“คิดให้ต่าง ทำให้จริง” 3 SME รุ่นใหม่ พลิกธุรกิจ สู่รางวัลนวัตกรรม
เจาะแนวคิด 3 SME รุ่นใหม่ Hair Rise สเปรย์ป้องกันผมร่วง-พาสต้าถั่วเขียวออร์แกนิค-Dosy Health ผู้ช่วยแพทย์สั่งจ่ายยา ที่ไม่หยุดแค่การขายของ นำนวัตกรรมสร้างคุณค่า
เมื่อ SME ไม่ได้แค่อยากขายของ... แต่ตั้งใจ “เปลี่ยนชีวิตคน” ในวันที่ตลาดแข่งขันสูง แบรนด์เล็กๆ จะอยู่รอดได้อย่างไร? สำหรับ 3 ธุรกิจไทยนี้ คำตอบไม่ใช่ “ราคาถูก” หรือ “ตามเทรนด์” แต่คือ “การสร้างนวัตกรรมที่แก้ปัญหาได้จริง” พวกเขาเริ่มจากปัญหาเล็กๆ ใกล้ตัว แต่ลงมือทำด้วยความรู้ งานวิจัย และหัวใจที่อยากยกระดับชีวิตคนไทย
พาสต้าไม่ใช่แค่เส้นกินง่าย แต่คือ “เส้นทางใหม่ของเกษตรกร”
ข้าวดินดี x ถั่วเขียวออร์แกนิค หลังฤดูเก็บเกี่ยว ข้าวโพดหรือถั่วเขียวมักเป็นพืชรองที่เกษตรกรปลูกแบบจำยอม แต่ วัชรากร กิจตรงศิริ จาก บริษัท ข้าวดินดี จำกัด ไม่คิดแบบนั้น
เขาจึงจับมือกับนักวิจัยจาก สวทช. และมหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พัฒนาสายพันธุ์ถั่วเขียวที่ “เม็ดใหญ่ ทนแล้ง และสุกพร้อมกัน” แล้วพลิกบทบาทมันให้กลายเป็น “เส้นพาสต้าถั่วเขียวออร์แกนิค” ปราศจากกลูเตน แต่เปี่ยมด้วยโปรตีน วิตามิน และไฟเบอร์
วัชรากร กิจตรงศิริ
กระบวนการผลิตก็รักษ์โลกแบบ Zero Waste ไม่ทิ้งแม้แต่เปลือกถั่ว ทำให้วันนี้ผลิตภัณฑ์ของเขาสร้างยอดขายกว่า 12 ล้านบาทต่อปี และช่วยให้เกษตรกรมีรายได้เพิ่มกว่า 6 ล้านบาทต่อปี
ทุกคนมองถั่วเขียวว่าเป็นพืชเสริมรายได้ แต่เรามองว่ามันคือหัวใจของระบบอาหารสุขภาพใหม่ที่โลกกำลังมองหา
วัชรากร เล่าว่า พื้นเพเป็นคนอุบลราชธานีที่ย้ายไปอยู่อำเภออำนาจเจริญตั้งแต่ยุคที่ยังไม่แยกตัวออกมาเป็นจังหวัด ได้มีโอกาสเห็นปัญหาของเกษตรกรในพื้นที่ เนื่องจากไม่มีชลประทาน จึงทำนาน้ำฝนได้เพียงปีละครั้ง ปีไหนฝนดีก็ได้ผลผลิตดี ปีไหนฝนไม่ดีก็ได้ผลผลิตไม่ดี แถมราคาข้าวก็ถูกกำหนดโดยผู้ส่งออกว่าจะรับซื้อที่ราคาเท่าไหร่ เขาจึงอยากหาวิธีช่วยเหลือเกษตรกรด้วยการทำสินค้าแปรรูป และรับซื้อผลผลิตจากเกษตรกร โดยไม่ต้องอิงราคาที่ใครสั่งมา
เขาเริ่มด้วยพาสต้าจากข้าว จากนั้นค่อยๆ นำนวัตกรรมมาจับ แล้วพัฒนาเป็นพาสต้าถั่วเขียวออร์แกนิคในปี 2561 เพราะเรามองว่าถั่วเขียวจะเข้ามาแก้ปัญหาให้แก่ทั้งเกษตรกรและผู้บริโภค ได้แก่
1.พืชหลังนา ช่วยให้เกษตรกรมีผลผลิตและรายได้เพิ่มขึ้นนอกช่วงเวลานาข้าวปกติ
2.สินค้าทดแทนกลูเต็น ช่วยให้ผู้บริโภคที่แพ้กลูเต็นจากข้าวสาลียังสามารถรับประทานพาสต้าได้
3.ซูเปอร์ฟู้ด ช่วยเพิ่มโปรตีนและสารอาหารต่างๆ เช่น ใยอาหาร วิตามินบี เข้าไปในเส้นพาสต้า เพิ่มคุณค่าให้คนรับประทาน
ปัจจุบัน พาสต้าออร์แกนิค ของข้าวดินดี รับซื้อถั่วเขียวจากเกษตรกรปีละกว่า 20-30 ตัน แปรรูปกลายเป็นสินค้าพาสต้า 8 รายการ และยังนำพานวัตกรรมสินค้าแปรรูปไทยไปสู่เวทีโลก ด้วยสัดส่วนการส่งออกถึงราว 80% ไปยังหลากหลายประเทศ อาทิ สหรัฐอเมริกา แคนาดา และอังกฤษ
ผมร่วงไม่ใช่เรื่องเล็ก…งานวิจัยไทยช่วยให้ผมขึ้นได้จริง
P2A Innovation x ข้าวล้านนา x ภูมิปัญญาสมุนไพร จากคุณหมอวรินทร หรือ รศ.ดร.ภญ. วรินทร รักษ์ศิริวณิช คือเภสัชกรนักวิจัยจากเชียงใหม่ที่ไม่อยากเห็นสมุนไพรไทยถูกใช้แค่ในครัวหรือเป็นแค่ “น้ำมันนวด”
