posttoday

Doganic สมุนไพรสูตรพระ พลิกวงการ เพ็ทแคร์ไทย สู่ซอฟต์พาวเวอร์ระดับโลก

02 กันยายน 2568

จุดเริ่มต้นจากแพชชั่น นำ Doganic ต่อยอดภูมิปัญญาสมุนไพรไทยตำรับพระ บุกตลาดสัตว์เลี้ยงแสนล้าน ตั้งเป้าโต 3 เท่าในปี 69 พร้อมบุกตลาดเอเชีย-ยุโรป-ตะวันออกกลาง

KEY

POINTS

  • Doganic เกิดจากแพชชั่นของสัตวแพทย์ ต่อยอดภูมิปัญญา "ตำรับพระ" แก้ปัญหาโรคผิวหนังในสัตว์เลี้ยง
  • ต่อยอดพัฒนาผลิตภัณฑ์สิทธิบัตร "โฟมอาบน้ำแห้ง" บุกตลาดสัตว์เลี้ยงมูลค่าแสนล้าน
  • ตั้งเป้าสู่ตลาดโลกชู "ซอฟต์พาวเวอร์" บุกเอเชีย ยุโรป ตะวันออกกลาง

แม้จะมีการคาดการณ์มูลค่าตลาดสัตว์เลี้ยงของไทยในปี 2568 ว่าอาจมีมูลค่าแตะแสนล้านบาท เหตุเพราะคนไทยไม่นิยมมีลูก จึงนิยมเลี้ยงสัตว์เป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวแทน ทำให้ธุรกิจนี้กลายเป็นธุรกิจหอมหวน และน่าลงทุนในระยะยาว แต่นั่นไม่ใช่สาเหตุแรกสำหรับจุดเริ่มต้นของผลิตภัณฑ์ Doganic โฟมอาบน้ำสัตว์เลี้ยงแบบแห้ง นวัตกรรมของคนไทยที่มีสิทธิบัตร ของ หมอต้า “น.สพ.ณฐวัธน์ เอกศิริวรากิตติ์ ” กรรมการผู้จัดการ บริษัท ทรี ซิมเปิ้ล จำกัด เจ้าของโรงพยาบาลสัตว์พันธพัฒน์ ศูนย์เฉพาะทางด้านผิวหนังสัตว์เลี้ยง ย่านสุขุมวิท 101 

จาก “ตำรับพระ” สู่ครีมรักษาโรคผิวหนัง

หมอต้า กล่าวย้อนถึงจุดเริ่มต้นในเส้นทางธุรกิจนี้เมื่อ 4 ปี ก่อนว่า เกิดขึ้นจากแพชชั่น ที่ต้องการให้น้องหมา น้องแมว ที่ประสบปัญหาโรคผิวหนัง หากย้อนไปเมื่อ 6-7 ปีก่อน วิธีรักษาต้องใช้ตัวยาที่มีราคาสูง ต้องกินยาวันละ 100-200 บาท ทุกวัน และใช้เวลานาน บางครั้งก็ไม่หาย “จุดพีคคือเจ้าของเขารักษามานาน แต่การตอบสนองไม่ดี เจ้าของมาร้องไห้ เรารู้สึกสะเทือนใจมาก จึงอยากหาวิธีช่วย” หมอต้า กล่าว

Doganic สมุนไพรสูตรพระ พลิกวงการ เพ็ทแคร์ไทย สู่ซอฟต์พาวเวอร์ระดับโลก น.สพ.ณฐวัธน์ เอกศิริวรากิตติ์

พร้อมกับเล่าต่อว่า เขาอยากแก้ pain point ตรงนี้ และด้วยความบังเอิญแบบย้อนแย้งซึ่งแม้เขาจะเป็นหมอที่เรียนด้านวิทยาศาสตร์มาอย่างจริงจัง แต่ในอีกมุมหนึ่ง ตัวเขาเองชอบเข้าวัด สวดมนต์ และมีความเชื่อเรื่องสายมูไม่แพ้กับการเรียนสายวิทย์

