posttoday

ถึงเวลา! "THAILAND FIRST" กิน-ช้อป-ใช้ ‘สินค้าไทย’ ทางรอด SME

17 พฤษภาคม 2568

เมื่อวิกฤตเศรษฐกิจโถมเข้าใส่ SME ไทย ทั้งภาษี ค่าแรง สินค้าต่างชาติไหลทะลัก ถึงเวลา “THAILAND FIRST” ยุทธศาสตร์ทางรอดที่จับต้องได้ของธุรกิจไทยปี 2025

KEY

POINTS

  • เมื่อวิกฤตเศรษฐกิจโถมเข้าใส่ SME ไทยจากทุกทิศ ทั้ง ภาษี ค่าแรง สินค้าต่างชาติไหลทะลัก คำถามคือเราจะยืนหยัดได้อย่างไร?
  • ถึงเวลา “THAILAND FIRST” ยุทธศาสตร์ทางรอดที่จับต้องได้ธุรกิจไทยปี 2025
     

เคราะห์ซ้ำกรรมซัด! เมื่อภาครัฐมีแนวคิดเก็บ VAT หรือภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยเล็งเป้าหมาย "กลุ่มผู้ประกอบการ SME รายได้ไม่เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี" จุดชนวนกระแสวิพากษ์อย่างร้อนแรง

แม้หลักการเพื่อสร้างความโปร่งใสและดึงผู้ประกอบการเข้าสู่ระบบ แต่กลับถูกมองว่าซ้ำเติมผู้ประกอบการที่ตั้งไข่ให้ล้มทั้งยืน ? แล้วใครจะรับภาระที่แท้จริง ธุรกิจ หรือผู้บริโภค ?

คำถามคือ… รัฐเจาะถูกกลุ่มหรือไม่ ? 

"ต้องถามว่าเจาะจงถูกกลุ่มผู้ประกอบธุรกิจหรือไม่ ? เนื่องด้วยธุรกิจ SME ที่มีรายได้ต่ำกว่า 1.8 ล้านบาท ส่วนใหญ่เป็นธุรกิจที่เริ่มตั้งไข่ กลุ่มที่เพิ่งเริ่มทําธุรกิจ ผู้ประกอบการรายใหม่ที่อยากทําธุรกิจ อาทิ ประชาชน หรือ นักศึกษา ฯลฯ ที่มีต้นทุนเล็กน้อยแต่อยากลองทําธุรกิจ ซึ่งการจะเรียกเก็บภาษีในกลุ่มนี้ไม่ได้มีแค่เรื่องการเก็บภาษีเท่านั้น แต่โยนภาระค่าใช้จ่ายการทำบัญชีเข้าไปเพิ่มขึ้น แม้กลุ่ม SME ที่เพิ่งทำธุรกิจอาจจะมีจำนวนมาก แต่หากมีการขึ้นภาษีจริงอาจจะทำให้ธุรกิจที่กำลังตั้งไข่อาจจะล้มไปเลย"

VAT กับ SME รายย่อย ทางรอดธุรกิจ หรือ ภาระซ้ำซ้อน ?

"คุณป๊อบ - แสงชัย จิตบุญทวีสุข" ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท สหชัยโปรโมชั่น จำกัด Bio Boxes by Bioplustiq กล่องพลาสติกชีวภาพจากแกนกัญชง ชี้จุดสำคัญ "โพสต์ทูเดย์" เพิ่มอีกว่า อย่าลืมว่าพวกภาษี VAT ภาษีมูลค่าเพิ่ม ไม่ใช่รายจ่ายของทางธุรกิจ ตามหลักการคือรายจ่ายของผู้บริโภค หากเก็บภาษี VAT ผู้ประกอบการ แน่นอนว่าจะสะท้อนไปที่ราคาสินค้าอุปโภคบริโภคนั้นๆ นั่นหมายความว่าย่อมส่งผลโดยตรงถึงประชาชน

