เก็บของมูลค่าไม่เกิน3หมื่นมีสิทธิเรียกสินน้ำใจ10% มากกว่านั้นได้อีกร้อยละ 5
เปิดข้อกฎหมาย ค่าตอบแทนที่ผู้เก็บของแล้วส่งคืนเจ้าของ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
เปิดข้อกฎหมาย ค่าตอบแทนที่ผู้เก็บของแล้วส่งคืนเจ้าของ ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์
ข่าวกระเป๋ารถเมล์เก็บเงินที่ผู้โดยสารลืมไว้ได้จำนวน 1.1 ล้านบาท ก่อนส่งให้เจ้าหน้าที่เพื่อมอบคืนแก่เจ้าของ กลายเป็นข่าวใหญ่และเรียกเสียงชื่นชมจากผู้คนได้ทั่วทั้งประเทศ
อย่างไรก็ตามอีกด้านหนึ่ง มีคำถามว่า เจ้าของเงินต้องให้สินน้ำใจตอบแทนเป็นจำนวนเท่าไหร่แก่ผู้เก็บได้
โพสต์ทูเดย์ตรวจสอบข้อกฎหมายพบว่า ผู้เก็บได้ต้องส่งคืนเจ้าของ ซึ่งเจ้าของต้องให้สินน้ำใจตอบแทน ตามที่ถูกกำหนดอยู่ในข้อกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ แต่หากผู้เก็บได้ไม่ประสงค์ที่จะรับสินน้ำใจ ก็สามารถปฏิเสธได้
โดยประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ 14) พ.ศ. 2548 มาตรา 1324 ระบุถึงค่าตอบแทนที่ผู้เก็บของแล้วคืนควรได้ไว้ดังนี้
ผู้เก็บได้ ซึ่ง ทรัพย์สิน หาย อาจเรียกร้องเอา รางวัล จาก บุคคล ผู้มีสิทธิจะรับ ทรัพย์สิน นั้น เป็นจำนวน ร้อยละสิบ แห่ง ค่าทรัพย์สิน ภายในราคา สามหมื่นบาท และถ้า ราคาสูงกว่านั้นขึ้นไป ให้คิดให้อีก ร้อยละห้า ในจำนวนที่เพิ่มขึ้น แต่ถ้า ผู้เก็บได้ ซึ่ง ทรัพย์สินหาย ได้ส่งมอบ ทรัพย์สิน แก่ เจ้าพนักงานตำรวจ หรือ พนักงานเจ้าหน้าที่อื่น ให้เสียเงินอีก ร้อยละสองครึ่ง แห่ง ค่าทรัพย์สิน เป็น ค่าธรรมเนียม แก่ ทบวงการ นั้นๆ เพิ่มขึ้น เป็นส่วนหนึ่ง ต่างหากจากรางวัล ซึ่ง ให้แก่ ผู้เก็บได้ แต่ ค่าธรรมเนียมนี้ ให้จำกัดไว้ ไม่ให้เกิน หนึ่งพันบาท
ถ้า ผู้เก็บได้ ซึ่ง ทรัพย์สินหาย มิได้ปฏิบัติตาม บทบัญญัติ ใน มาตราก่อน ไซร้ ท่านว่า ผู้นั้น ไม่มีสิทธิจะรับรางวัล
พูดให้ง่ายกว่านั้นก็คือ
- มูลค่าของไม่เกิน 30,000 บาทผู้เก็บได้มีสิทธิเรียกร้องค่าตอบแทนร้อยละ 10 ของมูลค่าสิ่งของที่เก็บได้ หรือเก็บของ 30,000 ได้ 3,000 บาท
