posttoday

บีโอไอถกลงทุนวันนี้จ่อไฟเขียว1.5หมื่นล.

13 กันยายน 2553

บอร์ดบีโอไอเตรียมไฟเขียวอนุมัติลงทุน 10 กิจการมูลค่ากว่า 1.5 หมื่นล้านบาท พร้อมพิจารณาแนวทางขอใช้แรงงานต่างด้าว ของโครงการที่ได้รับส่งเสริมการลงทุนแหล่งข่าวจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในวันที่ 13 ก.ย.นี้ ที่ประชุมจะมีการพิจารณาอนุมัติส่งเสริมการลงทุนรวมจำนวน 10 โครงการ มูลค่ากว่า 1.55 หมื่นล้านบาท ประกอบด้วย 1.บริษัท ชิงธง ขยายกิจการเลี้ยงไก่ มูลค่า 1,370 ล้านบาท ที่ จ.เพชรบูรณ์ 2.บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล แคสติ้งโปรดักส์ ขอรับการส่งเสริมในกิจการผลิตชิ้นส่วนล้อรถยนต์มูลค่า 1,200 ล้านบาท ที่ จ.ระยอง3.บริษัท มาก๊อกโต้ ขอรับการส่งเสริมโครงการผลิตชิ้นส่วนเครื่องจักรกลอุตสาห กรรม มูลค่า 2,000 ล้านบาท ที่ จ.สระบุรี 4.บริษัท คล็อกเนอร์ แพนเธอพาสไทยแลนด์ ขอรับการส่งเสริมโครงการผลิตฟิล์มพลาสติกถนอมอาหาร มูลค่า 862 ล้านบาท ที่ จ.ระยอง5.บริษัท ทีพีไอโพลีน เพาเวอร์ ขอรับการส่งเสริมโครงการผลิตเชื้อเพลิงจากน้ำเสียและอุตสาหกรรมมูลค่า 1,683 ล้านบาท ที่ จ.สระบุรี 6.บริษัท น้ำประปาไทย ขอรับการส่งเสริมโครงการผลิตน้ำประปา

บอร์ดบีโอไอเตรียมไฟเขียวอนุมัติลงทุน 10 กิจการมูลค่ากว่า 1.5 หมื่นล้านบาท พร้อมพิจารณาแนวทางขอใช้แรงงานต่างด้าว ของโครงการที่ได้รับส่งเสริมการลงทุน

แหล่งข่าวจากคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า การประชุมคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ที่มีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานในวันที่ 13 ก.ย.นี้ ที่ประชุมจะมีการพิจารณาอนุมัติส่งเสริมการลงทุนรวมจำนวน 10 โครงการ มูลค่ากว่า 1.55 หมื่นล้านบาท ประกอบด้วย 1.บริษัท ชิงธง ขยายกิจการเลี้ยงไก่ มูลค่า 1,370 ล้านบาท ที่ จ.เพชรบูรณ์ 2.บริษัท อินเตอร์เนชั่นแนล แคสติ้งโปรดักส์ ขอรับการส่งเสริมในกิจการผลิตชิ้นส่วนล้อรถยนต์มูลค่า 1,200 ล้านบาท ที่ จ.ระยอง

3.บริษัท มาก๊อกโต้ ขอรับการส่งเสริมโครงการผลิตชิ้นส่วนเครื่องจักรกลอุตสาห กรรม มูลค่า 2,000 ล้านบาท ที่ จ.สระบุรี 4.บริษัท คล็อกเนอร์ แพนเธอพาสไทยแลนด์ ขอรับการส่งเสริมโครงการผลิตฟิล์มพลาสติกถนอมอาหาร มูลค่า 862 ล้านบาท ที่ จ.ระยอง

5.บริษัท ทีพีไอโพลีน เพาเวอร์ ขอรับการส่งเสริมโครงการผลิตเชื้อเพลิงจากน้ำเสียและอุตสาหกรรมมูลค่า 1,683 ล้านบาท ที่ จ.สระบุรี 6.บริษัท น้ำประปาไทย ขอรับการส่งเสริมโครงการผลิตน้ำประปา มูลค่า 1,300 ล้านบาท ที่ จ.นครปฐม 7.บริษัท สุโขทัยไบโอเอ็นเนอยี่ ขอรับการส่งเสริมการผลิตไฟฟ้าจากชีวมวล มูลค่า 2,032 ล้านบาท ที่ จ.สุโขทัย 8.บริษัท โรจนะเพาเวอร์ ขอรับการส่งเสริมโครงการผลิตไฟฟ้าจากไอน้ำมูลค่า 2,110 ล้านบาท ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา

9.บริษัท บางปะอิน โคเจนเนอเรชั่น ขอรับการส่งเสริมผลิตไฟฟ้าจากไอน้ำ มูลค่า 5,143 ล้านบาท ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา 10.บริษัท โรจนะเพาเวอร์ ขอรับการส่งเสริมโครงการผลิตไฟฟ้าจากแสงอาทิตย์ (ไม่แจ้งมูลค่าลงทุน) ที่ จ.พระนครศรีอยุธยา

แหล่งข่าวจากบอร์ดบีโอไอ เปิดเผยว่า นอกจากนี้ยังจะมีการเสนอนโยบายการกำหนดแนวทางการขออนุญาตใช้แรงงานต่างด้าวไร้ฝีมือ ซึ่งจะต้องเป็นกิจการที่ก่อตั้งในประเทศไทยมานาน และกำหนดให้ไทยเป็นฐานการผลิตสำคัญของบริษัท หรือลงทุนจำนวนมากเพื่อให้เห็นถึงการลงทุนในระยะยาว โดยจะจำกัดเฉพาะภาคอุตสาหกรรมเท่านั้น ไม่ครอบคลุมภาคเกษตรกรรมที่มีเกษตรกรรายย่อยดำเนินการอยู่แล้ว และธุรกิจบริการซึ่งหาแรงงานง่ายกว่า รวมทั้งจะจำกัดสัดส่วนระยะเวลาในการอนุญาตให้ใช้แรงงานต่างด้าวระดับปฏิบัติการไม่ให้มากเกินไป

ทั้งนี้ คาดว่ามีการเสนอขออนุญาตใช้แรงงานต่างด้าวไร้ฝีมือของกลุ่มบริษัท มินิแบที่ได้มีการพิจารณาจากคณะอนุกรรมการส่งเสริมการลงทุนมาแล้วระดับหนึ่ง ซึ่งบริษัทมีแผนการลงทุน 1.6 หมื่นล้านบาท เพื่อเพิ่มการผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ ต้องการจ้างงานจากปัจจุบันราว 3 หมื่นคนเป็น 4.4 หมื่นคนในปี 2555 โดยในจำนวนที่เพิ่มขึ้นนั้นต้องพึ่งแรงงานต่างด้าวระดับปฏิบัติการถึง 4,544 คน

“การปรับเปลี่ยนอุตสาหกรรมที่พึ่งพาแรงงานไร้ฝีมือน้อยลงไม่สามารถทำได้เร็วในระยะสั้นจะต้องมีช่วงเวลาให้ภาคอุตสาหกรรมปรับตัว แต่การให้บริษัทใดบริษัทหนึ่งก็จะต้องทำอย่างรอบคอบ เพราะการส่งเสริมฯบีโอไอต้องการให้ใช้แรงงานไทยเท่านั้น แต่ก็ต้องยอมรับว่าเวลานี้แรงงานระดับล่างของไทยขาดแคลน” แหล่งข่าว กล่าว