posttoday

Fewer Better Things ฉีกกฎ Fast Fashion ไม่สนสนามอีคอมเมิร์ซ

31 กรกฎาคม 2568

มัลติแบรนด์สโตร์ใหม่ย่านสุขุมวิทที่เชิญชวนให้คุณ “ช้อปน้อยลง แต่ใช้ได้นานขึ้น” ภายใต้แนวคิด “สไตล์แห่งอนาคต เริ่มต้นที่การเลือกสรรอย่างมีความรับผิดชอบ”

KEY

POINTS

  • Fewer Better Things ร้านมัลติแบรนด์ที่เกิดจากแพชชั่น ต้องการสร้างพื้นที่ขาย "รสนิยม" ภายใต้แนวคิด "ช้อปให้น้อยลง แต่ใช้ให้นานขึ้น"
  • ฉีกกฎการตลาด เน้นสร้างคอมมูนิตี้ ไม่ลงสนามอีคอมเมิร์ซ ชวนเลือกซื้อสินค้าอย่างไตร่ตรอง 
  • วาดฝันสู่ "บ้าน" ที่ขายทุกอย่าง ยกเว้นผนัง หวังสร้างประสบการณ์เลือกของที่ใช่สำหรับตัวเอง

ท่ามกลางกระแส Fast Fashion ที่เน้นการแข่งขันเรื่องราคา และดีไซน์แบบใช้แล้วทิ้ง ตามเทรนด์เฟชั่นที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา กลับพบคนรุ่นใหม่ที่เชื่อมั่นในการทำธุรกิจจากแพชชั่นที่ต้องการให้มีร้านค้าเป็นพื้นที่ในการค้นหาตัวตน ชวนลูกค้า ช้อปให้น้อยลง และไม่เน้นขายสินค้าบนแพลตฟอร์มอีคอมเมิร์ซ เหมือนคนทั่วไป 

ร้าน Fewer Better Things ไม่ได้ตั้งอยู่ริมถนนใหญ่ หรือ ในห้างสรรพสินค้าชื่อดัง แต่กลับเหมือนซ่อนตัวอยู่ในซอยสุขุมวิท 31 ย่านที่ดูเหมือนไม่มีอะไรใหม่ แต่เมื่อเดินลึกเข้าไปในมุมเงียบแห่งหนึ่ง กลับพบร้านบูติกเล็ก ๆ ตั้งอยู่ในตึกสีเรียบง่าย บรรยากาศนิ่งสงบ เหมือนตั้งใจชวนให้เราชะลอก้าวให้ช้าลง เพื่อทำความรู้จักกับสิ่งที่อยู่ข้างใน

Fewer Better Things ฉีกกฎ Fast Fashion ไม่สนสนามอีคอมเมิร์ซ

บนกระจกหน้าร้านมีเพียงตัวอักษรเล็ก ๆ เขียนว่า “Fewer Better Things” ซึ่งมีความหมายลึกซึ้งซ่อนอยู่ เพราะที่นี่ไม่ใช่แค่ชื่อร้าน แต่เป็นปรัชญาทั้งหมดของร้าน

“เราไม่ได้อยากให้คนซื้อของเยอะ ๆ แต่อยากให้เลือกของที่รักจริง ๆ และใช้มันให้นาน” สุทธสิทธิ์ ศรีวิสารวาจา ผู้ก่อตั้งร้าน กล่าวระหว่างพา โพสต์ทูเดย์ เดินชมร้าน ซึ่งเป็นร้านบูติกมัลติแบรนด์แห่งใหม่ในกรุงเทพฯ ที่คัดสรรเสื้อผ้า แอคเซสซอรี่ และของแต่งบ้านจากแบรนด์บูติกทั่วโลกอย่างพิถีพิถัน ภายใต้แนวคิด “สไตล์แห่งอนาคต เริ่มต้นที่การเลือกสรรอย่างมีความรับผิดชอบ” มารวมไว้ในร้าน

