posttoday

ตม.จับตาเขมรมุสลิมเข้าไทยต้องสงสัยป่วนใต้

23 กุมภาพันธ์ 2562

"บิ๊กโจ๊ก"สั่งตม.ทั่วประเทศจับตามุสลิมเข้าประเทศหลังรวบ11ผู้ต้องสงสัยป่วนใต้เมื่อปลายม.ค.62

"บิ๊กโจ๊ก"สั่งตม.ทั่วประเทศจับตามุสลิมเข้าประเทศหลังรวบ11ผู้ต้องสงสัยป่วนใต้เมื่อปลายม.ค.62

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ หักพาล ผู้บัญชาการตำรวจตรวจคนเข้าเมือง (ผบช.สตม.) กล่าวว่า สั่งให้ตำรวจทั่วประเทศจับตาบรรดาเขมรมุสลิมที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยโดยเฉพาะพวกที่อยู่เกินกำหนดในภูมิภาคต่างๆเน้นในจังหวัดชายแดนภาคใต้หลังจากที่ก่อนหน้านี้มีการจับเขมรมุสลิมต้องสงสัยเกี่ยวกับความไม่สงบใน จ.ปัตตานี ไปจำนวน 11 คน

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 28 ม.ค. ตม.จว.ปัตตานี ได้รับการประสานจากหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ แจ้งว่าเมื่อเวลาประมาณ 00.10 น. ของวันที่ 28 ม.ค. เจ้าหน้าที่กรมทหารพรานกรม ทพ.42 นำโดย พ.อ.สมคิด คงแข็ง ผบ.ฉก.ทพ.42 ร่วมกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.มายอ และเจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง ได้ร่วมกันปิดล้อมตรวจค้นโรงเรียนปอเนาะมัดรอลาตุลฟาละห์ ต.ถนน อ.มายอ จ.ปัตตานี เนื่องจากได้รับแจ้งจากแหล่งข่าวที่น่าเชื่อถือ ว่าโรงเรียนปอเนาะมัดรอลาตุลฟาละห์ดังกล่าวมีพฤติการณ์ให้การช่วยเหลือ หรือให้ที่พักพิงแก่ ผู้ก่อความไม่สงบใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยกลางคืนจะมีการฝึกยุทธวิธีการต่อสู้บุคคลด้วยมือเปล่าให้แก่นักเรียนในโรงเรียนปอเนาะดังกล่าว ผลการตรวจค้นพบคนสัญชาติไทย ซึ่งเป็นครูและครูผู้ช่วยสอน จำนวน 2 คน นักเรียน 37 คน คนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชาจำนวน 11 คน เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองจึงได้เข้าร่วมทำการตรวจสอบเอกสารหนังสือเดินทางของบุคคลต่างด้าว

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวถึงนโยบายในการป้องกันคนต่างด้าวว่า ปกติแล้วสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ได้มีมาตรการในการคัดกรองบุคคลเข้า-ออกราชอาณาจักรอย่างเข้มข้น โดยให้ดำเนินการตามพระราชบัญญัติคนเข้าเมือง พ.ศ.2522 อย่างเคร่งครัด ซึ่งหลักการพิจารณาการเข้าเมืองของคนต่างด้าวต้องเป็นไปตาม มาตรา 12 ซึ่งได้กำหนดลักษณะของบุคคลต้องห้ามเข้ามาในราชณาจักรไทย ถือเป็นกลไกแรกสำหรับการคัดกรองในการขออนุญาตเข้าเมืองของคนต่างด้าวที่จะเข้ามาในราชอาณาจักรไทย โดยให้ด่านตรวจคนเข้าเมืองทุกด่านตั้งแต่ชายแดนไปจนถึงสนามบินให้ปฏิเสธการเข้าเมืองทุกกรณี หากตรวจสอบพบคนต่างด้าวต้องสงสัยหรือคนต่างด้าวใดๆ ที่มีลักษณะผิดสังเกต

ทั้งนี้ก็เพื่อคัดกรองคนต่างด้าวที่จะหลบหนีเข้าเมือง หรือคนต่างด้าวที่กระทำผิดกฎหมาย แม้กระทั่งกรณีคนต่างด้าวที่ใช้ราชอาณาจักรไทยเป็นทางผ่านเพื่อไปยังประเทศที่ 3 และคนต่างด้าวที่มีหมาย Interpol (Red Notice) ซึ่งเป็นบุคคลที่ทางการต่างประเทศต้องการตัว เข้ามาในราชอาณาจักร ซึ่งประเทศไทยให้ความสำคัญกับการปฏิเสธการเข้าเมืองเช่นเดียวกันกับนานาประเทศ นอกจากนี้ ยังมีมาตรการที่เข้มข้นในการจับกุมคนต่างด้าวที่อยู่ในราชอาณาจักรซึ่งกระทำผิดกฎหมายคนเข้าเมือง เช่น การอยู่ในราชอาณาจักรเกินระยะเวลากำหนด (overstay) การใช้วีซ่าผิดประเภท เป็นต้น ซึ่งคนต่างด้าวดังกล่าวนั้นจะถูกจับกุม ถูกเพิกถอนการอยู่ในราชอาณาจักร ตามมาตรา 36 เพื่อผลักดันออกนอกราชอาณาจักรต่อไป

