'ชุมพร-ลพบุรี' เมืองรองดาวรุ่งค้าปลีกโต แซงเมืองหลัก
ศูนย์วิจัยกสิกรไทยชี้ 'เมืองรอง' ชุมพร-ลพบุรี รายได้เติบโต และมีร้านค้าน้อย กลายเป็นขุมทองใหม่น่าลงทุนแซงเมืองหลัก เหตุความเป็นเมืองขยาย และการท่องเที่ยวเติบโต
ศูนย์วิจัยกสิกรไทย วิเคราะห์ถึงภาพรวมการค้าปลีก พบมีแนวโน้มเติบโตชะลงลงในช่วงปี 2567-2568 เฉลี่ยเพียง 3.4% (จาก 5.9% ในช่วงปี 2565-2566) อันเป็นผลมาจากกำลังซื้อที่ฟื้นตัวช้าและการแข่งขันกับอีคอมเมิร์ซต่างชาติที่รุนแรง แต่ผู้ประกอบการค้าปลีกยังคงเดินหน้าขยายสาขาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะใน "จังหวัดเมืองรอง" ที่มีศักยภาพในการเติบโตสูง โดยการขยายสาขาในต่างจังหวัดเป็นไปตามการขยายตัวของความเป็นเมือง (Urbanization) และการเติบโตของภาคการท่องเที่ยว ซึ่งส่งผลให้สัดส่วนผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (GPP) ของภาคค้าปลีกในต่างจังหวัดมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นเป็น 42% ในปี 2568
"จังหวัดเมืองรอง" ถูกจับตามองว่าเป็นพื้นที่ศักยภาพในการลงทุนธุรกิจค้าปลีกอย่างมาก โดยมีปัจจัยสนับสนุนสำคัญคือ รายได้ประชากรและการใช้จ่ายในภาคค้าปลีกที่ยังคงขยายตัวสูงกว่าค่าเฉลี่ยทั้งประเทศ ควบคู่ไปกับ ความหนาแน่นของร้านค้าที่ยังอยู่ในระดับต่ำ ทำให้มีโอกาสในการเติบโตอีกมา ศูนย์วิจัยกสิกรไทย พบว่า จังหวัดชุมพร และ จังหวัดลพบุรี เป็น 2 จังหวัดเมืองรองที่มีปัจจัยสนับสนุนการเติบโตของธุรกิจค้าปลีกครบทั้ง 5 ประการ ได้แก่
- การขยายตัวของความเป็นเมือง
- การเติบโตของภาคท่องเที่ยว
- การเติบโตของรายได้ประชากร
- การเติบโตของการใช้จ่ายค้าปลีก
- ความหนาแน่นของร้านค้าที่ยังน้อย
นอกจากนี้ยังมีจังหวัดที่มีศักยภาพรองลงมาซึ่งมีปัจจัยสนับสนุนครบ 4 ประการ ได้แก่ เพชรบูรณ์, หนองคาย, อุดรธานี, บุรีรัมย์, ปราจีนบุรี และนครศรีธรรมราช
ส่วนจังหวัดที่มีปัจจัยสนับสนุนครบ 3 ประการ ได้แก่ เชียงราย, พิษณุโลก, ตาก, เลย, นครพนม, อุบลราชธานี, นครนายก, จันทบุรี, ตราด, สุพรรณบุรี, ราชบุรี และสตูล
ปัจจับสนับสนุนการเติบโตค้าปลีกในเมืองรอง
- การขยายตัวของความเป็นเมือง (Urbanization) โดยสัดส่วนประชากรที่อาศัยในเขตเมืองของไทยปัจจุบันอยู่ที่ 54% ซึ่งยังต่ำกว่าหลายประเทศ ทำให้ผู้ประกอบการยังมีโอกาสขยายสาขาในต่างจังหวัด ภาคการท่องเที่ยวที่เติบโตนักท่องเที่ยวเริ่มให้ความสนใจเมืองรองมากขึ้น ส่งผลให้การบริโภคค้าปลีกในพื้นที่เหล่านี้เพิ่มขึ้น
- การรุกพื้นที่ศักยภาพ ผู้ประกอบการต้องการชิงส่วนแบ่งตลาดก่อนคู่แข่งเข้ามาลงทุน หรือใช้กลยุทธ์ "Market Cannibalization" โดยเปิดสาขาใหม่ใกล้เคียงสาขาเดิมเพื่อเพิ่มยอดขายรวม
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทยมองว่า รูปแบบธุรกิจค้าปลีกในปัจจุบันมีความหลากหลายและผสมผสานมากขึ้น การตลาดแบบ Omni-channel เข้ามามีบทบาทสำคัญ การขยายการลงทุนของผู้ประกอบการจึงต้องมีความรอบคอบและปรับรูปแบบร้านค้าให้เหมาะสมกับแต่ละพื้นที่ เช่น ร้านค้าในแหล่งท่องเที่ยวอาจเพิ่มสินค้าท้องถิ่น อาหารสด/พร้อมทาน สินค้าสุขภาพ หรือบริการส่งถึงที่พัก
นอกจากนี้ การเพิ่มบริการเสริมอื่นๆ เช่น บริการทางการเงิน รับ-ส่งพัสดุ หรือจุดรับฝากของสำหรับนักท่องเที่ยว ควบคู่กับการใช้เทคโนโลยี จะช่วยสร้างประสบการณ์ใหม่และตอบโจทย์ลูกค้าได้หลากหลายยิ่งขึ้น ท่ามกลางพลวัตของตลาดที่ไม่แน่นอน การปรับตัวอย่างรวดเร็วและเข้าใจความต้องการของลูกค้าในแต่ละพื้นที่จึงเป็นกุญแจสำคัญสู่ความสำเร็จของธุรกิจค้าปลีกในยุคนี้