"การเก็บVATกับSMEตัวเล็ก"ข้อดี"คือสร้างความโปร่งใสในระบบเศรษฐกิจทำให้ธุรกิจต้องแสดงรายได้และค่าใช้จ่ายอย่างชัดเจนมากขึ้นอาจเปิดโอกาสให้SMEสามารถเข้าถึงโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆที่มีขนาดใหญ่ขึ้นได้ แต่"ข้อเสีย"คือเพิ่มภาระค่าใช้จ่ายค่าบัญชีที่ SMEต้องแบกรับภาระจ้างบริษัททำบัญชีและเมื่อเก็บVATมักกระทบต่อราคาสินค้า เนื่องจากผู้ประกอบการจะต้องเพิ่มราคาสินค้าเพื่อให้ครอบคลุมค่าVATที่เก็บอาจทำให้ลูกค้าต้องจ่ายเงินเพิ่มขึ้นและอาจทำให้ยอดขายลดลง"

ทางรอดสุดท้าย SME ไทย ?

อยากให้รัฐบาลใช้แนวคิด "THAILAND FIRST" เช่นเดียวกับ "AMERICAN FIRST" คือ สนับสนุนคนไทยใช้สินค้าของคนไทย สินค้าที่ใช้วัตถุดิบในประเทศไทย ผลิตโดยคนไทย เน้นสนับสนุนผู้ประกอบการในประเทศที่ใช้แรงงานคนไทย

เพื่อเป็นฟันเฟืองแรกทําให้ GDP หรือว่ารายรับกลับเข้ามา เพราะหากเพิ่ม VAT ผู้ที่จะได้เปรียบคือสินค้าที่มาจากต่างประเทศ ด้วยต้นทุนที่ถูกกว่าย่อมมีความได้เปรียบเรื่องราคาและส่วนต่าง

ถึงเวลา! "THAILAND FIRST" กิน-ช้อป-ใช้ ‘สินค้าไทย’ ทางรอด SME

ที่สำคัญอย่าลืมว่า "ภาษีมูลค่าเพิ่ม คือ รายจ่ายของผู้บริโภค" ฉะนั้นภาระอาจตกไปที่ผู้บริโภคคนไทยในอนาคตได้ เพราะต้องมีการปรับราคาสินค้าเพิ่มขึ้น

"นโยบายภาครัฐทุกฝ่ายย่อมน้อมรับ แต่ถ้าจะทําจริงต้องตีกรอบกฎหมายให้ชัดเจน พรบ.ภาษี ครอบคลุมและคุ้มครองอะไรอย่างไร สิ่งที่จะทําให้ผู้ประกอบการกลับเข้ามาอยู่ในระบบที่เสียภาษีอย่างถูกกฎหมาย เมื่อตีกรอบเสร็จ อาจต้องมีระยะเวลาปีแรกหรือปีที่ 2 ในการผ่อนผัน อย่างปีแรกอาจจะเยียวยาให้ผู้ประกอบการ เป็นต้นอีกทั้งหน่วยงานรัฐ หรือ กรมสรรพากรให้ความรู้เรื่องการทําบัญชี เพื่อให้ผู้ประกอบการมีความรู้การทําระบบบัญชีอย่างไรให้สอดคล้องกับธุรกิจเพื่อไม่ก่อให้เกิดผลเสีย เช่น ค่าปรับ หรืออะไรที่เป็นค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น เพื่อไม่ให้ผู้ประกอบการรายเล็กถอดใจที่จะทำธุรกิจ"

สรุปคือ ข้อเสนอแรก ให้คนไทยหันบริโภคสินค้าไทยที่ผลิตและใช้วัตถุดิบในไทย "ไทยแลนด์เฟิร์ส" ข้อเสนอที่สอง คือ ให้ความรู้ผู้ประกอบการเกี่ยวกับบัญชี

และ ข้อเสนอที่สาม คือ รัฐควรตีกรอบกฎหมายหลักให้ชัด พรบ.ภาษีมีอะไรบ้างคุ้มครองควบคุมถึงแค่ไหนทั้งบทลงโทษ ค่าปรับ ให้ชัดเจน

ภาครัฐและสรรพากรต้องทํางานร่วมกัน ต้องโปรโมทและให้ความรู้ก่อน เพราะไม่ใช่แค่ยื่น VAT ยังมีเรื่องเอกสารที่ต้องทำทุกเดือน สร้างภาระความวุ่นวาย ความเข้าใจผิดให้กับผู้ประกอบการที่กำลังตั้งไข่ได้

