ธุรกิจความงามมาแรง จัดตั้งใหม่ปีละไม่ต่ำกว่า 1,000 ราย มาเลเซียลงทุนมากสุด
‘ธุรกิจความงาม’ ไปได้สวย เติบโตต่อเนื่อง 5 ปี ไม่มีแผ่ว เกิดลูกค้าใหม่ทั้งชายหนุ่มและนิวเจนเพิ่มส่วนแบ่งในตลาด พบมีการจัดตั้งกิจการใหม่เฉลี่ยปีละกว่า 1,000 ราย “มาเลเซีย" เข้ามาลงทุนมากสุด ตามด้วย จีน และสิงค์โปร์
นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า กรมพัฒนาธุรกิจการค้าได้ดำเนินการวิเคราะห์ธุรกิจประจำเดือนมกราคม 2568 พบว่า ธุรกิจความงาม มีแนวโน้มเติบโตแบบก้าวกระโดดตลอด 5 ปีที่ผ่านมา และยังสอดรับกับการเป็น 1 ใน 10 ของธุรกิจดาวเด่นประจำปี 2568
กลุ่มธุรกิจ Health & Wellness ที่กรมฯ ได้วิเคราะห์ว่ามีการเติบโตที่น่าสนใจ โดยธุรกิจความงามประกอบไปด้วยธุรกิจ 3 กลุ่มใหญ่ ดังนี้
- กลุ่มคลินิกเฉพาะทาง เช่น โรงพยาบาล คลินิกให้คำปรึกษา ศัลยกรรม เป็นต้น
- คลินิกทันตกรรม การให้บริการทำฟันประเภทต่างๆ
- กลุ่มความงาม การให้บริการลดน้ำหนัก ดูแลความงามตั้งแต่ใบหน้า ผิวพรรณ เล็บมือ/เท้า การให้คำปรึกษา การปลูกผม และกำจัดขน
นางอรมน กล่าวต่อว่า จากข้อมูลนิติบุคคลในธุรกิจความงาม (ณ วันที่ 31 มกราคม 2568) พบว่า มีธุรกิจความงามในประเทศไทยจำนวน 6,621 ราย ทุนจดทะเบียน 190,160 ล้านบาท แบ่งเป็น
- บริษัทจำกัด 5,994 ราย (90.53%) ทุนจดทะเบียน 153,879 ล้านบาท
- ห้างหุ้นส่วนจำกัด/ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล 582 ราย (8.79%) ทุนจดทะเบียน 758 ล้านบาท
- บริษัทมหาชนจำกัด 45 ราย (0.68%) ทุนจดทะเบียน 35,523 ล้านบาท
ทั้งนี้ ธุรกิจขนาดเล็ก (S) เป็นกลุ่มที่อยู่ในตลาดนี้มากที่สุดจำนวน 6,191 ราย (93.51%) ทุนจดทะเบียน 49,560 ล้านบาท รองลงมาเป็นขนาดกลาง (M) 238 ราย (3.59%) ทุนจดทะเบียน 24,275 ล้านบาท และขนาดใหญ่ (L) 192 ราย (2.90%) ทุนจดทะเบียน 116,325 ล้านบาท
ข้อมูลสำคัญที่ทำให้ธุรกิจความงามเป็นที่น่าจับตามอง หากวิเคราะห์ย้อนหลังไป 5 ปี (2563-2567) จะเห็นได้ชัดเจนว่าการจัดตั้งธุรกิจและทุนจดทะเบียนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
- โดยปี 2563 มีจำนวน 527 ราย ทุนจดทะเบียน 1,302 ล้านบาท ปี 2564 มีจำนวน 589 ราย ทุนจดทะเบียน 1,775 ล้านบาท
- ปี 2565 มีจำนวน 957 ราย ทุนจดทะเบียน 3,472 ล้านบาท ปี 2566 มีจำนวน 1,161 ราย ทุนจดทะเบียน 5,523 ล้านบาท
- ปี 2567 มีจำนวน 1,135 ราย ทุนจดทะเบียน 5,547 ล้านบาท
สำหรับเดือนมกราคม 2568 ที่ผ่านมามีธุรกิจจัดตั้งใหม่ 119 ราย ทุนจดทะเบียน 285 ล้านบาท
ด้านผลประกอบการตลอด 3 ปี ที่ผ่านมา (2564-2566) สร้างรายได้รวมสูงขึ้น
- ปี 2564 รายได้ 304,724 ล้านบาท
- ปี 2565 รายได้ 354,823 ล้านบาท
- ปี 2566 รายได้ 363,145 ล้านบาท
สำหรับการลงทุนของชาวต่างชาติในประเทศไทยพบว่า มีมูลค่าการลงทุนสูงถึง 2,799 ล้านบาท โดยสัญชาติที่ลงทุนมากที่สุด 3 อันดับแรกคือ มาเลเซีย มูลค่า 201 ล้านบาท จีน มูลค่า 182 ล้านบาท และสิงคโปร์ 94 ล้านบาท
ปัจจัยสนับสนุนที่เป็นโอกาสให้ธุรกิจความงามเติบโตขึ้นมี 4 ปัจจัย คือ
1.การใช้เทคโนโลยีเครื่องมือทางการแพทย์ที่ทันสมัยมาให้บริการลูกค้า หรือพัฒนาผลิตภัณฑ์ความงามด้วยนวัตกรรมสมัยใหม่
2.ลูกค้ากลุ่มใหม่เข้าสู่ตลาด ทั้งลูกค้าผู้ชายที่ดูแลตัวเองมากขึ้น กลุ่ม Gen Z คนรุ่นใหม่วัยทำงานที่มีกำลังซื้อสูงขึ้น กลุ่มผู้สูงอายุที่อยากสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นตามเทรนด์เวชศาสตร์ชะลอวัยและสอดรับกับสังคมผู้สูงอายุที่กำลังขยายตัวขึ้น และมีแนวโน้มที่ทั้ง 3 กลุ่มนี้จะเข้ามาใช้บริการเป็นลูกค้าเพิ่มขึ้นในอนาคต
3.Social Media ถือว่าเป็นประตูสำคัญที่ทำให้ลูกค้าพบเห็นธุรกิจความงามมากขึ้นโดยไม่ต้องเดินทางไปยังสถานที่ให้บริการ ผ่านการตลาดออนไลน์ที่มีการทำโปรโมชันออกมาแข่งขันกัน ลูกค้าสามารถเปรียบเทียบบริการ ราคา และเทคโนโลยีที่ให้บริการได้ด้วยตนเอง
รวมถึง Social Media ยังเป็นแหล่งชุมชนที่นำเสนอคอนเทนต์ด้านความสวยความงามที่หลากหลาย เทคนิคการดูแลตัวเอง สะท้อนถึงค่านิยมและเทรนด์ในสังคมที่ดึงดูดใจให้ผู้ใช้สื่อออนไลน์อยากจะพัฒนาตัวเองดูดีขึ้น หรือเสริมสร้างความมั่นใจในการใช้ชีวิต
4.ค่าบริการที่ถูกลง เนื่องจากมีการแข่งขันทางธุรกิจที่คึกคักและยังส่งผลดีทำให้ธุรกิจความงามในประเทศไทยกลายเป็นจุดหมายปลายทางของลูกค้าต่างชาติที่เข้ามาใช้บริการมากขึ้น และยังส่งเสริมให้ไทยเป็นศูนย์กลาง Medical Tourism ตามนโยบายของรัฐบาลอีกด้วย


