posttoday

ทำไมสหรัฐฯจึงจะแบน Tiktok กับความหวังที่อาจมาพร้อมการเลือกตั้ง?(2)

26 เมษายน 2567

ในตอนที่แล้วเราได้รับรู้สาเหตุและร่างกฎหมายที่กำลังจะมีผลบังคับใช้กันไปแล้ว คราวนี้มาพูดถึงเสียงต้านที่จะเกิดขึ้น รวมถึงผลกระทบที่อาจจะตามมาหลังดำเนินมาตรการ รวมถึงความหวังอยู่รอดของ Tiktok ในสหรัฐฯว่าเป็นไปได้แค่ไหน

ทำไมสหรัฐฯจึงจะแบน Tiktok กับความหวังที่อาจมาพร้อมการเลือกตั้ง?(2)

 

          แรงต้านและเสียงคัดค้านการแบน Tiktok

 

          การผ่านร่างกฎหมายฉบับนี้ย่อมสร้างความไม่พอใจเป็นวงกว้าง ทาง Tiktok สหรัฐฯได้ดำเนินการฟ้องร้องทางกฎหมายหลายประเด็น ทั้งประเด็นบังคับขายกิจการ รวมถึงจำกัดสิทธิเสรีภาพในการแสดงออกถือเป็นการขัดต่อรัฐธรรมนูญสหรัฐฯโดยตรง ซึ่งทางบริษัทเคยได้รับชัยชนะในประเด็นนี้ในการฟ้องร้องจากมลรัฐมอนทานามาแล้ว

 

          ที่ผ่านมาการส่งและแบ่งปันข้อมูลกับรัฐบาลจีนคือสิ่งที่ Tiktok ถูกกล่าวหามาตลอด แต่ไม่มีหลักฐานพิสูจน์ว่ามีการแบ่งปันข้อมูลเหล่านั้นแม้แต่ครั้งเดียว นอกจากนี้ทาง Tiktok ยังมีแนวคิดในการพัฒนา Texas project ในการตั้งฐานข้อมูลไว้ในรัฐเท็กซัส เพื่อเก็บข้อมูลผู้ใช้งานในสหรัฐฯโดยเฉพาะ ป้องกันการรั่วไหลและสร้างความสบายใจ แต่ดูท่าจะไม่เพียงพอ

 

          อันดับต่อมาที่แสดงความไม่ยินยอมอย่างชัดเจนคือ จีน ในกรณีที่ Tiktok ยินยอมทำตามร่างกฎหมายฉบับนี้และมีบริษัทรับซื้อเข้าจริงๆ การขายกิจการของบริษัทก็จำเป็นต้องผ่านความเห็นชอบจากรัฐบาลจีนเสียก่อน ซึ่งทางรัฐบาลจีนแสดงความเห็นคัดค้านเต็มรูปแบบกับการบังคับขายกิจการและมองว่าเป็นการข่มเหงจีน ทำให้การขายกิจการไม่น่าเกิดขึ้นได้

 

          แม้แต่คู่แข่งโดยตรงของ Tiktok อย่าง อีลอน มัสก์ เจ้าของแพลตฟอร์ม X เองก็แสดงความไม่เห็นด้วยกับนโยบายนี้เช่นกันแม้เขาอาจเป็นผู้ได้รับผลประโยชน์โดยตรง ด้วยถือเป็นการขัดต่อเสรีภาพในการพูดและแสดงออก ทำลายโอกาสของบริษัทกว่า 7 ล้านแห่ง และทำให้สหรัฐฯต้องสูญเสียรายได้กว่า 24,000 ล้านดอลลาร์

 

ประเด็นร้อนแรงนี้ทาง โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้สมัครชิงตำแหน่งประธานาธิบดีก็ไม่พลาดในการหยิบมาพูดถึง โดยเขาแสดงความไม่เห็นด้วยในการแบน Tiktok เพราะนั่นจะเป็นการเอื้อประโยชน์ให้กับแพลตฟอร์มภายในประเทศอย่าง Facebook ของ Meta ซึ่งอาจนำไปสู่การผูกขาดในอนาคต

 

          แต่กลุ่มที่แสดงความไม่พอใจในการแบน Tiktok มากที่สุดคงไม่ใช่ใครอื่นนอกจากผู้ใช้งาน Tiktok ในปัจจุบัน จนอาจสร้างแรงกระเพื่อมต่อการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯเลยทีเดียว

 

ทำไมสหรัฐฯจึงจะแบน Tiktok กับความหวังที่อาจมาพร้อมการเลือกตั้ง?(2)

 

ปัญหาต่อผู้ใช้งาน Tiktok ที่อาจสั่นสะเทือนการเลือกตั้ง

 

          แน่นอนว่าเมื่อมีการแบน Tiktok กลุ่มที่ไม่พอใจย่อมเป็นบรรดาค้อนเท้นท์ที่ใช้แพลตฟอร์มนี้สร้างรายได้หรือทำการตลาดเพื่อเข้าถึงลูกค้าต่างๆ ด้วยกฎหมายฉบับนี้ส่งผลกระทบต่อชีวิตของพวกเขาโดยตรง ที่อาจทำให้พวกเขาขาดรายได้จนหมดช่องทางทำมาหากินเลยทีเดียว

 

          สำหรับบริษัทขนาดเล็กและกลางที่มีฐานลูกค้าเป็นคนรุ่นใหม่ การแบน Tiktok จะส่งผลกระทบต่อบริษัทเหล่านี้อย่างรุนแรง แม้ปัจจุบันแพลตฟอร์มอื่นจะเริ่มสนับสนุนวีดีโอสั้นแล้วก็ตาม แต่บรรยากาศ ชุมชน และวัฒนธรรมการใช้งานที่ไม่เหมือนกันจะต้องมีการปรับตัวขนานใหญ่ ขณะที่บริษัทขนาดใหญ่จะไม่เกิดปัญหานักเพราะพวกเขามีช่องทางอื่นอยู่แล้ว