เมื่อไปวัดบ่อยๆ สิ่งหนึ่งที่เห็นคือ ภูมิปัญญาด้านสมุนไพรในวัด การนำสมุนไพรมารักษาโรค วัดมักนำน้ำมันที่มาจากสมุนไพรไทยมารักษาทาตัวน้องหมา น้องแมว ที่เป็นโรคผิวหนัง ให้อาการดีขึ้น หรือแม้แต่สมัยคุณแม่ก็มีการนำกำมะทันมาทาตัวให้น้องหมา ทำให้เขาเกิดไอเดียในการนำมาปรับใช้ โดยเริ่มจาก นำ “ตำรับพระ” ซึ่งประกอบไปด้วย ขมิ้นไพล และว่านต่าง ๆ มาเคี่ยวรวมกันเป็นน้ำมัน จนเกิดเป็นสูตรเฉพาะที่หมอต้ากวนเองอยู่หลังบ้าน จากนั้นจึงปรึกษากับคนรู้จักให้ปรับจากน้ำมันสู่ครีมมาให้ลูกค้าใช้ฟรี ปรากฎว่า “หาย” จึงเริ่มขายที่หน้าร้านของคลินิกตนเองก่อนจนเกิดการบอกต่อ

ผลตอบรับดี นำพาสู่เส้นทางนวัตกรรม

จากผลการตอบรับที่ดีเกินคาด ทำให้มาถึงจุดที่ลูกค้าต้องการแบบสเปรย์ สิ่งนี้เองทำให้หมอต้า ต้องเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์ และทำให้เขา ก้าวเข้าสู่วงการนวัตกรรมและโมเดลธุรกิจของ Doganic จนถึงทุกวันนี้

Doganic สมุนไพรสูตรพระ พลิกวงการ เพ็ทแคร์ไทย สู่ซอฟต์พาวเวอร์ระดับโลก หมอต้า เล่าว่า น้ำมันสมุนไพรสูตรดังกล่าว ไม่สามารถทำเป็นแบบสเปร์ย์ได้ทันที ทำให้เขาต้องปรึกษาอาจารย์มหาวิทยาลัย คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และขอทุนวิจัยจาก สวทช. (โครงการ ITAP) เพื่อพัฒนาน้ำมันให้สามารถพ่นเป็นสเปรย์ได้ โดยใช้เวลาในการวิจัยและพัฒนาเองทุกกระบวนการอยู่ประมาณ 1 ปี 

เมื่อสเปรย์ได้รับผลการตอบรับดี ลูกค้าก็อยากได้แชมพู ซึ่งในใจเขานั้นรู้ดีว่าตลาดนี้ไม่น่าเล่น เพราะการแข่งขันสูง ดังนั้นสูตรที่เล่นต้องแตกต่างและปลอดภัย หมอต้า จึงไปนำสูตร “ตรีผลา” สมุนไพรไทย ประกอบด้วย สมอไทย, สมอพิเภก, และ มะขามป้อม มาใช้ แต่ยังคงเรื่องขมิ้นไว้ด้วยเพราะความชอบส่วนตัว และต้องเป็นขมิ้นทองเท่านั้น ผสานกับกลิ่นดอกโมก ทำให้ไม่ฉุนเหมือนกับแบรนด์ทั่วไป และยังมีความหมายในทางพุทธที่แปลว่า ความคุ้มครอง อีกด้วย 

Doganic สมุนไพรสูตรพระ พลิกวงการ เพ็ทแคร์ไทย สู่ซอฟต์พาวเวอร์ระดับโลก

หมอต้า เล่าว่า Doganic ให้ความสำคัญกับการวิจัยและพัฒนามากกว่าการทำตลาด ทำให้ที่ผ่านมาเขานำเงินไปลงทุนกับนวัตกรรมอย่างต่อเนื่อง ผลิตภัณฑ์ที่ตามมาจึงเป็นการทำงานร่วมกับอาจารย์คนเดิมในการพัฒนาแฮนด์สเปรย์ฆ่าเชื้อที่กลิ่นไม่ฉุนในช่วงโควิดด้วยสาร BZ Plus ที่มีคุณสมบัติในการฆ่าเชื้อโควิดโดยตรง ไม่ระคายเคือง สามารถฆ่าไวรัส และแบคทีเรียได้อีกด้วย