ขับเคลื่อนธุรกิจด้วยแพชชั่นที่อยู่ในใจมา 10 ปี 

สุทธสิทธิ์ อยู่ในตระกูลนักธุรกิจ ที่เขาเห็นคุณแม่ทำธุรกิจมาโดยตลอด แต่เนื่องด้วยในวัยเด็กเขาเรียนและเติบโตที่ต่างประเทศตั้งแต่อายุ 13 ปี เมื่อเรียนจบก็ทำงานสายเทคต่อเนื่องไปจนถึงอายุ 30 ปี ทำให้ชีวิตวัยรุ่นของเขาผ่านเมืองต่าง ๆ อย่างแวนคูเวอร์ ซานดิเอโก และลอสแอนเจลิส ซึ่งเมืองเหล่านั้นไม่ได้แค่เปลี่ยนวิธีคิดเรื่องดีไซน์และการแต่งตัวของเขาเท่านั้น

แต่ทำให้เขามองเห็นคุณค่าของ “บ้าน” อย่างลึกซึ้ง “บ้านไม่ได้เป็นแค่ที่อยู่ แต่หมายถึงพื้นที่ที่สิ่งของต่าง ๆ สะท้อนความเป็นเรา มันไม่จำเป็นต้องมีเยอะ แต่ควรเต็มไปด้วยของที่เราเลือกแล้วจริง ๆ”

ความฝันนี้มีมาเป็น 10 ปีแล้วครับ แต่มันสุกงอมตอนที่รู้สึกว่า งานที่ทำมันอิ่มตัว และเราชอบทำธุรกิจเหมือนคุณแม่ เราจึงคิดว่า ควรมีพื้นที่แบบนี้ในกรุงเทพฯ บ้าง เพราะโมเดลนี้ มีเฉพาะในต่างประเทศ เราอยากมีพื้นที่ ที่ไม่ได้ขายสินค้า แต่ขาย รสนิยม และประสบการณ์

สุทธสิทธิ์ เล่าถึงจุดเริ่มต้นในการเปิดร้าน Fewer Better Things เมื่อช่วงต้นเดือน มิ.ย.2568 ที่ผ่านมา 

Fewer Better Things จึงไม่ใช่แบรนด์เสื้อผ้า ของตกแต่งบ้าน ที่เป็นแบรนด์ของ สุทธสิทธิ์  เอง แต่ เขา คือ คนเลือกแบรนด์สินค้าจากหลากหลายประเทศมาไว้ในร้าน ด้วยรสนิยมความชื่นชอบด้านแฟชั่นของตนเอง ภายใต้แนวคิด ช้อปน้อยลง แต่อยู่ได้นาน ด้วยคุณภาพสินค้าที่ไม่ได้เป็นเพียง Fast Fashion

โดยตั้งใจให้ Fewer Better Things เป็นแหล่งคอมมูนิตี้แห่งใหม่ ที่ไม่เพียงแค่การขายของ แต่เป็นการสังสรรค์ หาเพื่อน ที่ต้องการเสื้อผ้าที่อยู่กับเราได้นาน เป็นตัวตนของตนเอง ลูกค้าที่มา ไม่จำเป็นต้องรีบซื้อในทันที หรือหากยังหาสไตล์การแต่งตัวไม่เจอ เขาก็สามารถช่วยให้คำปรึกษาในการแต่งตัวได้ ไม่ว่าจะซื้อสินค้าที่ร้านหรือไม่ ทำให้เพื่อนมาเป็นลูกค้า และลูกค้ากลายมาเป็นเพื่อน 

Fewer Better Things ฉีกกฎ Fast Fashion ไม่สนสนามอีคอมเมิร์ซ

ไม่มีอีคอมเมิร์ซ เพราะอยากให้คุณ ‘ได้สัมผัส’

ด้วยเหตุนี้ เขาจึงไม่ต้องการให้ Fewer Better Things เป็นร้านที่ใครแค่เลื่อนดูในอินสตาแกรมแล้วสั่งซื้อในคลิกเดียว ร้านนี้จึงไม่มีอีคอมเมิร์ซ ไม่มีตะกร้าสินค้าออนไลน์ เพราะเขาเชื่อว่า การซื้อของที่ดีควรมีการสัมผัส พูดคุย และคิดทบทวน

ผมอยากให้ลูกค้ารู้สึกว่า การเดินเข้ามาในร้านคือช่วงเวลาที่มีค่า ได้เห็นของ ได้ลองจับเนื้อผ้า ได้คุยกับเรา ได้คิดก่อนจะซื้อ ไม่ใช่แค่ช้อปเพื่อความอยากเฉียบพลัน

