สุวัจน์ ชู "ผ้าไทย" Soft Power ดันส่งออก 7 พันล้าน ฟื้นเศรษฐกิจ
"สุวัจน์ ลิปตพัลลภ" เป็นประธานเปิดงาน “Elegance of Thai Women #3” ที่หัวหิน ชี้ “ผ้าไทย” คือ Soft Power สำคัญ สร้างมูลค่าส่งออกกว่า 7,000 ล้านบาทต่อปี
เมื่อวันที่ 10 สิงหาคม 2568 เวลา 17.00 น. ณ หัวหิน คอนเวนชั่น เซ็นเตอร์ ชั้น 1 ศูนย์การค้าบลูพอร์ต หัวหิน นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรองนายกรัฐมนตรี ได้ให้เกียรติเป็นประธานในพิธีเปิดงาน “Elegance of Thai Women #3”
ซึ่งจัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ระหว่างวันที่ 10–12 สิงหาคม 2568 เพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เนื่องในโอกาสวันเฉลิมพระชนมพรรษา 12 สิงหาคม ซึ่งรัฐบาลได้ประกาศให้เป็น “วันผ้าไทยแห่งชาติ”
บรรยากาศภายในงานเป็นไปอย่างคึกคักและงดงาม โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ดร.สิทธิชัย สวัสดิ์แสน, ดร.ชาญชัย สิริเกษมเลิศ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ (THTI), คุณวจี กลมเกลี้ยง กรรมการบริหารศูนย์การค้าบลูพอร์ต หัวหิน พร้อมด้วยแขกผู้มีเกียรติและประชาชนที่พร้อมใจกันแต่งกายด้วยชุดผ้าไทยเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง
ดัน ‘ผ้าไทย’ สู่ Soft Power ขับเคลื่อนเศรษฐกิจ
นายสุวัจน์ กล่าวเปิดงานโดยเน้นย้ำว่า การจัดงานครั้งนี้คือการแสดงความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ที่ทรงมีสายพระเนตรยาวไกลในการส่งเสริมและยกระดับผ้าไทยให้เป็นที่ประจักษ์ในเวทีโลก
พร้อมชี้ให้เห็นถึงศักยภาพของอุตสาหกรรมสิ่งทอไทยซึ่งมีมูลค่าการส่งออกรวมกว่า 6,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ผ้าไหมและผ้าไทย มีมูลค่าการส่งออกสูงถึงปีละ 250 ล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นเงินไทยราว 6,000–7,000 ล้านบาท
ซึ่งตัวเลขดังกล่าวสะท้อนให้เห็นว่าผ้าไทยไม่ได้เป็นเพียงมรดกทางวัฒนธรรม แต่ยังเป็นหนึ่งในพลัง Soft Power ที่สำคัญ สามารถสร้างรายได้เข้าประเทศและดึงดูดนักท่องเที่ยวได้อย่างมหาศาล
สานต่อพระราชปณิธาน ‘โครงการผ้าฝ้ายทอบ้านเขาเต่า’
นายสุวัจน์ได้ยกตัวอย่างความสำเร็จที่เป็นรูปธรรมจากพระราชดำริ คือ “โครงการผ้าฝ้ายทอบ้านเขาเต่า” ในอำเภอหัวหิน ซึ่งสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ ได้พระราชทานกำเนิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2507
จนถึงปัจจุบันได้กลายเป็นผลิตภัณฑ์ OTOP ขึ้นชื่อที่สร้างอาชีพและรายได้ที่ยั่งยืนให้แก่คนในชุมชน ถือเป็นต้นแบบของการใช้วัฒนธรรมเพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตและเศรษฐกิจฐานราก
ใช้ ‘วัฒนธรรม’ สู้ศึกเศรษฐกิจ-ฟื้นท่องเที่ยว
อดีตรองนายกรัฐมนตรีได้กล่าวถึงสถานการณ์การท่องเที่ยวของประเทศไทย ซึ่งยังคงอยู่ในช่วงฟื้นตัวหลังการระบาดของโควิด-19 โดยปัจจุบันมีจำนวนนักท่องเที่ยวอยู่ที่ประมาณ 34–35 ล้านคนต่อปี
ลดลงจากช่วงก่อนโควิดที่มีนักท่องเที่ยวสูงถึง 40 ล้านคน โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวชาวจีนที่ลดลงจาก 11–12 ล้านคน เหลือเพียง 5–6 ล้านคน ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อเศรษฐกิจในระดับท้องถิ่น
ด้วยเหตุนี้ จึงมีความจำเป็นอย่างยิ่งที่ต้องนำจุดแข็งและเอกลักษณ์ของความเป็นไทยมาใช้เป็นเครื่องมือในการฟื้นฟูเศรษฐกิจ ไม่ว่าจะเป็น ผ้าไทย อาหารไทย มวยไทย และนาฏศิลป์ เพื่อสร้างแรงดึงดูดและขับเคลื่อนประเทศในภาวะวิกฤต
“วันนี้ เราก็ต้องช่วยกัน ไทยทำไทยใช้ ไทยเจริญ ใช้ความเป็นไทย สู้กับวิกฤตเศรษฐกิจที่เกิดขึ้น ส่วนหนึ่งในนั้นก็คือ ผ้าไทย” นายสุวัจน์ กล่าวทิ้งท้าย
สำหรับงาน “Elegance of Thai Women #3” เป็นความร่วมมือระหว่างกระทรวงอุตสาหกรรม, สถาบันพัฒนาอุตสาหกรรมสิ่งทอ (THTI), กลุ่มบริษัทพราว และศูนย์การค้าบลูพอร์ต หัวหิน โดยภายในงานประกอบด้วยกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย อาทิ
- นิทรรศการ “วันผ้าไทยแห่งชาติ” เพื่อเฉลิมพระเกียรติและเผยแพร่พระราชกรณียกิจ
- แฟชั่นโชว์ชุดผ้าไทย จากดีไซเนอร์ร่วมสมัยที่นำผ้าไทยมาออกแบบอย่างสร้างสรรค์
- เวทีเสวนา จากผู้เชี่ยวชาญในแวดวงสิ่งทอ เพื่อแลกเปลี่ยนองค์ความรู้และหาแนวทางต่อยอดผ้าไทยสู่ตลาดโลกอย่างยั่งยืน