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า จากข้อเท็จจริงในกรณีการปิดล้อมตรวจค้นโรงเรียนปอเนาะมัดรอลาตุลฟาละห์ในครั้งนี้ พบคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ถือศาสนาอิสลาม ซึ่งกระทำผิดตามกฎหมายเข้าเมืองในการอยู่ในราชอาณาจักรเกินระยะเวลากำหนด โดยการขออนุญาตเข้าเมืองของคนสัญชาติกัมพูชาสำหรับการท่องเที่ยวนั้น มีกำหนดระยะเวลา 14 วัน และเมื่อการอนุญาตสิ้นสุดลง สามารถขออนุญาตอยู่ต่อได้อีก 1 ครั้ง มีกำหนดระยะเวลา 7 วัน แต่การตรวจสอบพบคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชาดังกล่าวนั้น เป็นกรณีการอนุญาตสิ้นสุด คือ อยู่ในราชอาณาจักรเกินระยะเวลากำหนดตามกฎหมายคนเข้าเมือง หรือ Overstay จะเห็นได้ว่าการจับกุมและตรวจสอบการเข้าเมืองของคนต่างด้าวดังกล่าว พบว่าอยู่ในราชอาณาจักรเกินระยะเวลากำหนดกว่า 500 วันหรือเกือบ 2 ปี

พล.ต.ท.สุรเชษฐ์ กล่าวต่อว่า จึงได้กำชับทุกหน่วยในสังกัดทั่วประเทศ เกี่ยวกับมาตรการการตรวจตราเข้า - ออกราชอาณาจักรให้กับคนต่างด้าว โดยเฉพาะชาวมุสลิมเขมร และชาติอื่นๆด้วย เพื่อตรวจสอบคนต่างด้าวที่อาศัยอยู่ในราชอาณาจักร เช่น การตรวจสอบถิ่นที่อยู่ การพักอาศัยของคนต่างด้าว รวมถึงนายจ้างที่มีการจ้างแรงงานต่างด้าวให้แจ้งการขึ้นทะเบียนให้ถูกต้องตามกฎหมาย และผู้ประกอบกิจการที่ต้องแจ้งการเข้าพักอาศัยของคนต่างด้าว อีกทั้งมาตรการเฝ้าระวังบุคคลต่างด้าวต้องสงสัยที่อาจจะเป็นภัยต่อสังคมหรือต่อสาธารณะ อย่างกลุ่มเขมรที่จับไปก่อนหน้านี้

“อย่างไรก็ตามมาตรการต่างๆเหล่านี้ หน่วยงานในสังกัด สำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ถือปฏิบัติเป็นมาตรฐานเดียวกันตามหลักสากล โดยไม่มีการเลือกปฏิบัติต่อคนชาติใด และไม่ว่าจะเข้า - ออกราชอาณาจักรผ่านช่องทางใด หรือด้วยวิธีการใดๆ ก็จะใช้มาตรการเหล่านี้ ในการคัดกรอง ตรวจสอบ และจับกุม เฉกเช่นเดียวกันทั่วประเทศ” พล.ต.ต.สุรเชษฐ์ กล่าว

อย่างไรก็ตาม เขากล่าวด้วยว่า การดำเนินการของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองนั้นเป็นการดำเนินการตามขั้นตอนและเป็นไปตามกฎหมายคนเข้าเมือง ตั้งอยู่บนหลักสิทธิมนุษยชน และความตกลงระหว่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นการขออนุญาตเข้ามายังราชอาณาจักรไทย เพื่อการศึกษา ศาสนา การท่องเที่ยว หรือเพื่อวัตถุประสงค์อื่นใด ก็จะต้องทำการขออนุญาตเข้าเมืองตามเงื่อนไข หลักเกณฑ์ตามกฎหมายคนเข้าเมืองของราชอาณาจักร และหากจะเดินทางเข้าเมืองในประเทศใดๆ ตามหลักสากลก็จะต้องปฏิบัติตามกฎหมายคนเข้าเมืองของบ้านเมืองนั้น ซึ่งประเทศต่างๆ ทั่วโลกก็คงจะมีมาตรการเช่นเดียวกันกับราชอาณาจักรไทยด้วยเหตุผลด้านความปลอดภัยทั้งของคนในชาติและความมั่นคงของราชอาณาจักร