ดังนั้น ที่ Fewer Better Things คุณจะไม่ถูกเร่งให้ตัดสินใจ หรือรู้สึกผิดหากยังไม่ซื้อในครั้งแรก เพราะ สุทธสิทธิ์ เชื่อว่า สินค้าที่ใช่...จะกลับมาหาคุณเอง

แฟชั่นแบบยั่งยืน ไม่ใช่แค่เสื้อผ้า แต่คือการใช้ชีวิต

สินค้าทุกชิ้นในร้านนี้ ผ่านการคัดเลือกโดยเจ้าของร้านเอง หลายชิ้นเขาเคยใช้จริง บางชิ้นมาจากแบรนด์ที่ยังไม่เป็นที่รู้จักในไทย บางแบรนด์ใช้วัสดุรีไซเคิลหรือผ้า Dead Stock ทั้งหมดล้วนสะท้อนแนวคิด “น้อยแต่คุณภาพ” ที่เป็นหัวใจของร้าน

“ผมเชื่อในดีไซน์ที่ไม่จำกัดประเภท ของแต่งบ้านก็เล่าเรื่องได้ เสื้อผ้าดี ๆ ก็เหมือนเพื่อนคู่ใจที่เราหยิบมาใส่ซ้ำได้โดยไม่เบื่อ เพราะมันใช่สำหรับเรา” สุทธสิทธิ์  เล่าถึงหลักการในการคัดเลือกสินค้าเข้าร้าน พร้อมกับพาเดินไปดูโคมไฟไม้ที่ตั้งอยู่มุมหนึ่ง ก่อนจะชี้ให้ดูป้ายแบรนด์เล็ก ๆ พร้อมกล่าวว่า “เราเลือกของที่อยู่ได้นาน ทนทาน เหนือกาลเวลา ไม่ตามเทรนด์ ไม่ต้องเปลี่ยนบ่อย ๆ เพราะของดีจะอยู่กับคุณได้ทุกฤดู”

Fewer Better Things ฉีกกฎ Fast Fashion ไม่สนสนามอีคอมเมิร์ซ

จากเสื้อเชิ้ตหนึ่งตัวถึงเฟอร์นิเจอร์ทั้งหลัง ซื้อได้หมดยกเว้น ผนัง

แม้ตอนนี้ Fewer Better Things จะยังเน้นไปที่เสื้อผ้า แอคเซสซอรี่ และของแต่งบ้าน แต่แผนต่อไปคือการขยายสู่เฟอร์นิเจอร์ โดย สุทธสิทธิ์  อยากสร้างบ้านที่เป็นบ้านด้วยและขายของในบ้านด้วย ขายทุกอย่าง ยกเว้น “ผนัง”

เขาอยากสร้างคอมมูนิตี้ของผู้คนที่ใส่ใจในงานออกแบบให้คุณค่ากับเวลา และมองว่ารสนิยมเป็นสิ่งที่ควรค่อย ๆ สั่งสมและเรียบรู้ไปเรื่อย ๆ โดยเชื่อว่า "รสนิยม" คือสิ่งที่ต้องสั่งสมไปพร้อมประสบการณ์ ไม่มีทางลัดใดที่จะทำให้เรารู้จักรสนิยมของตัวเองได้ดีไปกว่าความตั้งใจและการเรียนรู้ที่ไม่หยุดนิ่ง

แน่นอนว่า การขับเคลื่อนธุรกิจของ สุทธสิทธิ์ หลายคนอาจมองว่าเป็นธุรกิจของคนสายป่านยาวหรือไม่ สุทธสิทธิ์ เล่าอย่างหนักแน่นว่า “แพชชั่นคือสิ่งสำคัญในการทำธุรกิจ แต่เราไม่ได้ทิ้งเรื่องการดูรายได้ และ กำไร เพราะตั้งแต่เปิดมา ธุรกิจโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง เพียงแต่ต้องใช้เวลา” 

ข่าวล่าสุด

บอลวันนี้ ดูบอลสด ถ่ายทอดสด โปรแกรมฟุตบอล วันจันทร์ที่ 15 ธ.ค. 68