แจกเงิน 10,000 เฟส2 –มาตรการลดหย่อนภาษี อานิสงส์ ถึง SME น้อย
สสว.เผย ดัชนีความเชื่อมั่น SME เดือน ม.ค. 68 ลดลงอยู่ที่ 53.1 ภาคธุรกิจเกษตร-การผลิต-การค้าชะลอตัวลง SME ได้รับอานิสงส์ แจกเงิน 10,000 เฟส2 –มาตรการลดหย่อนภาษี น้อย ลุ้น 3 เดือนหน้าดัชนีเพิ่มรับสงกรานต์
หลายคนต่างจับตามองว่า มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ เช่น โครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท (ระยะที่ 2) และ มาตรการ Easy e-Receipt 2.0 มีส่วนช่วยกระตุ้น SME ได้มากน้อยเพียงใดนั้น ปณิตา ชินวัตร รองผู้อำนวยการสำนักงาน รักษาการแทนผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) เปิดเผยว่า ภาคการค้ายังคงไม่ได้รับอานิสงส์เชิงบวกจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ
โครงการเงินดิจิทัล 10,000 บาท (ระยะที่ 2) ส่งผลให้ยอดขายของ SME ในเดือนนี้ ยังได้รับผลกระทบในวงจำกัด ขณะที่ มาตรการ Easy e-Receipt 2.0 พบว่า มีเพียงผู้ประกอบการขนาดกลาง และ OTOP บางส่วนเท่านั้น ที่เข้าร่วมโครงการได้ ทำให้การดำเนินมาตรการยังไม่ครอบคลุมในทุกภาคธุรกิจแม้ให้สิทธิ์ใช้กับกลุ่ม OTOP หรือสินค้าและบริการจากชุมชน แต่ยังมีผู้ประกอบการกลุ่มนี้จำนวนมากที่ยังไม่สามารถเข้าร่วมโครงการได้
สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นผู้ประกอบการ SME ประจำเดือนม.ค. 2568 เมื่อเปรียบเทียบกับเดือนธ.ค. 2567 พบว่า ค่าดัชนีอยู่ที่ระดับ 53.1 ลดลงจากระดับ 53.9 ปัจจัยหลักมาจากราคาสินค้าที่อยู่ในระดับสูงอย่างต่อเนื่อง
เมื่อพิจารณาระดับความเชื่อมั่นรายภาคธุรกิจ พบว่า ภาคธุรกิจการเกษตรมีแนวโน้มชะลอตัวลงอย่างชัดเจน ขณะที่ภาคการผลิตยังเผชิญแรงกดดันจากคำสั่งซื้อที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง
อย่างไรก็ตาม ระดับความเชื่อมั่นในภาคบริการยังคงใกล้เคียงกับเดือนก่อนหน้า โดยมีปัจจัยหนุนจากกิจกรรมด้านการท่องเที่ยวที่ยังคงดำเนินต่อเนื่องจากช่วงเทศกาลปลายปี โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้และภาคตะวันออก ซึ่งเป็นแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของประเทศ เมื่อพิจารณาตามองค์ประกอบของดัชนี พบว่า
เกือบทุกองค์ประกอบของดัชนีปรับตัวลดลง โดยองค์ประกอบด้านกำไร ปรับตัวลดลงมาอยู่ที่ 57.9 จากระดับ 59.4 ซึ่งสอดคล้องกับการลดลงขององค์ประกอบดัชนีด้านคำสั่งซื้อโดยรวมและด้านปริมาณการผลิต/การค้า/การบริการ อยู่ที่ระดับ 62.0 และระดับ 57.5 จากระดับ 63.3 และ 58.5 ตามลำดับ
สาเหตุจากกำลังซื้อที่ชะลอลงและจำนวนยอดขายที่เพิ่มขึ้นในช่วงเวลาก่อนหน้า สำหรับองค์ประกอบด้านการลงทุนโดยรวมปรับตัวลดลงอยู่ที่ระดับ 51.4 จากระดับ 52.2 และด้านต้นทุนปรับลดลงอยู่ที่ระดับ 39.3 จากระดับ 39.8 ขณะที่องค์ประกอบด้านการจ้างงาน ปรับเพิ่มขึ้นเล็กน้อยอยู่ที่ระดับ 50.4 จากระดับ 50.3
ภาคการผลิต อยู่ที่ระดับ 51.3 หดตัวจากระดับ 52.6 จากเดือนก่อนหน้า มีสาเหตุจากจำนวนยอดขายธุรกิจที่เพิ่มขึ้นสูงในช่วงเวลาก่อนหน้าโดยเฉพาะในกลุ่มอาหารและเสื้อผ้า แม้จะอยู่ในช่วงเวลาการทำงานปกติ แต่กลุ่มเหล็ก พลาสติก และยาง ยังไม่สามารถขยายกำลังการผลิตได้
เนื่องจากสถานการณ์เศรษฐกิจมีแนวโน้มที่ไม่แน่นอน ทำให้ผู้ประกอบการระมัดระวังการลงทุน ภาคการค้าอยู่ที่ระดับ 52.0 ลดลงจากระดับ 53.3 จากเดือนก่อนหน้า โดยหดตัวตามกำลังซื้อที่ชะลอลง หลังจากเร่งตัวในเดือนก่อนหน้า
คาดการณ์ 3 เดือนข้างหน้า ระดับความเชื่อมั่นปรับตัวเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 54.9 โดยได้รับแรงหนุนจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจในช่วงเทศกาลมหาสงกรานต์ ซึ่งจะช่วยกระตุ้นกำลังซื้อ ปริมาณการผลิต และผลกำไรของภาคธุรกิจในระยะสั้น นอกจากนี้ ยังมีสัญญาณการลงทุนที่เพิ่มขึ้นเล็กน้อย โดยเฉพาะการขยายหน้าร้านชั่วคราวในพื้นที่จัดงานเทศกาล อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการลงทุนระยะยาวและการจ้างงานยังไม่ฟื้นตัวอย่างเด่นชัด
สิ่งที่ SME ต้องการความช่วยเหลือจากทางภาครัฐคือมาตรการช่วยลดต้นทุน โดยเฉพาะราคาวัตถุดิบอาหารที่เพิ่มขึ้นสูงต่อเนื่อง ท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อที่ยังอยู่ในระดับสูงและยังส่งผลต่อการทำกำไรของธุรกิจ รวมถึงมาตรการกระตุ้นการใช้จ่ายที่ครอบคลุมทั่วประเทศและมีผลกระทบเป็นวงกว้าง


