"กสิกร" เผยกลยุทธ์ หนุนลูกค้าเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจ Low Carbon
กสิกร เผยกลยุทธ์ หนุนธุรกิจไทยลดคาร์บอน ชูโซลูชัน "Beyond Banking" ที่เป็นมากกว่าบริการธนาคาร ช่วยลูกค้าปรับตัวสู่ธุรกิจสีเขียว
ดร. วิชัย ณรงค์วณิชย์ ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกสิกรไทย ตอกย้ำจุดยืน "ธนาคารแห่งความยั่งยืน (Bank of Sustainability)" บนเวที Asean-China Innovative Economic Forum 2025
โดยเปิดเผยกลยุทธ์ด้านสภาพภูมิอากาศและโมเดลธุรกิจที่ยั่งยืน ตั้งเป้าเป็นผู้นำด้าน ESG ในกลุ่มธนาคารแห่งภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ พร้อมสนับสนุนลูกค้าเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ ผ่านสินเชื่อเพื่อความยั่งยืนและโซลูชันครบวงจร
พันธสัญญา Net Zero และความสำเร็จระดับโลก
ดร. วิชัย กล่าวว่า ธนาคารกสิกรไทยตระหนักดีว่าการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศเป็นทั้งความเสี่ยงและโอกาสครั้งสำคัญของภาคธุรกิจ ธนาคารจึงได้ประกาศพันธสัญญาที่ชัดเจนในการมุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Net Zero) โดยแบ่งเป็น 2 เป้าหมายหลัก:
- การดำเนินงานของธนาคาร (Scope 1 & 2): บรรลุเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2030
- พอร์ตโฟลิโอสินเชื่อและการลงทุน (Scope 3): บรรลุเป้าหมาย Net Zero ภายในปี 2065 ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของประเทศไทย
ความมุ่งมั่นดังกล่าวสะท้อนผ่านการยอมรับในระดับสากล โดยธนาคารกสิกรไทยได้รับคัดเลือกให้อยู่ใน ดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ (Dow Jones Sustainability Indices: DJSI) ต่อเนื่องเป็นปีที่ 9
และเป็นธนาคารแห่งแรกและแห่งเดียวในไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ครองตำแหน่งผู้นำในกลุ่มธนาคาร จากการจัดอันดับของ CDP (Carbon Disclosure Project) ซึ่งเป็นองค์กรชั้นนำด้านการเปิดเผยข้อมูลการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ
กลยุทธ์ 3 แกนหลัก สู่การเปลี่ยนแปลง
เพื่อบรรลุเป้าหมาย ธนาคารได้วางกลยุทธ์การเปลี่ยนแปลง (Transformation) ที่ครอบคลุม 3 ด้านหลัก ได้แก่
1. Greening Our Operation (ปรับเปลี่ยนการดำเนินงาน)
ธนาคารได้ลงมือปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรมในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินงานของตัวเอง เช่น
- เปลี่ยนยานพาหนะ: ทยอยเปลี่ยนรถยนต์สันดาปภายใน (ICE) กว่า 1,500 คัน เป็นรถยนต์ไฟฟ้า (EV)
- ติดตั้งโซลาร์เซลล์: อาคารสำนักงานใหญ่ติดตั้งแผงโซลาร์เซลล์ครบ 100% แล้ว และขยายผลไปยังสาขาต่างๆ กว่า 135 แห่งทั่วประเทศ
2. Greening Our Finance (ส่งเสริมพอร์ตสินเชื่อสีเขียว)
ส่วนนี้ถือเป็นส่วนสำคัญที่สุด เนื่องจากพอร์ตสินเชื่อของธนาคารปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากกว่าการดำเนินงานของธนาคารเองถึง 680 เท่า
ธนาคารจึงได้จัดทำ แผนการลดก๊าซเรือนกระจกรายอุตสาหกรรม (Sectoral Decarbonization Pathway) ใน 6 กลุ่มอุตสาหกรรมหลัก
พร้อมตั้งเป้าหมาย ปล่อยสินเชื่อเพื่อความยั่งยืน (Sustainable Finance) วงเงิน 2 แสนล้านบาท ซึ่งปัจจุบันได้ปล่อยไปแล้วกว่า 1.16 แสนล้านบาท (ข้อมูล ณ ครึ่งปีแรก 2025) และคาดว่าจะบรรลุเป้าหมายได้ภายในต้นปีหน้า
3. ESG "Beyond Banking" (โซลูชันครบวงจรที่มากกว่าบริการธนาคาร)
ดร. วิชัยให้ความเห็นว่า ธนาคารเข้าใจดีว่าลูกค้าโดยเฉพาะกลุ่ม SME ต้องการมากกว่าแค่เงินทุน แต่ยังต้องการความรู้ ความเข้าใจ และเครื่องมือในการเปลี่ยนผ่าน ธนาคารจึงได้พัฒนาบริการ "ESG Beyond Banking" ขึ้นมา เช่น
- ที่ปรึกษาด้าน ESG: ให้คำปรึกษาและองค์ความรู้เพื่อการเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำ
- เครื่องมือคำนวณคาร์บอน: จัดหาซอฟต์แวร์และบริการช่วยลูกค้าวัดผลการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
- K-Climate Transition Center: สร้างระบบนิเวศแห่งความรู้ เพื่อสร้างความตระหนักรู้ให้กับลูกค้า
- WATT'S UP: แพลตฟอร์มสำหรับลูกค้ารายย่อยที่ติดตั้งโซลาร์รูฟท็อป สามารถขึ้นทะเบียนและขายใบรับรองการผลิตพลังงานหมุนเวียน (REC) ได้
ดร. วิชัย ย้ำว่า ธนาคารได้ออกแบบผลิตภัณฑ์สินเชื่อสีเขียวที่น่าสนใจเพื่อจูงใจให้ลูกค้าหันมาดำเนินธุรกิจเพื่อความยั่งยืน โดยมอบเงื่อนไขพิเศษ เช่น อัตราดอกเบี้ยที่ต่ำกว่าสินเชื่อปกติ, ระยะเวลาผ่อนชำระนานขึ้น และให้วงเงินสูงขึ้นเมื่อเทียบกับหลักประกัน
นอกจากนี้ ธนาคารยังทำงานร่วมกับพันธมิตรในอุตสาหกรรมอย่างใกล้ชิด เช่น สมาคมธนาคารไทย (TBA) และ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (FTI) เพื่อร่วมกันผลักดันให้ภาคธุรกิจไทยเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำได้อย่างแท้จริง


