posttoday

หมายเรียก “ พี่คล้าว 2018” โดน 4 ข้อหา

29 พฤศจิกายน 2561

ตำรวจ สน.คันนายาว จ่อหมายเรียก “ พี่คล้าว 2018” พบ 4 ธ.ค. โดน 4 ข้อหา นิมนต์ "พระดร.ภูธิปนิธิศน์" ให้ถ้อยคำประกอบสำนวน

ตำรวจ สน.คันนายาว จ่อหมายเรียก “ พี่คล้าว 2018” พบ 4 ธ.ค. โดน 4 ข้อหา นิมนต์ "พระดร.ภูธิปนิธิศน์" ให้ถ้อยคำประกอบสำนวน

เมื่อเวลา10:30 น วันที่ 29 พฤศจิกายน ที่ สน คันนายาว ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พระ ดร.ภูธิปนิธิศร์ คงโภคานันทน์ (ชุติพโล) วัดมหาธาตุวรวิหาร จ.เพชรบุรี ซึ่งเป็นอดีตผู้เชี่ยวชาญ และเคยรับราชการที่กรมศิลปากร และเคยเป็นพยานผู้เชี่ยวชาญในการดำเนินคดีกับเณรคำที่ผ่านมาที่ศาลยุติธรรม ได้เดินเข้าให้ปากคำกับพนักงานสอบสวน สน.คันนายาว ในคดี “ไอ้คล้าวควายยิ้ม 2018” เกี่ยวกับความเห็นทางด้านภาษาศาสตร์ของการโฆษณาเรี่ยไรขอรับเงินบริจาคกับประโยคที่ว่า “อยากจะให้ช่วยกัน ในการไถ่ชีวิตเจ้าทองคำไว้ที่นี่........อาจจะทำบุญด้วยกันมาแค่นี้...” ซึ่งเป็นคำพูดของนายสุรัตน์ แผ้วเกตุ ว่ามีความเห็นอย่างไร?


โดยพระ ดร. ภูธิปนิธิศร์ เปิดเผยว่า วันนี้เดินทางมาเพื่อให้ถ้อยคำความหมายกับพนักงานสอบสวน เกี่ยวกับการไถ่ชีวิตโคกระบือ ตามที่นายสุรัตน์ ได้โพสต์ข้อความเพื่อเรี่ยไรเงินเพื่อไถ่ชีวิตเจ้าทองคำว่า ในความหมายของคำว่า”ไถ่” ซึ่งหากใช้กับสิ่งของหมายถึงการเป็นหนี้ แล้วมีการไถ่ถอนออกมา เช่นโรงรับจำนำ แต่ในทางพุทธศาสนา หากใช้กับสิ่งชีวิต หมายถึงการช่วยเหลือสิ่งมีชีวิตที่ตกทุกข์ ให้พ้นจากความทุกข์ และความตาย ให้มีชีวิต อยู่ต่อไป ซึ่งกรณีนี้ การไถ่ชีวิตหมายถึง การไม่ทรมานการมีชีวิตอยู่ การพ้นจากความทุกข์ ความลำบาก

ส่วนกรณีของผู้โพสต์ข้อความเพื่อไถ่ชีวิตเจ้าทองคำนั้น ขึ้นอยู่กับเจตนาของผู้โพสต์ หากมีจิตเป็นกุศล ก็ไม่ผิดวัตถุประสงค์ แต่ถ้าใช้ศาสตร์ภาษามาใช้เป็นมือหาประโยชน์ ถือว่าเป็นเรื่องที่ผิด และมองว่ากรณีนี้ ผู้โพสต์มีเจตนาอยากได้เจ้าทองคำมาเลี้ยงดู เพราะที่ผ่านมาเจ้าของควายจ้างให้เลี้ยง ถือเป็นประโยชน์ส่วนตน

พร้อม ฝากเตือนชาวพุทธมีจิตเป็นกุศล มีสติ ในการให้ความช่วยเหลือด้วยเงินทอง หากต้องการไถ่ถอนช่วยเหลือชีวิตสัตว์ ควรทำกับองค์กรและวัด หรือองค์กรการกุศล ที่มีรูปแบบของคณะกรรมการ ที่สามารถตรวจสอบจุดประสงค์ของเงินได้

