posttoday

"ธาริต"รอด! ศาลยกฟ้องคดีปฏิบัติหน้าที่มิชอบ

25 กันยายน 2561

ศาลอาญา พิพากษายกฟ้อง "ธาริต"พร้อม พวก รวม 4 คน คดีอภิสิทธิ์-สุเทพ ฟ้องปฏิบัติหน้าที่มิชอบ แจ้งข้อหาฆ่าคนตายสลายม็อบ นปช. ชี้ ไม่มีหลักฐานบ่งชี้จำเลยมีพฤติการณ์จงใจกลั่นแกล้ง

ศาลอาญา พิพากษายกฟ้อง "ธาริต"พร้อม พวก รวม 4 คน คดีอภิสิทธิ์-สุเทพ ฟ้องปฏิบัติหน้าที่มิชอบ แจ้งข้อหาฆ่าคนตายสลายม็อบ นปช. ชี้ ไม่มีหลักฐานบ่งชี้จำเลยมีพฤติการณ์จงใจกลั่นแกล้ง

เมื่อเวลา 09.00 น. วันที่  25 ก.ย. 61 ศาลอาญาถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดฟังคำพิพากษาคดีหมายเลขดำ อ.310/2556 ที่นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ และอดีตนายกรัฐมนตรี กับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตผู้อำนวยการศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน (ศอฉ.) และอดีตรองนายกฯ เป็นโจทก์ยื่นฟ้องนายธาริต เพ็งดิษฐ์ อดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ), พ.ต.ท.วรรณพงษ์ คชรักษ์ ในฐานะอดีตหัวหน้าชุดคดีการเสียชีวิตของประชาชนและเจ้าหน้าที่รัฐจากเหตุรุนแรงทางการเมืองปี 2553, พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ และ ร.ต.อ.ปิยะ รักสกุล ในฐานะพนักงานสอบสวน เป็นจำเลยที่ 1- 4 ในความผิดฐานเป็นร่วมกันเจ้าพนักงานปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบหรือโดยทุจริต และเป็นเจ้าพนักงานสอบสวนกระทำการโดยมีเจตนากลั่นแกล้งให้ผู้อื่นได้รับโทษอาญา ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 83, 90, 157, 200

กรณีเมื่อเดือน ก.ค. 2554 - 13 ธ.ค. 2555 ดีเอสไอได้สรุปสำนวนดำเนินคดีนายอภิสิทธิ์และนายสุเทพ ข้อหาก่อให้ผู้อื่นฆ่าและพยายามฆ่าโดยเจตนาและเล็งเห็นผล จากการออกคำสั่ง ศอฉ. ใช้กำลังเจ้าหน้าที่กระชับพื้นที่การชุมนุมกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เมื่อปี 2553 ซึ่งโจทก์เห็นว่าการแจ้งข้อหาบิดเบือนจากข้อเท็จจริง และดีเอสไอไม่มีอำนาจ เพราะต้องเป็นการวินิจฉัยของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.)

โดยศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า การสอบสวนของจำเลยที่ 1-4 เป็นการกระทำในรูปแบบของคณะกรรมการดีเอสไอ มีอัยการร่วมแจ้งข้อกล่าวหาอีก 2 คนไม่ได้ทำตามลำพัง อีกทั้งคดีนี้ศาลยังไม่ได้วินิจฉัยชี้ขาดพฤติการณ์แห่งคดีและศาลเห็นว่าแต่ละชั้นศาลยังมีข้อวินิจฉัยเรื่องกฎหมายแตกต่างกัน ซึ่งจำเลยได้วินิจฉัยข้อกฎหมายในฐานะที่เป็นคณะพนักงานสอบสวนเห็นว่าการที่ โจทก์ทั้ง 2 ออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ทหารใช้กระสุนจริงยิงกลุ่มผู้ชุมนุมเป็นความผิดส่วนบุคคล คำเบิกความของโจทก์ทั้งสองยังไม่มีหลักฐานชี้ให้ศาลเห็นว่าจำเลยที่ 1-4 มีพฤติการณ์จงใจกลั่นแกล้งให้โจทก์ทั้งสองต้องได้รับโทษทางอาญาแต่อย่างใด การกระทำของจำเลยไม่เป็นความผิดตามฟ้อง จึงพิพากษายกฟ้อง