คนอินโดนีเซีย นิยมบินศัลยกรรมไทย เชื่อคุณภาพดีไม่แพ้เกาหลี
ธุรกิจความงามไทยสุดฮอต! คนอินโดนีเซีย นิยมบินทำศัลยกรรม จมูก หน้าอก ดูดไขมัน ฯลฯ มองมาตรฐานสูง คุณภาพใกล้เคียงเกาหลี ราคาเป็นมิตร
นายแพทย์อภิรุจ ทองวัฒน์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เดอะคลีนิกค์ คลินิกเวชกรรม จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ตลาดศัลยกรรมและความงามของไทยเติบโตอย่างต่อเนื่อง คาดว่าในปี 2568 มูลค่าตลาดรวมจะสูงถึง 76,500 ล้านบาท เติบโตขึ้น 2.8% จากปีก่อนหน้า เติบโตจากกลุ่มลูกค้าที่กว้างขึ้นทั้งชาวไทยและต่างชาติ
โดยเฉพาะชาวไทย พบว่ากลุ่มลูกค้าเริ่มเด็กลง ขณะที่ตลาดต่างชาติพบอินโดนีเซียเป็นตลาดที่มาแรงอันดับ 1 เช่นเดียวกับกลุ่มประเทศ CLMV ,จีน
ปัจจุบัน อินโดนีเซียกลายเป็นตลาดหลักที่เดินทางเข้ามารับบริการศัลยกรรมในไทย โดยมีปัจจัยสนับสนุนสำคัญ 5 ข้อ
1.ในอินโดนีเซีย ยังไม่มีโรงพยาบาลศัลกรรมที่แพร่หลายมากนัก
2.เดินทางสะดวก -ไทยอยู่ใกล้อินโดนีเซียกว่าประเทศอื่น ๆ ที่มีมาตรฐานศัลยกรรมสูง เช่น เกาหลีใต้
3.ราคาคุ้มค่า-ค่าบริการศัลยกรรมในไทยถูก
4.มาตรฐานระดับโลก – การศัลยกรรมไทยพัฒนาอย่างรวดเร็ว จนสามารถแข่งขันกับประเทศแนวหน้าด้านศัลยกรรม หรือเรียกว่าคุณภาพเกือบใกล้เคียงเกาหลีใต้
นอกจากศัลยกรรมแล้ว โปรแกรมยกกระชับผิว อย่างโปรแกรมอัลเทอร่า (Ulthera) ซึ่งเป็นเครื่องมือยกกระชับอันดับ 1 ของโลก ก็ได้รับความนิยมสูงในไทย โดยในเอเชีย เกาหลีใต้เป็นตลาดใหญ่อันดับ 2 รองจากอเมริกา ขณะที่ไทยครองอันดับ 3 แซงหน้าหลายประเทศ เช่น ไต้หวัน ฟิลิปปินส์ และอินโดนีเซีย ที่มีประชากรจำนวนมาก
5.อินฟลูเอนเซอร์มีอิทธิพลสูง – โซเชียลมีเดียมีบทบาทสำคัญต่อการตัดสินใจของชาวอินโดนีเซีย ทำให้การทำศัลยกรรมในไทยได้รับความนิยมมากขึ้น
ทั้งนี้ภาพรวมตลาดความงามในอินโดนีเซีย มูลค่าอยู่ที่ 1.8 หมื่นล้านบาท แต่ใช้จ่ายในไทยราว ๆ 500 ล้านบาท นิยมทำจมูก เสริมหน้าอก และดูดไขมัน ในคลินิก โรงพยายาลไทย
เหตุผลชาวอินโดนีเซียบินศัลยกรรมไทย เพราะไม่เชื่อมั่นการแพทย์ในประเทศ
สอดคล้องกับรายงานธุรกิจสุขภาพและความงามในอินโดนีเซียและโอกาสของไทย ของ กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ ปี 2567 ระบุว่า จากข้อมูลของ Kompas (2023) อินโดนีเซีย มีศัลยแพทย์ตกแต่งเพียงประมาณ 300 คน ซึ่งไม่เพียงพอต่อความต้องการของชาวอินโดนีเซีย
ตลาดการดูแลสุขภาพในอินโดนีเซียต้องเผชิญกับความซับซ้อนจากกระแสท่องเที่ยว เชิงการแพทย์ที่มีจำนวนนักทองเที่ยวจากอินโดนีเซียมองหาการรักษาในต่างประเทศมากอย่างมีนัยสำคัญ เนื่องจาก การรับรู้ถึงข้อบกพร่องในบริการด้านการดูแลสุขภาพในท้องถิ่น
แนวโน้มนี้ช่วยเสริมโอกาสสำหรับประเทศไทย ซึ่งมีชื่อเสียงในด้านความก้าวหน้าทางโครงสรางพื้นฐานของการดูแลสุขภาพและความเชี่ยวชาญของทางการแพทย์ ด้วยเครือข่ายโรงพยาบาลที่ได้รับการรับรองจาก Joint Commission International (JCI) และเทคโนโลยีทางการแพทย์ที่ทันสมัย ประเทศไทยอยู่ ในตำแหนงที่ได้เปรียบที่จะขยายตลาดมายังอินโดนีเซีย
โดยการนำหลักการปฏิบัติทางการแพทย์และมาตรฐานการดูแลคุณภาพระดับสูงมาสู่ประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งธุรกิจไทยจะสามารถเจาะตลาดผู้บริโภคชาวอินโดนีเซียที่กำลังมองหาการดูแลสุขภาพที่มีคุณภาพโดยไม่จำเป็นต้องเดินทางไปต่างประเทศ