- มูลค่าของเกินกว่า 30,000 บาท ผู้เก็บได้มีสิทธิเรียกร้องค่าตอบแทนเพิ่มอีกร้อยละ 5 ของมูลค่าที่เกิน 30,000 นั้น
- ถ้าผู้เก็บของได้นำไปแจ้งเจ้าหน้าที่ เจ้าของต้องจ่ายค่าธรรมเนียมให้แก่หน่วยงานนั้นอีกร้อยละ 2.5 นอกเหนือจากค่าตอบแทนที่มอบให้แก่ผู้เก็บได้แต่ไม่เกิน 1,000 บาท
สำหรับผู้ที่เก็บทรัพย์สินที่หายได้ ตามมาตรา 1323 ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ ต้องปฏิบัติดังนี้หากต้องการเข้าเกณฑ์ดังกล่าว
บุคคล เก็บได้ ซึ่ง ทรัพย์สิน หาย ต้องทำ อย่างหนึ่งอย่างใด ดั่งต่อไปนี้
(๑) ส่งมอบ ทรัพย์สิน นั้น แก่ ผู้ของหาย หรือ เจ้าของ หรือ บุคคล อื่น ผู้มีสิทธิจะรับ ทรัพย์สิน นั้น หรือ
(๒) แจ้งแก่ ผู้ของหาย หรือ เจ้าของ หรือ บุคคล อื่น ผู้มีสิทธิจะรับ ทรัพย์สิน นั้น โดยมิชักช้า หรือ
(๓) ส่งมอบ ทรัพย์สิน นั้น แก่ เจ้าพนักงานตำรวจ หรือ พนักงานเจ้าหน้าที่ อื่น ภายใน สามวัน และ แจ้งพฤติการณ์ ตามที่ทราบ อันเป็นเครื่องช่วย ในการสืบหา ตัวบุคคล ผู้มีสิทธิจะรับ ทรัพย์สิน นั้น
แต่ถ้า ไม่ทราบ ตัวผู้ของหาย เจ้าของ หรือ บุคคลอื่น ผู้มีสิทธิจะรับ ทรัพย์สิน ก็ดี หรือ บุคคล ดั่งระบุนั้น ไม่รับมอบ ทรัพย์สิน ก็ดี ท่าน ให้ดำเนินการ ตาม วิธีอันบัญญัติไว้ ใน อนุมาตรา (๓)
ทั้งนี้ ท่านว่า ผู้เก็บได้ ซึ่ง ทรัพย์สิน หาย ต้อง รักษา ทรัพย์สิน นั้น ไว้ ด้วยความระมัดระวัง อันสมควร จนกว่าจะส่งมอบ
สรุปคือ...
1. รีบส่งมอบทรัพย์คืนแก่เจ้าของ
2. รีบแจ้งแก่ผู้ของหาย หรือเจ้าของ โดยเร็ว
3. ส่งมอบทรัพย์แก่ตำรวจหรือพนักงานเจ้าหน้าที่อื่นภายใน 3 วัน
ทั้งนี้ หากเจ้าของทรัพย์สิน ไม่มารับคืนภายในเวลา 1 ปี นับตั้งแต่วันที่เก็บได้ กรรมสิทธิ์นั้นจะตกเป็นของผู้เก็บได้ ตามมาตรา 1325
ถ้า ผู้เก็บได้ ซึ่ง ทรัพย์สิน หาย ได้ปฏิบัติตาม บทบัญญัติ มาตรา ๑๓๒๓ แล้ว และ ผู้มีสิทธิจะรับ ทรัพย์สิน นั้น มิได้เรียกเอา ภายใน หนึ่งปี นับแต่ วันที่เก็บได้ ไซร้ ท่านว่า กรรมสิทธิ์ ตกแก่ ผู้เก็บได้
แต่ถ้า ทรัพย์สิน ซึ่ง ไม่มีผู้เรียกเอา นั้น เป็น โบราณวัตถุ ไซร้ กรรมสิทธิ์ แห่ง ทรัพย์สิน นั้น ตกแก่แผ่นดิน แต่ ผู้เก็บได้ มีสิทธิ จะได้รับ รางวัล ร้อยละสิบ แห่ง ค่า ทรัพย์สิน นั้น


