สมาพันธ์ SME ดัน “คาแรกเตอร์” ปั้นแบรนด์ท้องถิ่น กระตุ้นรายได้
สมาพันธ์ SME ไทย จับมือ TCAP ดัน "คาแรกเตอร์" เป็นเครื่องมือสื่อสารแบรนด์ท้องถิ่น-สร้างอัตลักษณ์ เสริมรายได้เศรษฐกิจฐานราก
ตัวการ์ตูน หรือ Character Design กำลังกลายเป็นเครื่องมือทรงพลังของการสื่อสารแบรนด์ยุคใหม่เพราะเมื่อแบรนด์มี “คาแรกเตอร์” ที่ชัดเจน ก็ไม่ต่างอะไรกับการมี “ตัวตน” ที่ทำให้ผู้คนอยากทำความรู้จัก อยากอยู่ใกล้ และจดจำได้ในแบบที่โลโก้ทั่วไปอาจทำไม่ได้
ล่าสุดสมาพันธ์ SME ไทย นำโดย โชนรังสี เฉลิมชัยกิจ ประธานคณะกรรมการขับเคลื่อนเศรษฐกิจ, ศรัณย์ ธนากิจไพศาล รองประธานฯ , สุรนิตย์ ชุมสาย ณ อยุธยา กรรมการสมาพันธ์ ได้เข้าร่วมประชุมหารือกับสมาคมการค้าลิขสิทธิ์ หรือ TCAP เพื่อร่วมกันผลักดันการนำ “คาแรกเตอร์” มาใช้เป็นเครื่องมือสำคัญในการพัฒนาเศรษฐกิจฐานราก
โดยมุ่งเน้นการสร้าง ตัวละครที่สะท้อนอัตลักษณ์ท้องถิ่น เพื่อเพิ่มการจดจำสินค้าและบริการ สร้างมูลค่า และขยายโอกาสทางการตลาดให้กับชุมชน
นอกจากนี้ ทั้งสองหน่วยงานยังได้หารือถึงโครงการนำร่อง “การพัฒนาและส่งเสริมการท่องเที่ยวสู่ชุมชน” ที่จะช่วยสร้างรายได้และยกระดับเศรษฐกิจชุมชนอย่างยั่งยืน ผ่านกิจกรรมสร้างสรรค์ เช่น การทำซีรีส์โปรโมท การสร้างอัตลักษณ์ชุมชน ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนพิจารณาเกณฑ์ความร่วมมือระหว่างทั้งสองหน่วยงาน
สำหรับตัวคาแรกเตอร์การสร้างอัตลักษณ์ชุมชนที่ทางสมาพันธ์ SME ไทย และ TCAP ยกตัวอย่างเช่น “WhattaMeow” ว๊อตตะเมี๊ยว ซึ่งปรากฏตัวครั้งแรกจากโครงการ Change 2021 ที่จัดโดย Creative Economy agency (CEA) ตัวละครถูกออกแบบให้สื่อสารความเป็นไทยผ่านการสื่อสารด้านวิถีชีวิตริมคลองด้วยแนวคิดว่าจะเกิดอะไรขึ้นถ้ามีแมวจรไทยที่ซนตกคลองทุกวันจนตัวไม่เคยแห้งอีกเลย
ตัวนี้มีข่ายการสนับสนุนในหลากหลายภาคส่วนโดยเฉพาะพื้นที่ย่านคลองโอ่งอ่าง กรุงเทพซึ่งอาจรวมไปถึงพื้นที่อื่นๆ ที่มีบริเวณติดคลองหรือแม่น้ำเพื่อนำมาใช้ประโยชน์ในด้านสร้างสรรค์ โดยสามารถพิจารณางดเว้นการจัดเก็บค่าลิขสิทธิ์ในระยะเวลาที่กำหนดเป็นรายกรณีเช่นร้าน ING Teahouse คาเฟ่ชาไต้หวันที่อยู่คู่ริมคลองโอ่งอ่างที่มีการนำคาแรกเตอร์ดังกล่าวไปใช้สำหรับสื่อสารแบรนด์
Character Marketing ประสบความสำเร็จมาแล้วในแบรนด์ดัง
การใช้คาแรกเตอร์ เป็นกลยุทธ์การตลาดประสบความสำเร็จมาแล้วกับหลากหลายแบรนด์ หลากหลายวงการ "โพสต์ทูเดย์" ยกตัวอย่างที่ชัดเจนคือ Mickey Mouse คาแรกเตอร์ระดับตำนานของ Walt Disney ที่เปิดตัวตั้งแต่ปี 1928 ด้วยบุคลิกน่ารัก อบอุ่น ใจดี และมุ่งมั่น สะท้อนตัวตนของดิสนีย์ได้อย่างชัดเจน และยังทำให้คนหวนคิดถึงวัยเด็ก ส่งผลให้รู้สึกดีกับสิ่งที่เห็น
อีกหนึ่งตัวอย่างที่โด่งดังระดับประเทศคือ Kumamon มาสคอตประจำจังหวัดคุมาโมโตะ ของญี่ปุ่น เปิดตัวในปี 2010 จนกลายเป็นหนึ่งในคาแรกเตอร์ที่ประสบความสำเร็จมากที่สุด ไม่เพียงแค่ช่วยส่งเสริมการท่องเที่ยวเท่านั้น แต่ยังสามารถสื่อสารเรื่องยากๆ ให้ง่ายและเข้าถึงคนทั่วไปได้ โดยในญี่ปุ่นเองมีการใช้คาแรกเตอร์ลักษณะนี้จำนวนมากเพื่อสื่อสารกับผู้คน
สำหรับในประเทศไทย ตัวอย่างที่น่าสนใจคือร้านขนม Butterbear ที่สร้าง น้องหมีเนย ขึ้นมาเป็นเครื่องมือทางการตลาดในรูปแบบ Character Marketing หรือ IP Character โดยออกแบบให้สื่อถึงตัวตนของแบรนด์ ทั้งบุคลิกและจุดยืน จนกลายเป็นภาพจำที่เป็นมิตร เข้าถึงง่าย และสามารถสื่อสารกับลูกค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตามประโยชน์ของ Character Marketing ไม่ได้มีแค่การสร้างภาพลักษณ์ที่แข็งแรงและเป็นมิตรกับผู้บริโภค แต่ยังช่วยเปิดโอกาสให้แบรนด์มีแหล่งรายได้ใหม่จากสินค้าไลฟ์สไตล์ต่างๆ เช่นเดียวกับ Butterbear ที่วันนี้มีสินค้าน้องหมีเนยวางขายหลายรายการ ทั้งกระเป๋าเป้ ที่ห้อยกระเป๋า สมุด แก้วน้ำ เสื้อยืด และสติกเกอร์ การทำบ้านน้องเนยให้คนเข้าเยี่ยมชม กลายเป็นอีกช่องทางในการสร้างรายได้และขยายฐานแฟนคลับของแบรนด์ไปในตัว


