ดีเอสไอร่วมศุลกากรจับขยะอุตสาหกรรมอันตราย
ดีเอสไอประสานศุลกากรอายัดตู้สินค้าส่งออกท่าเรือทีพีพี เปิดตู้พบขยะและกากอุตสาหกรรมอันตรายจำนวนมาก
ดีเอสไอประสานศุลกากรอายัดตู้สินค้าส่งออกท่าเรือทีพีพี เปิดตู้พบขยะและกากอุตสาหกรรมอันตรายจำนวนมาก
เมื่อวันที่ 9 ต.ค. นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีดีเอสไอ พร้อมนางศิวาพร ชื่นจิตต์ศิริ รองอธิดีดีเอสไอ และนายภูริช ยมนา ผู้อำนวยการศูนย์ปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับโรงงานอุตสาหกรรม (คปอ.) แถลงความคืบหน้ากรณีมีผู้ร้องเรียนว่ามีกลุ่มบุคคล ผู้ประกอบการโรงงานอุตสาหกรรมได้ร่วมกันนำกากอุตสาหกรรมอันตราย (waste Hazadoes) ซึ่งเป็นของเสีย และเคมีวัตถุตามพระราชบัญญัติวัตถุอันตราย พ.ศ.2535 และของเสียอันตรายตามอนุสัญญาบาเซล ส่งออกนอกประเทศ และนำเข้าจากต่างประเทศ โดยมีการสำแดงเอกสารเท็จต่อศุลกากร และไม่ได้รับอนุญาตให้นำเข้าและส่งออกของสินค้า
นายธาริต กล่าวว่า ได้มอบหมายให้คณะทำงานปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับโรงงานอุตสาหกรรม (คปอ) นำโดยนายภูริช ดำเนินการการสืบสวนสอบสวน กรณีดังกล่าว ซึ่งทางกรมสอบสวนคดีพิเศษได้ประสานข้อมูลกับกรมศุลกากร ก่อนตรวจสอบและยึดอายัดตู้สินค้าส่งออกที่ท่าเรือทีพีพี จ.สมุทราปราการ แล้วดำเนินการเก็บตัวอย่างสินค้าในตู้ ซึ่งเป็นกากอุตสาหกรรมอันตรายส่งตรวจสอบห้องปฏิบัติการทดสอบทางวิทยาศาสตร์ พบว่าว่าเป็นกาอุตสาหกรรมอันตรายจำนวนมาก หากมีการสูดดมหรือสัมผัสทางร่างกายอาจส่งผลกระทบต่อระบทางเดินหายใจได้ หลังจากนี้ได้ตรวจสอบติดตามไปยังโรงงานอุตสาหกรรมที่เป็นผู้รวบรวมกากอุตสาหกรรมอันตรายดังกล่าว เพื่อขยายผลในการดำเนินคดีกับผู้เกี่ยวข้องต่อไป
เบื้องต้นพนักงานสอบสวนได้พบข้อมูลว่าโรงงานรีไซเคิลกากอุตสาหกรรม ที่มีอยู่ทั่วประเทศเป็นต้นเหตุของการก่อกำเนิดสารพิษ และมลพิษเป็นจำนวนมาก ประกอบกับโรงงานและผู้ประกอบการส่งออกสินค้ากากอุตสาหกรรมเหล่านี้ได้ร่วมกันหลบเลี่ยงภาษีมูลค่าเพิ่มเป็นจำนวนมาก กรมสอบสวนคดีพิเศษ อยู่ในระหว่างการตรวจสอบโรงงานและผู้ประกอบการที่เกี่ยวข้องทั้งหมด และดีเอสไอได้รับการร้องเรียนเรื่องผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมที่มีต่อประชาชน ที่ได้รับมลพิษจากสถานประกอบการโรงงานอุตสาหกรรม และการปลอมปนสินค้าที่เป็นวัตถุอันตราย ของเสียเคมีวัตถุ เป็นผลเสียทางเศรษฐกิจเป็นอย่างมาก ซึ่งประเทศไทยได้เป็นประเทศสมาชิกตามอนุสัญญาบาเซลอยู่ด้วย