posttoday

พับแผนเพิ่มศูนย์ดิจิทัลชุมชน 1.2 พันแห่ง “ไชยชนก” สั่งทบทวนความคุ้ม

10 พฤศจิกายน 2568

สดช.เตรียมทบทวนแผนขยายศูนย์ดิจิทัลชุมชนใหม่ 1,200 แห่ง หลัง “ไชยชนก ชิดชอบ” สั่งทบทวนโครงการ ย้ำดูงบประมาณและความคุ้มค่า ชี้ประชาชนยุคใหม่ใช้เน็ตที่บ้าน

ศูนย์ดิจิทัลชุมชน โดยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) มีอยู่จำนวน 2,222 แห่ง ทั่วประเทศ โดยเป็นการลงนามสัญญาเมื่อปี 2566 และจะครบกำหนดสัญญาในปี 2571 ซึ่งในสมัยที่นายประเสริฐ จันทรรวงทอง เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี สมัยพรรคเพื่อไทย เป็นรัฐบาลนั้น มีนโยบายให้ สำนักงานคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สดช .) ขยายศูนย์ดิจิทัลชุมชนใหม่เพิ่มเติมอีก 1,200 แห่ง อีกทั้งยังมีแนวคิดให้ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด ใช้สาขาของไปรษณีย์ไทย ทำหน้าที่เสมือนศูนย์ดิจิทัลชุมชนในการเป็นพื้นที่ให้ความรู้ สำหรับการทำตลาดอีคอมเมิร์ซ ด้วย 

ล่าสุด ภายใต้การทำงานของนายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดีอี คนปัจจุบัน ได้ขอให้สดช.ทบทวนโครงการดังกล่าว โดยนายเวทางค์ พ่วงทรัพย์ เลขาธิการคณะกรรมการดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ เปิดเผยว่า สดช.เตรียมทบทวนจัดตั้ง"ศูนย์ดิจิทัลชุมชน"เพิ่มเติมอีก 1,200 ศูนย์  ตามแผนงานเดิม หลังจากนายไชยชนก ชิดชอบ ให้สดช. พิจารณาทบทวนว่าการจัดตั้งเพิ่มดังกล่าว มีความคุ้มค่าหรือไม่ 

เนื่องจากโครงการนี้ได้ดำเนินงานมาเป็นเวลา 10 ปีแล้ว ดังนั้นในภาพรวมต้องทบทวนว่ามีจุดไหนที่ต้องปรับปรุง บางจุดที่ติดตั้งไปแล้วเป็นเวลานาน มีการใช้งานอย่างมีประสิทธิภาพและคุ้มค่ากับงบประมาณหรือไม่  เพราะบางจุดเมื่อเวลาเปลี่ยนไป อาจจะไม่ได้มีคนใช้งานแล้ว หรือประชาชนสามารถเข้าถึงอินเทอร์เน็ตผ่านโทรศัพท์มือถือ หรืออินเทอร์เน็ตบ้านของตนเองได้แล้ว เป็นต้น

ทั้งนี้ ที่ผ่านมา สดช. ได้จัดตั้งศูนย์ดิจิทัลชุมชน ในพื้นที่ต่างๆ ทั่วประเทศ จำนวน 1,722 แห่ง ใน 77 จังหวัด และได้เปิดให้บริการเพิ่มเติมอีก 500 แห่ง รวมเป็น 2,222 แห่ง ทั่วประเทศ เพื่อเดินหน้าขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากและลดความเหลื่อมล้ำทางดิจิทัล ผ่าน “โครงการพัฒนาระบบนิเวศศูนย์ดิจิทัลชุมชนอย่างยั่งยืน” ภายใต้แผนปฏิบัติการยุทธศาสตร์ที่ 5 ของแผนการจัดให้มีบริการโทรคมนาคมพื้นฐานโดยทั่วถึงและบริการเพื่อสังคม ฉบับที่ 2 พ.ศ. 2560 – 2564 และ เพื่อใช้เป็นพื้นที่แหล่งเรียนรู้สู่อนาคตดิจิทัล 

สำหรับการจัดตั้งศูนย์ดิจิทัลชุมชน ใช้งบประมาณศูนย์ละประมาณ 4 แสนบาทต่อปี และดำเนินโครงการมาเป็นระยะเวลากว่า 10 ปี เป็นการส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากอุปกรณ์ดิจิทัลเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานรากและพัฒนาสังคมในพื้นที่ชนบท โดยมีกลุ่มเป้าหมาย ประกอบด้วย ประชาชน ผู้มีรายได้น้อย คนพิการ เด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ด้อยโอกาสในสังคมในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศ เพื่อให้สามารถประยุกต์ใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในการพัฒนาคุณภาพชีวิต ซึ่งส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ในสถานที่ที่ประชาชนสามารถเข้าถึงได้อย่างสะดวกสบาย อาทิ วัด มัสยิด ที่ทำการหมู่บ้าน โรงเรียน และห้องสมุด เป็นต้น

ข่าวล่าสุด

ปภ.เผยน้ำท่วมใต้เหลือ 4 จังหวัด เร่งฟื้นฟู–เยียวยาต่อเนื่อง