posttoday

ฉิ่งฉับทัวร์กร่อย กฎหมายใหม่ห้ามดื่มในรถ

14 สิงหาคม 2555

เอาแล้วสิ ครานี้คอเหล้าคอเบียร์ที่นิยมเดินทางเป็นหมู่คณะด้วยรถบัสรถทัวร์ เรียกประสาให้คุ้นหูว่าฉิ่งฉับทัวร์และชอบจิบชอบดื่มขณะเดินทาง

โดย...กันติพิชญ์ ใจบุญ

เอาแล้วสิ ครานี้คอเหล้าคอเบียร์ที่นิยมเดินทางเป็นหมู่คณะด้วยรถบัสรถทัวร์ เรียกประสาให้คุ้นหูว่าฉิ่งฉับทัวร์และชอบจิบชอบดื่มขณะเดินทาง ต้องชวดโอกาสแห่งความสุขเสียแล้ว เพราะล่าสุดมีประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี ห้ามผู้ใดบริโภคเครื่องดื่มแอลกอฮอล์บนทางในขณะขับขี่หรือในขณะโดยสารอยู่ในรถหรือบนรถ ซึ่งมีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 8 ส.ค.ที่ผ่านมา เรียกว่าตัดสิทธิการดื่มของคอเหล้าทันที

เอ้า ถ้าหากยังดื้อ ไม่ฟัง ไม่สนใจ ก็ลองมาดูที่บทลงโทษกันเสียหน่อย ไล่ตั้งแต่ปรับกันอยู่ที่ 1 หมื่นบาท จำคุกไม่เกิน 6 เดือน หากดื้อนักก็ทั้งจำทั้งปรับ

เหตุผลก็เพื่อลดอุบัติเหตุทางท้องถนน รวมถึงการก่อเหตุอาชญากรรมที่มีสุรายาเมาเข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้กฎหมายห้ามดื่มสุราบนท้องถนนทุกแห่งหนต้องงดต้องห้ามกันทุกกรณี ไม่มีละเว้น และดูเหมือนจะมุ่งเน้นไปที่ฉิ่งฉับทัวร์เป็นพิเศษ ที่แต่ละคันเมื่อขึ้นรถกันแล้ว ก็ต้องโจ๊ะสุราเป็นของแกล้มในการเดินทางกันเสียหน่อย แน่นอนว่าหน่วยงานที่ต้องดูแลต้องคุมก็คงหนีไม่พ้นตำรวจ

แต่วกกลับมาดูกันที่สถิติบนท้องถนนที่เกิดจากการดื่มสุราหรือผู้โดยสารดื่มด้วยก็ตามแต่ รวมถึงเหล่าฉิ่งฉับทัวร์ทั้งหลายแหล่ พบว่าในถนนเมืองไทยโดยเฉพาะในช่วงหน้าเทศกาลต่างๆ ฉิ่งฉับทัวร์และรถกระบะที่บรรทุกคนไปตามต่างจังหวัดหรือแม้แต่ในเมืองกรุงเอง จะเกิดอุบัติเหตุอยู่บ่อยครั้งนัก ทั้งเสียชีวิตและบาดเจ็บ และนี่เป็นที่มาของกฎหมายฉบับนี้

ฉิ่งฉับทัวร์กร่อย กฎหมายใหม่ห้ามดื่มในรถ

ตำรวจเองก็ไม่น้อยหน้า ตั้งแต่คำสั่งออกมาบังคับใช้ในวันที่ 8 ส.ค. ก็รับลูกทันที ในพื้นที่เมืองหลวงที่งานด้านจราจรต้องปราบต้องเข้มไม่ต่างจากต่างจังหวัด ว่าแล้ว พล.ต.ต.วรศักดิ์ นพสิทธิพร รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล (รอง ผบช.น.) ที่ดูงานด้านจราจรเมืองกรุงโดยตรง สั่งตรงไปยังทุกกองบังคับการตำรวจนครบาล เจ้าหน้าที่จราจรทุก สน. รวมถึง บก.จร. ให้ศึกษารายละเอียดตัวบทกฎหมายข้อนี้อย่างละเอียด เพื่อให้เข้าใจจะได้นำมาปฏิบัติงานอย่างถูกต้อง