Doganic สมุนไพรสูตรพระ พลิกวงการ เพ็ทแคร์ไทย สู่ซอฟต์พาวเวอร์ระดับโลก

โฟมอาบน้ำสัตว์เลี้ยงแบบแห้ง

จนในที่สุดเส้นทางนวัตกรรมของหมอต้าจึงมาถึงนวัตกรรมสิทธิบัตรอย่าง โฟมอาบน้ำสัตว์เลี้ยงแบบแห้ง ที่เข้าร่วมโครงการ “นิลมังกร” ของ สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ ( NIA) ซึ่งโฟมอาบน้ำแห้ง กำลังเป็นเทรนด์ เพราะคนเลี้ยงสัตว์ตามคอนโดมากขึ้น ปัญหาคือ อาบน้ำไม่ได้ ส่งผลให้เกิดเชื้อโรคตามมา เขาจึงนำสารตั้งต้นที่มีอยู่แล้ว คือ BZ Plus ร่วมกับขมิ้นชันของพาร์ทเนอร์ที่เป็นอาจารย์มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ และเดินหน้าขอทุนวิจัยเพื่อให้เกิดผลิตภัณฑ์ดังกล่าวโดยนำสารจากเปลือกมังคุดเข้ามาร่วมด้วย และโจทย์คือ ต้องไม่ฉุน ไม่เหนอะ ไม่ระคายเคือง

ฝันโต 3 เท่า นำซอฟต์พาวเวอร์สมุนไพรไทยบุกตลาดโลก

เขายอมรับว่า ผลิตภัณฑ์ของเขากำไรน้อยมาก เพราะไม่กล้าบวกกำไร จนเพื่อนถามว่า “ทำเอาสนุก หรือ เอารวย” โดยหมอต้า ตอบอย่างมั่นใจว่า แม้เขาไม่ได้บวกกำไรมากเหมือนท้องตลาด แต่เขามีความเชื่อมั่นในการสร้างแบรนด์ Doganic ให้เติบโตไปจนถึงรุ่นลูก รุ่นหลาน เขาอยากเป็นผู้นำผลิตภัณฑ์สมุนไพรไทยทั้งสัตว์ และ คน ซึ่งอาจต้องแตกไลน์เป็นแบรนด์อื่นต่อไป เพราะมาตรฐานการผลิตของ Doganic เป็นมาตรฐานสำหรับคน และ Doganic มาจากคำว่า Dog ที่มาจาก Doctor คุณหมอ + คำว่า oganic 

ดังนั้นเส้นทางธุรกิจนับจากนี้ จะต้องเริ่มจากการสร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่ง การเล่าเรื่องด้วยสมุนไพรที่ปลอดภัย แน่นอนว่า ต้องผ่านช่องทางโซเชียลมีเดีย เพื่อสร้างคอมมูนิตี้ร่วมกัน ซึ่งเขาไม่ได้มองเพียงตลาดในประเทศผ่านตัวแทนจำหน่าย เท่านั้น แต่ยังมองถึงตลาดต่างประเทศโดยเริ่มจากประเทศเพื่อนบ้าน เอเชีย ตะวันออกกลาง ซึ่งปัจจุบันเขาส่งออกไปแล้วที่เวียดนาม และฮ่องกง ก่อนขยายไปยุโรปและอเมริกา ด้วยซอฟต์พาวเวอร์ที่เป็นสมุนไพรของไทย เขาตั้งใจว่าภายในปี 2569 Doganic ต้องโต 3 เท่า จากนั้นจะเติบโต 10-20% อย่างมั่นคง

Doganic สมุนไพรสูตรพระ พลิกวงการ เพ็ทแคร์ไทย สู่ซอฟต์พาวเวอร์ระดับโลก น.สพ.ณฐวัธน์ เอกศิริวรากิตติ์

สำหรับคนที่อยากเริ่มธุรกิจ หมอต้า เผยเคล็ดลับว่า แม้จะไม่มีสูตรสำเร็จ แต่ขอให้มองสิ่งแรกคือ ลูกค้า ว่าต้องการอะไร และทำของที่ดีจริงๆ และพาร์ทเนอร์ก็คือส่วนสำคัญ “เพราะเราไม่ได้เก่งทุกอย่าง” แม้ว่าอาจจะมีวันหนึ่งที่จิตใจเราอ่อนแอ เกิดไม่มั่นใจในสินค้าของเราเอง ว่าดีจริงหรือไม่ เพราะ “เราสงสัยเหมือนกันว่า เราลวงโลกหรือเปล่า” สุดท้ายลูกค้าเท่านั้น ที่จะกลับมาบอกเรา ขอให้เชื่อมั่นและกล้าถามลูกค้าเพื่อนำคอมเม้นท์มาปรับปรุงและพัฒนาให้ตรงกับความต้องการของลูกค้า 

ข่าวล่าสุด

ถ่ายทอดสด เชลซี พบ เอฟเวอร์ตัน พรีเมียร์ลีก วันนี้ 13 ธ.ค.68