 

          กลุ่มที่ได้รับผลกระทบร้ายแรงไม่แพ้กันคือ วงการดนตรี หนึ่งในรากฐานสำคัญที่ทำให้ Tiktok ได้รับความนิยมคือ การควบรวมกับ Musical.ly แอปพลิเคชันเพลงขนาดใหญ่ ทำให้ Tiktok ในช่วงแรกถูกใช้งานในฐานะแอปพลิเคชันสำหรับเผยแพร่ผลงานเพลงต่างๆ นำไปสู่การแจ้งเกิดผลงานของศิลปินไม่น้อย

 

          รายได้จากโฆษณาของ Tiktok ซึ่งส่วนใหญ่มาจากค่าลิขสิทธิ์ของเพลงที่ใช้งานภายในวีดีโอมีมูลค่าถึง 18,000 ล้านดลลาร์/ปี รวมถึงผู้ที่ได้รับชมคลิปสั้นจาก Tiktok มีแนวโน้มในการฟังเพลงหรือพอดแคสต์ใหม่ๆ มากถึง 56% นี่จึงถือเป็นช่องทางโปรโมทขนาดใหญ่ และการสั่งระงับอาจทำให้เกิดการสูญเสียเป็นวงกว้าง

 

          ปัจจัยเหล่านี้สร้างความโกรธเกรี้ยวให้กับชาวอเมริกันอยู่ไม่น้อย และอาจทำให้ในการเลือกตั้งกลุ่มคนรุ่นใหม่รวมถึงผู้ได้รับผลกระทบมีแนวโน้มจะลงคะแนนแก่พรรคที่ไม่เห็นด้วยกับการแบน Tiktok จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่ผู้สมัครชิงตำแหน่งฯที่เป็นคู่แข่งอย่าง โดนัลด์ ทรัมป์ ออกมาสนับสนุน Tiktok อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน

 

          แนวโน้มสิ่งที่จะเกิดขึ้นนับจากนี้

 

          จริงอยู่ทรัมป์อาจแสดงความไม่เห็นด้วยเรื่องการแบน Tiktok และอาจเป็นตัวเลือกแห่งความหวังของผู้ใช้งาน แต่ถ้าประเมินจากแนวโน้มพฤติกรรมที่ผ่านมาของทรัมป์เอง ต่อให้เขาได้รับการชัยชนะในการเลือกตั้งก็ไม่ได้ยืนยันว่าจะยับยั้งร่างกฎหมายฉบับนี้ ด้วยเขานี่เองที่เป็นผู้ริเริ่มนโยบายต่อต้านจีนจนทำให้เกิดสงครามการค้าไปช่วงใหญ่

 

          มีความเป็นไปได้เช่นกันว่าเมื่อได้รับการเลือกตั้งเขาจะดำเนินนโยบายชาตินิยมสุดโต่งต่อ ด้วยเหตุนั้น Tiktok ที่เป็นแอปพลิเคชันจากจีนเองก็ใช่จะไม่ได้รับผลกระทบ หรือบางทีเขาอาจเดินหน้าผ่านร่างกฎหมายฉบับนี้ต่อ ปล่อยให้การแสดงความเห็นที่ผ่านมาเป็นเพียง นโยบายในการได้มาซึ่งคะแนนเสียง

 

          แน่นอนทางการจีนเองก็ใช่จะนิ่งเฉย แม้ทาง Tiktok จะออกมาย้ำอยู่ตลอดว่าพวกเขาไม่ได้มีความเกี่ยวข้องแต่ก็มีการตอบโต้แล้วเช่นกัน เมื่อมีข้อมูลจากทาง Apple ว่า พวกเขาจำเป็นต้องลบแอปพลิเคชันส่งข้อความของบริษัทอย่าง Whatsapp และ Threads ออกจาก App store ในจีน ตามคำสั่งของทางการจีน

 

          เห็นได้ชัดว่าทางการจีนไม่อยู่เฉยเมื่อมีการเดินหน้าร่างกฎหมายแบน Tiktok ของสหรัฐฯ จึงยากจะคาดเดาได้ว่าหากร่างกฎหมายฉบับนี้อนุมัติและมีผลบังคับใช้อาจยิ่งเพิ่มความตึงเครียดระหว่างสองประเทศ เพราะจีนรู้สึกว่าสหรัฐฯกำลังปล้นเทคโนโลยีเชิงพาณิชย์ของ Tiktok ไปจากจีน โดยเฉพาะอัลกอริทึมเฉพาะของ Tiktok ที่ถูกขนานนามว่าดีที่สุดในโซเชียลมีเดีย

 

          นั่นทำให้สุดท้ายแม้จะมีการเลือกตั้งประธานาธิบดีคนใหม่ Tiktok ก็อาจถูกแบนออกจากสหรัฐฯอยู่เช่นเดิม

 

 

 

 

 

          ที่มา

 

          https://techxplore.com/news/2024-03-tiktok-parent-company-agent-chinese.html

 

          https://techxplore.com/news/2024-03-big-brands-pivot-easily-tiktok.html

 

          https://techxplore.com/news/2024-04-tiktok-music.html

 

          https://www.bangkokbiznews.com/business/1117986

 

          https://techxplore.com/news/2024-04-apple-whatsapp-threads-china-app.html

 

          https://techxplore.com/news/2024-03-tiktok-secret-sauce-caught-china.html

 

          https://techxplore.com/news/2024-04-owner-musk-opposed-competitor-tiktok.html