เธอจึงรวบรวมข้าวพื้นเมืองจากศูนย์วิจัยข้าวล้านนา และสมุนไพรไทยหลายชนิด พัฒนาเป็นสารออกฤทธิ์ใหม่ที่ชื่อ Hair Rise Complex ซึ่งออกแบบระดับโมเลกุลให้ซึมลึกถึงรากผม และยับยั้งเอนไซม์ที่ทำให้ผมร่วงได้แบบไม่มีผลข้างเคียง
รศ.ดร.ภญ. วรินทร รักษ์ศิริวณิช
ผลิตภัณฑ์สเปรย์ผม Hair Rise ของเธอ ไม่เพียงสร้างยอดขาย 32 ล้านบาทในปีแรก แต่ยังสร้างรายได้ให้ชุมชนผู้ปลูกพืชสมุนไพรกว่า 2 ล้านบาทต่อปี “เราพิสูจน์ว่า สมุนไพรไทยไปไกลได้ ถ้ามีฐานวิทยาศาสตร์ที่แข็งแรง” รศ.ดร.ภญ. วรินทร รักษ์ศิริวณิช กล่าว
จุดเริ่มของ Hair Rise ไม่ได้มาจากแผนธุรกิจ แต่เกิดจากความมุ่งมั่นอยากเห็นงานวิจัยไทย “เข้าสู่ชีวิตจริง” อยากให้นักศึกษาเห็นว่างานวิจัยที่ทำ “ขายได้จริง และแก้ปัญหาให้คนได้จริง” แนวคิดงานวิจัยเกิดจากการรวมทุกปัจจัยของปัญหาผมร่วงไว้ในขวดเดียว ตั้งแต่กรรมพันธุ์ ฮอร์โมน ความเครียด สารเคมี ไปจนถึงโภชนาการ
จากนั้นจึงขยายเป็นธุรกิจ มีพาร์ทเนอร์มาช่วยเรื่องการทำธุรกิจ การออกแบบแพ็คเกจจิ้ง และการขายในตลาดออนไลน์ต่างๆ ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีมากๆ ในตลาดออนไลน์
นอกจากความสำเร็จด้านยอดขาย Hair Rise ยังส่งเสริมรายได้ให้เกษตรกรในพื้นที่ภาคเหนือตอนบน เช่น เชียงใหม่ ลำพูน เชียงราย จากการรับซื้อวัตถุดิบในราคาสูงกว่าตลาดทั่วไป รวมถึงการทำ “Contract Farming” กับชาวนาในเครือข่าย ทำให้เกิดผลลัพธ์ในเชิงเศรษฐกิจและสังคมไปพร้อมกัน
ปัจจุบัน Hair Rise มี 4 รายการ ได้แก่ สเปรย์ขนาด 100 มล. / 20 มล., โรลออน และแชมพู เร็วๆ นี้เตรียมออกผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อดูแลครบวงจร “ภายใน-ภายนอก” ครอบคลุมกลุ่มเป้าหมายทั้งชายและหญิง โดยเฉพาะผู้หญิงวัยทำงาน วัยเกษียณ ที่เป็นกลุ่มผู้ใช้งานหลักในปัจจุบัน
DOSY Health AI ไม่แย่งงานหมอ แต่ช่วยให้รักษาดีขึ้น
เวลาแพทย์ต้องสั่งยาให้ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง (NCDs) พวกเขาต้องพิจารณาหลายอย่าง ทั้งโรคประจำตัว ประวัติยา และการแพ้ยา ซึ่งอาจผิดพลาดได้จากความเร่งรีบหรือข้อมูลไม่ครบ
คือจุดเริ่มต้นแนวคิดในการทำธุรกิจของ สหทัต อัศวดิลกชัย จาก บริษัท โดซี่ เฮลธ์ จำกัด ซึ่งมองเห็นช่องว่างนี้ จึงสร้างระบบ AI Prescription ที่ใช้ Composite AI ผสม Machine Learning, Rule-based และ Deep Learning วิเคราะห์ข้อมูลเวชระเบียนและคำสั่งยาตามแนวทางการแพทย์
สหทัต อัศวดิลกชัย
ผลลัพธ์คือการสั่งจ่ายยาที่แม่นยำขึ้น เร็วขึ้น และปลอดภัยยิ่งกว่าเดิม ทำให้ Dosy Health สร้างรายได้แล้วกว่า 5 ล้านบาท และเริ่มถูกนำไปใช้ในหลายโรงพยาบาลจริง โดยเขาย้ำว่า “เราพัฒนา AI ที่ไม่แทนหมอ แต่ยืนข้างหมอเพื่อให้ทุกการรักษาดีขึ้น”
สำหรับนวัตกรรมของทั้ง 3 SME อาจต่างรูปแบบ แต่เหมือนกันตรงที่ “เริ่มจากปัญหาที่ใกล้ตัว แล้วลงมือแก้ด้วยความรู้ ความกล้า และความรับผิดชอบต่อสังคม” ทำให้พวกเขาได้รับรางวัล SME อันดับ 1 จากเวที 7 Innovation Awards 2025
สะท้อนให้เห็นว่า สิ่งที่ได้ไม่ใช่แค่ชื่อเสียงหรือตัวเลขรายได้ แต่คือแรงบันดาลใจให้ผู้ประกอบการไทยทุกคนลุกขึ้นมา “คิดให้ต่าง แล้วทำให้จริง”


