posttoday

อดีตส.ก.จี้กทม.ทบทวนเตาเผาขยะ1.3หมื่นล.

15 พฤศจิกายน 2561

ประเดิมชัย “อดีตส.ก.” จี้กทม.ทบทวนประมูล“เตาเผาขยะ”วงเงิน 1.3 หมื่นล้าน หวั่นเอกชนชนะประมูลจับเสือมือเปล่าไม่ผ่านอีไอเอทำชาวบ้านวิตก

ประเดิมชัย “อดีตส.ก.” จี้กทม.ทบทวนประมูล“เตาเผาขยะ”วงเงิน 1.3 หมื่นล้าน  หวั่นเอกชนชนะประมูลจับเสือมือเปล่าไม่ผ่านอีไอเอทำชาวบ้านวิตก

เมื่อวันที่ 15 พ.ย.นายประเดิมชัย บุญช่วยเหลือ อดีตสมาชิกสภากรุงเทพมหานคร (ส.ก.) เขตห้วยขวาง  ในฐานะอดีตประธานคณะกรรมการการรักษาความสะอาดและสิ่งแวดล้อม สภา กทม. กล่าวถึงกรณีที่ กรุงเทพฯประกาศประชาพิจารณ์ร่างขอบเขตงาน (ทีโออาร์) โครงการประกวดราคาจ้างเหมาเอกชนกำจัดมูลฝอยโดยระบบเตาเผามูลฝอย ที่ศูนย์กำจัดมูลฝอยหนองแขม และอ่อนนุช ด้วยวิธีประกวดราคาอิเล็กทรอนิกส์  วงเงินงบประมาณโครงการละ 6,570 ล้านบาท รวม 2 โครงการ มูลค่า 13,140 ล้านบาท ว่า เท่าที่ศึกษาร่างทีโออาร์ของ 2 โครงการที่มีเนื้อหาเหมือนกัน ส่วนตัวในฐานะที่ติดตามเรื่องนี้มาอย่างใกล้ชิด มีข้อสังเกตในประเด็นการกำหนดราคากลางการกำจัดขยะ ที่แม้ว่าเดิม กทม.จะกำหนดไว้สูงถึง 1,000 บาทต่อตัน แล้วลดลงเหลือ 900 บาทต่อตันในร่างทีโออาร์นี้ แต่ในความเป็นจริง กทม.มีศักยภาพในการต่อรอง หรือบริหารจัดการด้วยต้นทุนที่ถูกลงกว่านี้ได้ เหมือนกับองค์กร์ส่วนท้องถิ่นอื่นๆ ซึ่งการที่ กทม.กำหนดงบประมาณไว้โรงละ 6,570 ล้านบาท ก็เท่ากับลงทุนให้กับเอกชนทั้งหมด ทำให้เอกชนที่ชนะประมูลเหมือนจับเสือมือเปล่า  เพราะอย่าลืมว่าด้วยเทคโนโลยีปัจจุบัน สามารถเพิ่มมูลค่าขยะได้อย่างมหาศาล ไม่ว่าจะเป็นการผลิตไฟฟ้า หรือกระบวนการรีไซเคิล

นายประเดิมชัย กล่าวต่อว่า แม้โครงการนี้มีความจำเป็น แต่ยังไม่ถือว่าเร่งด่วนมาก เพราะตอนนี้ กทม.ยังสามารถจัดการทำลายขยะได้ กระบวนการฝังกลบที่ใช้อยู่ก็ถูกกว่า ดังนั้นจึงไม่ควรเร่งรีบโดยขาดความรอบคอบ ที่สำคัญโครงการนี้ได้รับการยกเว้นไม่ต้องทำรายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (อีไอเอ) จากคำสั่งมาตรา 44 ก่อนหน้านี้ด้วย  กทม.จึงควรมีมาตรการสร้างความเชื่อมั่นในเรื่องสิ่งแวดล้อมและชุมชนให้กับประชาชนในพื้นที่ก่อน ไม่ใช่เดินหน้าแล้วทำให้ชาวบ้านต้องวิตกกังวลในความปลอดภัย ตลอดจนเรื่องราคากลางที่ควรมีหน่วยงานกลางที่มีมาตรฐานมาทำการศึกษากำลังราคาที่เหมาะสมให้ชัดเจนก่อน และเปิดให้มีการแข่งขันในด้านราคามากกว่านี้ เพื่อรักษาผลประโยชน์ส่วนรวมด้วย