งแวดล้อมข้ามพรมแดน จนนำมาสู่การศึกษาของคณะมนตรีแม่น้ำโขง ซึ่งใช้งบประมาณ 4.7 ล้านเหรียญสหรัฐฯ และใช้เวลาดำเนินการกว่า 6 ปี มีเป้าหมายเพื่อให้ข้อมูลต่อประเทศสมาชิก คือ กัมพูชา, สปป.ลาว, ไทย และเวียดนาม ทั้งในแง่ผลกระทบด้านบวกและลบของการพัฒนาทรัพยากรน้ำในลุ่มน้ำโขงตอนล่าง รวมทั้งแผนก่อสร้างโครงการเขื่อน
 
ทั้งนี้ การศึกษาของคณะมนตรีฯ เตือนว่าจะเกิดผลกระทบร้ายแรง และมีต้นทุนจากโครงการเขื่อนในปัจจุบันและในอนาคต เนื่องจากจะนำไปสู่ความสูญเสียอย่างร้ายแรงและข้ามพรมแดน ต่อการทำประมง การไหลของตะกอน และนิเวศบริการ ผลกระทบเหล่านี้จะทำให้ขาดความมั่นคงด้านอาหาร ทำให้เกิดความเสี่ยงต่อชุมชนตลอดทั่วลุ่มน้ำโขง และจะส่งผลกระทบต่อศักยภาพของประเทศลุ่มน้ำโขงตอนล่างในการปฏิบัติตามเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs)