คราฟต์ไอศกรีม Guss Damn Good ผนึก Copper รุกตลาดบุฟเฟ่ต์

สำหรับแบรนด์ Guss Damn Good เกิดขึ้นโดย ระริน ธรรมวัฒนะ และนที จรัสสุริยงค์ สองนักธุรกิจรุ่นใหม่ ที่มีความชอบและหลงใหลในไอศครีม เมื่อครั้งที่พวกเขาศึกษาอยู่ที่สหรัฐอเมริกา เมื่อ 10 ปีก่อน และสังเกตเห็นว่า ทำไมคนที่นั่นถึงยังนิยมทานไอศกรีมแม้อากาศหนาว เพื่อรำลึกถึงช่วงฤดูร้อน ซึ่งสะท้อนให้เห็นว่า ไอศกรีมเป็นมากกว่าแค่ขนมหวาน แต่เป็นสิ่งที่สามารถส่งผ่านความรู้สึกได้ด้วยแนวคิดนี้ พวกเขาจึงนำคอนเซ็ปต์ดังกล่าวกลับมายังประเทศไทย ซึ่งในเวลานั้นไอศกรีมที่ได้รับความนิยมมักจะมีท็อปปิ้งเยอะๆ และยังไม่มีใครนำเสนอไอศกรีมแบบสกู๊ปเดี่ยวๆ ที่ให้ไอศกรีมเป็นพระเอก 

ตลอดระยะเวลา 10 ปีที่ผ่านมา Guss Damn Good เติบโตขึ้นจนปัจจุบันมี ประมาณ 20 สาขาทั่วกรุงเทพฯ และส่วนใหญ่จะตั้งอยู่ในศูนย์การค้าฯ สร้างยอดขายได้ปีละ 100 ล้านบาท สำหรับปีนี้ มีแผนจะเปิดเพิ่มอีกประมาณ 2 สาขา 

Guss Damn Good วางตำแหน่งตัวเองอยู่ใน ตลาดไอศกรีมพรีเมียม โดยมีกลุ่มเป้าหมายหลักคือ First Jobbers หรือผู้ที่มีอายุ 25 ปีขึ้นไป ไอศกรีมในตลาดพรีเมียมมักจะมีราคาเริ่มต้นประมาณ 85 บาทขึ้นไป ในตลาดนี้ทั้งระริน และนที เชื่อว่ายังมีพื้นที่ให้เล่นอีกมาก โดยเฉพาะไอศกรีมที่มีเอกลักษณ์ชัดเจน และ Guss Damn Good เองก็ไม่ได้มุ่งเน้นการแข่งขันด้วยการลดราคาหรือโปรโมชั่น แต่เน้นที่การสร้างความแตกต่างและเอกลักษณ์ของตัวเอง โดยแทบไม่ค่อยดูคู่แข่งเท่าไหร่ 

ส่วนการร่วมมมือกับ Copper นับเป็นครั้งแรกที่ Guss Damn Good เข้าร่วมกับบุฟเฟต์ไอศกรีม เนื่องจากไม่เคยทำบุฟเฟต์มาก่อน การร่วมมือครั้งนี้เกิดขึ้นจากความบังเอิญ โดยที่ทั้งสองบริษัทต่างใช้ครีมฝรั่งเศสในการทำผลิตภัณฑ์ และได้มีโอกาสพบปะพูดคุยกันที่โรงงานครีมฝรั่งเศสเมื่อ 2 เดือนก่อน ทาง Copper ประทับใจในเรื่องราวและวิธีการทำไอศกรีมของ Guss Damn Good จึงได้ชวนมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในเมนู ไอศกรีม Guss Damn Good ที่นำเสนอใน Copper จะเป็น รสชาติยอดนิยม ของ Copper ด้วย อาทิ Here’s Your Damn Good Chocolate ดาร์กช็อกโกแลต 70%, Maine Rocky Coast –เกลืออัลมอนด์ (Sea Salt Almond Brittle) หรือ Summer Smile – วานิลลาเกลือคุกกี้ (Salted Vanilla Speculoos) Uji Matcha – ชาเขียวอูจิแท้จากเกียวโต ประเทศญี่ปุ่น ฯลฯ

ระริน มองว่าการจับมือครั้งนี้มีแนวโน้มจะเป็นการร่วมงานกันอย่างถาวร โดยยังคงคุณภาพของไอศกรีมไว้เช่นเดียวกับที่เสิร์ฟในร้าน และในอนาคตอาจมีการเปิดตัวคอลเล็กชันรสชาติพิเศษเพิ่มเติม ซึ่งตลอดเวลากว่า 10 ปีที่ผ่านมา Guss Damn Good สร้างสรรค์มาแล้วไม่น้อยกว่า 200 รสชาติ และเคยร่วมคอลแลบกับหลากหลายแบรนด์ชั้นนำ

แม้ภาวะเศรษฐกิจจะไม่เอื้อเท่าไร แต่แบรนด์ยังคงเติบโตต่อเนื่อง ยอดขายปีก่อนแตะหลักร้อยล้านบาท โดยไม่ได้อาศัยการทุ่มงบการตลาดมหาศาล แต่พึ่งพาพลัง “ปากต่อปาก” และการสร้างรสชาติที่คนอยากเล่า อยากแชร์ต่อกันเอง

สำหรับปีนี้ Guss Damn Good เตรียมขยายสาขาใหม่ที่ Future Park รังสิต และบุกตลาดต่างจังหวัดไปยังภูเก็ตและเขาใหญ่ พร้อมต่อยอดธุรกิจด้วยการเปิดตัวแบรนด์ลูก “Adam & Eve” โยเกิร์ตซอฟต์เสิร์ฟ 0% น้ำตาล ภายใต้คอนเซ็ปต์เมดิเตอร์เรเนียน เจาะกลุ่มสายเฮลท์ตี้และผู้บริโภคที่แพ้นม

อย่างไรก็ดี เส้นทางของ Guss Damn Good ไม่ได้เกิดจากสูตรสำเร็จทางธุรกิจ หากแต่ขับเคลื่อนด้วยแพชชั่นและสัญชาตญาณของผู้ก่อตั้ง ที่ใช้เป็นเข็มทิศนำทาง พร้อมเรียนรู้และปรับตัวตามทิศทางตลาดที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา