posttoday

2 ผู้ประกอบการวิทยุ กรุงเทพฯ-อีสาน เริ่มทดลองวิทยุดิจิทัลแล้ว

17 เมษายน 2568

กสทช. อนุญาตสถานีวิทยุเสียงธรรมฯ -สถานีวิทยุขอนแก่น ทดลองทดสอบการกระจายเสียงในระบบดิจิทัล เป็นเวลา 6 เดือน หนุนการเปลี่ยนผ่านวิทยุดิจิทัล

พลอากาศโท ธนพันธุ์ หร่ายเจริญ กรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ หรือ กรรมการ กสทช. ด้านกิจการกระจายเสียง ชี้แจงว่า หลังจากที่ กสทช. ได้ออกประกาศ หลักเกณฑ์การอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่ในกิจการกระจายเสียงเพื่อการทดลองและทดสอบเป็นการชั่วคราว ไปแล้วนั้น

ล่าสุดมีผู้ประกอบการหลายรายที่สนใจยื่นขอรับการอนุญาต และหลังจากที่สำนักงาน กสทช. ได้ตรวจสอบคุณสมบัติให้เป็นไปตามประกาศฯ แล้ว จึงได้เสนอที่ประชุม กสทช.ในวันที่ 26 มีนาคม 2568 พิจารณาให้ความเห็นชอบให้ผู้ประกอบการ 2 ราย ทำการทดลองทดสอบเป็นการชั่วคราว โดยมีระยะเวลาอนุญาต 6 เดือน ได้แก่ 

1. กลุ่มสถานีวิทยุเสียงธรรมฯ ขอในนามบริษัท ไอเอฟแซด อินโนเวทีฟ จำกัด ได้รับอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่วิทยุ บล็อกความถี่ 9A (ความถี่กลาง 202.928 MHz) ในพื้นที่กรุงเทพและปริมณฑล โดยมีสถานีวิทยุที่เข้าร่วมการทดลองทดสอบ เช่น สถานีเสียงธรรมเพื่อประชาชนฯ สถานีวิทยุเสียงสันติ เป็นต้น

2. กลุ่มสถานีขอนแก่น ขอในนามห้างหุ้นส่วนจำกัด เจ เค พี เอ็นจิเนียริ่งเรดิโอ ได้รับอนุญาตให้ใช้คลื่นความถี่วิทยุ บล็อกความถี่ 6C (ความถี่กลาง 185.360 MHz) ในพื้นที่ขอนแก่นและมหาสารคาม โดยมีสถานีวิทยุที่เข้าร่วมการทดลองทดสอบ เช่น สถานีวิทยุขอนแก่นมหานคร สถานีวิทยุสายฟ้าเรดิโอ สถานีวิทยุท้องถิ่นไทย เป็นต้น

สำหรับเงื่อนไขการอนุญาตนั้น ผู้ที่ได้รับอนุญาตจะต้องจัดสร้างโครงข่ายวิทยุระบบดิจิทัลด้วยการติดตั้งอุปกรณ์เครื่องส่งที่มีมาตรฐานตามประกาศ กสทช. เรื่อง มาตรฐานทางเทคนิคเครื่องส่งวิทยุกระจายเสียงระบบดิจิทัล รวมทั้งใช้คลื่นความถี่ตามที่ได้รับอนุญาตโดยมีการติดตั้งสายอากาศตามที่กำหนดจำนวน 4 เสาส่ง เพื่อให้รัศมีการเผยแพร่เสียงครอบคลุมตามพื้นที่ที่กำหนด

ทำให้สามารถเผยแพร่กระจายเสียงได้ถึง 16-18 รายการ (สถานีวิทยุ) ขึ้นกับคุณภาพของเสียงหรือบิทเรท (Bit Rate) ที่กำหนด สำหรับสถานีวิทยุที่เข้าร่วมการทดลองทดสอบต้องเป็นสถานีวิทยุ FM ที่ได้รับการอนุญาตจาก กสทช. จึงจะสามารถออกอากาศแบบคู่ขนานกับระบบ DAB+ ได้โดยไม่มีการดัดแปลงเนื้อหาใดๆ

และห้ามมิให้มีการแสวงหารายได้เพิ่มเติมจากการทดลองทดสอบนี้ โดยที่ผู้รับอนุญาตจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบค่าใช้จ่ายในการติดตั้งอุปกรณ์การทดลองทดสอบเองทั้งหมด รวมทั้งการจัดหาเครื่องรับวิทยุในระบบดิจิทัลเพื่อให้ประชาชนสามารถรับฟังการออกอากาศนี้ได้

การอนุญาตในการทดลองทดสอบวิทยุกระจายเสียงระบบดิจิทัล DAB+ ในครั้งนี้ นับเป็นความก้าวหน้าอีกขั้นหนึ่งของการพัฒนากิจการกระจายเสียงของประเทศไทย โดยเป็นการเปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการทั่วไปที่มีความพร้อมได้รวมตัวทำการทดลองทดสอบด้วยตนเอง

ทำให้ผู้ประกอบการดังกล่าวสามารถเรียนรู้ทั้งทางเทคโนโลยีของระบบและเรียนรู้ทางการบริหารจัดการรวมทั้งทางเศรษฐศาสตร์ที่เป็นไปตามกลไกตลาด

แม้ว่าการอนุญาตในครั้งนี้จะเริ่มในระดับท้องถิ่น/ภูมิภาค แต่สามารถขยายไปสู่การกระจายเสียงในระดับชาติได้หากมีการจัดตั้งโครงข่ายเพิ่มเติม ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยยังไม่มีการกระจายเสียงในระดับชาติอย่างแท้จริงที่สามารถออกอากาศรายการจากสถานีเดียวที่ทำให้ประชาชนได้รับฟังภายใต้สถานีนั้นพร้อมกันทั่วประเทศ

จึงต้องเร่งรัดผลักดันให้เกิดขึ้น เพื่อให้เกิดประโยชน์ต่อการสื่อสารสาธารณะของประเทศ โดยเฉพาะการแจ้งเตือนภัยพิบัติหรือเหตุการณ์ฉุกเฉินอื่น เช่น การเกิดแผ่นดินไหวที่ผ่านมาหากระบบสื่อสารโทรคมนาคมอื่นใช้ไม่ได้ ต่อไป

ข่าวล่าสุด

3 ชาติผนึกกำลังทลาย 'KK Park - ชเวก๊กโก' รังใหญ่ "แก๊งคอลเซ็นเตอร์"