posttoday

ไปรษณีย์ไทย จูง SME ฝ่ามรสุมภาษีทรัมป์ รับสินค้าจีนทะลักแสนล้าน

06 พฤษภาคม 2568

ไปรษณีย์ไทยเตรียมรับมือผลกระทบภาษีทรัมป์ สินค้าจีนเปลี่ยนทิศเข้าไทยแสนล้าน เสี่ยงยอดขนส่งกระทบ ทั้งในและต่างประเทศ จับมือ SME แน่น สร้างแต้มต่อการแข่งขัน

ความไม่ชัดเจนของนโยบายกำแพงภาษีทรัมป์ ในช่วงสูญญากาศ 90 วัน ไม่เพียงกระทบแต่ผู้ส่งออก แต่ยังกระทบกับธุรกิจของไปรษณีย์ไทยด้วย เพราะหากมีการขึ้นภาษีจริง สิ่งที่เห็นชัดเจนคือการเปลี่ยนจุดหมายการส่งออก โดยเฉพาะสินค้าจากจีน ที่มีการคาดการณ์ว่า จะเป็นประเทศที่เจรจากับ กับสหรัฐได้ช้าที่สุด 

ทำให้จีนต้องระบายสินค้าที่ผลิตพร้อมขายแล้ว ด้วยการทุ่มราคาและอาจหันหัวเรือการส่งออกจากสหรัฐอเมริกามาไทยมาส่งออกที่ประเทศไทย จากปกติที่มูลค่าสินค้าจีนเข้าไปปีละแสนล้าน อาจจะทวีความรุนแรงมากขึ้น อย่างแน่นอน

ต่อเรื่องนี้ นายดนันท์ สุภัทรพันธุ์ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท ไปรษณีย์ไทย จำกัด เปิดเผยว่า แม้ว่าผลประกอบการล่าสุดไตรมาสแรกปี 2568 ไปรษณีย์ไทย มีกำไร 534.45 ล้านบาท บนรายได้ 5,945.09 ล้านบาท มีส่วนแบ่งในตลาดเป็นอันดับ 1 คือ 30% รองลงมาคือ แฟลช 27% และ J&T อยู่ที่ 23% 

แต่ก็ยังไม่สามาถวางใจได้ว่า กำไร หรือ รายได้ ในปีนี้จะสวยหรู เพราะกำไรไตรมาสนี้ที่สูงถึงกว่า 500 ล้านบาทนั้น มาจากการควบคุมต้นทุน เช่น ค่าโอทีของบุคลากร และการบริหารจัดการการส่งสินค้าเน้นความเหมาะสม เช่น ถ้าในเวลาราชการ ก็ยังไม่ต้องรีบส่ง ให้ส่งของในเวลาราชการ รวมถึงการเพิ่มมูลค่าค่าส่งสินค้าที่ผู้บริโภคเต็มใจจ่าย ในสินค้าที่ต้องการส่งแบบพิเศษ เป็นต้น 
เหตุเพราะภาวะเศรษฐกิจโลก ความขัดแย้งทางภูมิศาสตร์ และสิ่งที่ต้องจับตาและวางแผนรับมือคือเรื่องนโยบายกำแพงภาษีของทรัมป์ ซึ่งสหรัฐอเมริกา คือ 1 ใน 5 ประเทศปลายทางที่เป็นตลาดใหญ่ที่สุด ที่เหลือคือ ญี่ปุ่น เกาหลี อังกฤษ และอิสราเอล

ถามว่า ไปรษณีย์ไทยได้รับผลกระทบอย่างไรกับนโยบายกำแพงภาษีนี้ ทั้งๆ ที่ ไปรษณีย์ไทย มีรายได้ส่วนใหญ่จากการให้บริการภายในประเทศ

นายดนันท์ เล่าว่า กำแพงภาษีทรัมป์ ทำให้แต่ละประเทศอาจแก้ปัญหาด้วยการเปลี่ยนเส้นทางการส่งออกไปยังประเทศอื่นแทน หากไปรษณีย์ไทยไม่เตรียมพร้อมรับมือ แน่นอนว่าต้องกระทบต่อการขนส่งสินค้าอย่างแน่นอน สิ่งที่ไปรษณีย์ไทยตอนนี้คือการทำงานร่วมกับกับพันธมิตรทางธุรกิจเพื่อรับมือกับปัญหานี้ 

ที่สำคัญคือ หากประเทศต่างๆโดยเฉพาะจีนหันมาเข้าระบายสินค้าเข้าไทย และใช้ขนส่งของชาติเดียวกัน เรื่องนี้ไม่เพียงแต่ไปรษณีย์ไทยที่ได้รับผลกระทบแต่ SME ไทยจะถูกสินค้าจีนเข้ามาทุ่มราคาแข่งขัน แค่ TEMU รายเดียวก็มีมูลค่าในประเทศไทยเป็นแสนล้านแล้ว

นายดนันท์ กล่าวว่า ปัจจุบันยอดการส่งออกไปต่างประเทศลดลง 10% เพราะไม่สามารถทำราคาแข่งขันกับต่างชาติได้ อยู่แล้ว ดังนั้นเมื่อทรัมป์มีนโยบายกำแพงภาษี แต่ละประเทศจะได้เจรจากับทรัมป์และมีผลไม่พร้อมกัน 

ล่าสุด ไปรษณีย์ไทยยังได้จับมือกับ สภาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย (สภาเอสเอ็มอี) เดินหน้าโครงการสร้างระบบนิเวศของผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมไทย เพื่อสร้างระบบนิเวศที่เอื้อต่อการเติบโตของ SME ไทยอย่างยั่งยืน ครอบคลุมปัจจัยสำคัญ 8 ด้าน ได้แก่ การเข้าถึงแหล่งทุน ระบบชำระเงิน ระบบขนส่ง โครงสร้างพื้นฐานภาครัฐ กฎหมาย ช่องทางอีคอมเมิร์ซ รวมถึงการส่งเสริมองค์ความรู้และการรวมกลุ่มของผู้ประกอบการ เพื่อให้สามารถแข่งขันได้ในยุคเศรษฐกิจดิจิทัล ด้วย

ข่าวล่าสุด

Adobe Firefly รวมพลังโมเดลสร้างวีดีโอ สู่การใช้งาน Runway