ทางรอดฝ่าวิกฤติ

ผู้ประกอบการทุกคนไม่ต้องรอนโยบาย สิ่งที่ทำได้คือต้องปรับจากตัวเอง เริ่มปรับเปลี่ยนกลยุทธ์ทั้งทางการตลาด, ออกแบบผลิตภัณฑ์ใหม่ ต้นทุนไหนที่สามารถตัดได้ต้องทำ ต้องเริ่มกลับมาโฟกัสจากสิ่งเล็กๆ เพื่อผลรวมที่มีมูลค่า ทดแทนต้นทุนค่าใช้จ่ายที่อาจจะมีเข้ามาเพิ่มขึ้น 

คำว่า "ตัดต้นทุน" ไม่ใช่การลดเรื่องคุณภาพ ผู้ประกอบการต้องเรียนรู้จากคู่แข่งธุรกิจ เรียนรู้ผู้นำของกลุ่มอุตสาหกรรมในเรื่องการพัฒนาทั้งเครื่องจักร แรงงาน ฝีมือการพัฒนาต่างๆ ต้องหาจุด painpoint เพื่อหาทางแก้และเสริมให้ธุรกิจอยู่รอด

อีกทั้ง ต้นทุนไม่ใช่แค่เงิน แต่รวมถึงเวลา หรือไลน์การผลิต เป็นต้น เหมือนการขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม คนเข้าใจว่ามันคือรายจ่ายของธุรกิจ แต่จริงๆเป็นรายจ่ายของผู้บริโภค

"ธุรกิจที่เก่งไม่ใช่ธุรกิจที่ใหญ่หรือเก่าแก่มานาน ธุรกิจที่เก่งตอนนี้คือธุรกิจที่สารถปรับตัวและอยู่รอดได้"

แผนการดำเนินธุรกิจ

บริษัทยังคงยึดหลักการลดขยะพลาสติก เดินหน้านวัตกรรมใหม่ๆ อย่างช่วงที่ออกรายการ SME HERO ได้นำเสนอเรื่องใช้ waste ที่เหลือใช้จากกัญชง

ส่วนปี 2568 นี้ใช้ขยะเหลือใช้จากเปลือกโกโก้และทุเรียนนํามาทําเม็ดพลาสติก พร้อมกับการร่วมมือกับแบรนด์อื่นๆเพื่อการเติบโต

"เราโตคนเดียวไม่ได้ การจะทําเรื่องเกี่ยวกับปัญหาสิ่งแวดล้อม ต้องมีทุกภาคส่วนมาร่วมด้วยช่วยกัน"

ถึงเวลา! "THAILAND FIRST" กิน-ช้อป-ใช้ ‘สินค้าไทย’ ทางรอด SME

การเก็บ VAT กับกลุ่ม SME รายย่อยไม่ใช่แค่เรื่องภาษี แต่มันคือ “การวางแนวทางอนาคตของประเทศ” หากมองข้ามความจริงที่ว่า SME คือลมหายใจของเศรษฐกิจฐานราก

การปรับตัวทางธุรกิจนั้นสำคัญ หากแต่รัฐไม่สร้าง "พื้นที่ปลอดภัย" ให้ผู้ประกอบการปรับตัวด้วยต้นทุนที่สมเหตุสมผล ธุรกิจรายย่อยจำนวนมากอาจล้มเป็นโดมิโน ซึ่งไม่เพียงกระทบผู้ประกอบการรายเดียว แต่คือ “ระบบเศรษฐกิจชุมชนทั้งวงจร”

ถึงเวลาแล้วหรือยังที่รัฐต้องคิดให้ลึกกว่าตัวเลข และเริ่มจากฟันเฟืองเล็กที่สุดของเศรษฐกิจ และ SME รายย่อย ?

ข่าวล่าสุด

"พลังงาน" สั่งเข้ม! ตรวจสอบปริมาณส่งออกน้ำมัน ทางบก-เรือ พร้อมร่วมมือกองทัพสกัดลักลอบส่งน้ำมันเข้ากัมพูชา