“ผมสั่งการไปแล้วทุกพื้นที่เลย ให้ศึกษากฎหมายข้อนี้อย่างชัดเจน เพื่อจะได้วางแนวทางการปฏิบัติและกวดขันจับกุมผู้ที่ฝ่าฝืนอย่างชัดเจน” รองวรศักดิ์ ว่าเอาไว้

แล้วในบางกรณีที่ “เหล้าเหลือ” จากการไปกินดื่มหรืออะไรก็ตาม จะมีข้อปฏิบัติอย่างไร เรื่องนี้ พล.ต.ต.วรศักดิ์ ให้ความเห็นว่า ต้องดูที่เจตนาเป็นหลัก การที่จะเอากลับบ้านนั้น ตำรวจไม่ห้าม แต่ห้ามดื่มในขณะขับรถ รวมถึงผู้โดยสารด้วย เรื่องนี้ต้องชัดเจน แต่ไม่ใช่ว่าเอากลับบ้าน แต่ดื่มไปในรถด้วย อย่างนี้ถูกจับแน่นอน หรือถือกระป๋องเบียร์ไว้ในมือแล้วบอกว่าเอากลับบ้าน อย่างนี้ก็ไม่ปล่อย ต้องจับ

เอาง่ายๆ ว่า หากดื่มไม่หมดแล้วจะเอากลับบ้าน หากเก็บไว้ในรถต้องเก็บไว้ให้มิดชิด

“ยิ่งมีกฎหมายข้อนี้เข้ามาควบคุมผมว่ายิ่งดี กฎหมายตัวนี้หากควบคุมและบังคับใช้อย่างชัดเจน อุบัติเหตุจะลดลงอย่างแน่นอน ส่วนของนครบาลจะสั่งการให้ตำรวจจราจรประชาสัมพันธ์ถึงกฎหมายดังกล่าวให้ประชาชนรับทราบก่อน และจะจับปรับหากพบเห็นการดื่มสุราภายในรถแน่นอน มุ่งเน้นไปยังรถทัวร์ รถของคณะทัวร์ต่างๆ ทั้งจากต่างจังหวัดที่เข้ามา หรือจากกรุงเทพฯ ออกไปต่างจังหวัด เนื่องจากความคึกคะนองจากการดื่มสุราอาจจะทำให้มีอุบัติเหตุ รวมถึงเรื่องทะเลาะวิวาทของผู้ดื่มที่ไม่สามารถควบคุมตัวเองได้” พล.ต.ต.วรศักดิ์ ย้ำถึงโทษของสุรา

ความเห็นเรื่องกฎหมายการห้ามดื่มสุราบนรถทัวร์ของชาวคณะต่างๆ ดูเหมือนจะได้รับการตอบรับจากภาคสังคมทุกส่วนเป็นอย่างดีไม่น้อย ซ้ำร้ายหากใครฝ่าฝืนนอกจากจะถูกจับปรับ ตามโทษที่ระบุไว้ข้างต้นแล้ว ไม่วายจะถูกคุมประพฤติอีกด้วย แต่ภัยที่ร้ายกว่าคืออุบัติเหตุที่อาจจะเกิดขึ้นได้จากการดื่มสุรา

โดยที่สุดแล้ว จะเป็นการห้ามไม่ให้ดื่มสุราอย่างไรก็ตาม เหตุผลทั้งหมดที่ผู้เกี่ยวข้องออกกฎหมายมาก็เพื่อมุ่งเน้นไปยังความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก และอย่างที่ตำรวจว่าเอาไว้ หากฝ่าฝืนหรือไม่สนใจในตัวบทกฎหมาย ก็เตรียมตัวถูกจับเสียค่าปรับจำคุก!!!