ด้าน พ.ต.อ.สิงห์ สิงห์เดช ผกก.สน.คันนายาว กล่าวว่าเบื้องต้นขณะนี้ได้ประสานข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ธนาคารพบว่าเงินที่นายสุรัตน์ได้รับมาจากการบริจาคมีประมาณ 160,000 บาท ซึ่งนายสุรัตน์เบิกเงินมาใช้แค่100,000 บาท เพื่อใช้ซื้อควายตามที่ต้องการ ซึ่งจากการเชิญพยานมาให้ถ้อยคำกับพนักงานสอบสวน เพื่อใช้ประกอบสำนวนว่าการที่นายสุรัตน์โพสต์ข้อความเรี่ยไรดังกล่าวมีเจตนาฉ้อโกงประชาชนหรือไม่ โดยในวันนี้ได้มีการประชุมเพื่อพิจารณา เกี่ยวกับข้อกฎหมาย ซึ่งทำให้เชื่อว่านายสุรัตน์เข้าข่ายมีความผิดจริง จึงอยากแนะนำให้นายสุรัตน์มาพบพนักงานสอบสวนพร้อมนำหลักฐานมาชี้แจงเพื่อแสดงความบริสุทธิ์ ตนพร้อมจะให้ความเป็นธรรมถ้าไม่มีเจตนาจะกระทำความผิด ซึ่งก่อนหน้านี้ได้พยายามติดต่อให้นายสุรัตน์เข้ามาพบพนักงานสอบสวนแล้วแต่เจ้าตัวมีความกังวลและไม่ยอมมาพบ แต่ดันไปให้สัมภาษณ์ที่อื่น ซึ่งคำพูดเหล่านั้นจะไม่อยู่ในสำนวนคดี และหากมีการให้ถ้อยคำที่วกไปวนมา ไม่ตรงกัน อาจมีผลร้ายต่อตัวนายสุรัตน์เอง

พ.ต.อ.สิงห์ กล่าวต่อว่า ซึ่งหลังจากนี้หากนายสุรัตน์ยังไม่ยอมมาพบเจ้าหน้าที่ตำรวจ ก็จะทำการขออนุมัติศาลเพื่อออกหมายเรียกนายสุรีตน์มารับทราบข้อกล่าวหาภายในวันที่ 4 ธันวาคมในเวลา 10.00น. ประกอบด้วย 1.ฉ้อโกงประชาชน 2.พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ โดยทุจริต หรือหลอกลวงนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่บิดเบือนไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน 3. พ.ร.บ.การเรี่ยไร โดยเรี่ยไรในที่สาธารณะ การเรี่ยไรโฆษณาด้วยสิ่งพิมพ์ ด้วยวิทยุกระจายเสียงหรือด้วยเครื่องเปร่งเสียงโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ และ 4. พ.ร.บ.การฟอกเงิน ส่วนเงินขณะนี้ได้ทำการอาญัติบัญชีธนาคารดังกล่าวแล้ว และเงินที่ใช้เป็นค่าซื้อควาย ทางนายกอบต.สุขเดือนห้า จ.ชัยนาทเจ้าของควายเก่าได้นำเงินจำนวน 100,000 บาทมามอบคืนให้เจ้าหน้าที่ ซึ่งมีผู้เสียหายมารับคืนแล้ว 3-4 ราย ส่วนควายตัวดังกล่าวที่ต้องยึดไว้เป็นของกลาง เพราะเป็นสิ่งที่นายสุรัตน์ใช้ในการกระทำความผิด

ส่วนที่ผู้สื่อข่าวท้องถิ่นที่ช่วยเผยแพร่ข้อความที่นายสุรัตน์ โพสต์เรี่ยไร ก็ยังต้องตรวจสอบว่าอาจมีส่วนร่วมในการกระทำความผิดดังกล่าวด้วยหรือไม่