posttoday

Krungsri Finnovate เปิด 4 ดีล สตาร์ทอัพ ระดับเอเชีย ดันวงการกลับมาคึกคัก

02 พฤษภาคม 2567

ผ่านกองทุน “Finnoventure Private Equity Trust I” โดยได้ลงทุนไปแล้วกว่า 15 กิจการ ล่าสุดกองทุนมีการเติบโตกว่า 10% และมีหลายกิจการที่เตรียมตัวเข้า IPO ทำให้อาจกลายเป็นตัวกระตุ้น วงการ Startup กลับมาคึกคักอีกครั้ง ปีนี้ เตรียมงบ 600-1,000 ล้านบาท ลงทุนสตาร์ทอัพเพิ่ม 6 กิจการ

แซม ตันสกุล กรรมการผู้จัดการ กรุงศรี ฟินโนเวต เปิดเผยในงาน KRUNGSRI FAMILY MEETUP” ว่า 4 ดีลล่าสุดที่เพิ่งปิดไปเป็น 4 ดีล   ใน 4 ประเทศ ได้แก่  (1) MFast ประเทศเวียดนาม (2) Klook ยูนิคอร์นจากฮ่องกง (3) SLEEK รถมอเตอร์ไซด์ EV สัญชาติไทย (4) AwanTunai- Fintech จากประเทศอินโดนีเซีย ซึ่งทั้ง 4 ธุรกิจเกิดจากการที่ “Krungsri Finnovate” เริ่มขยายการลงทุนไปในต่างประเทศ ซึ่งถือว่าเป็น 4 ดีล ที่น่าสนใจมาก

Krungsri Finnovate เปิด 4 ดีล สตาร์ทอัพ ระดับเอเชีย ดันวงการกลับมาคึกคัก

สำหรับ 4 ธุรกิจ ที่เลือกลงทุน บริษัทแรก คือ  “MFast” จากประเทศเวียดนาม เป็น FinTech ที่เราเรียกว่า “Agent Based Banking Model” โดย MFast มีฟรีแลนซ์มากกว่า 180,000 คน ที่ช่วยขายผลิตภัณฑ์ทางการเงินให้กับทุกธนาคารและสถาบันการเงินในประเทศเวียดนาม สมัยก่อนอาจจะเคยได้ยินคำว่า “Direct Sales” ขายบัตรเครดิต ขายสินเชื่อบุคคล เช่นเดียวกับ MFast ที่เป็น Startup ที่ทำ Direct Sales แบบออนไลน์ ซึ่ง “MFast” ก็จะช่วยขายผลิตภัณฑ์ทางการเงินให้สถาบันการเงินของกรุงศรีที่อยู่ที่เวียดนามได้เช่นเดียวกัน

ธุรกิจ ที่ 2 คือ Startup จากฮ่องกง เป็น “Travel Tech Unicorn” ชื่อว่า “Klook” เป็น Startup ที่ทำเรื่องของ Travel Experience หรือ Travel Destination โดย Klook ก็จะทำงานร่วมกับสถานที่ท่องเที่ยวในประเทศต่างๆรวมถึงไทยเองด้วย และก็จะช่วยนำลูกค้าจากต่างประเทศเข้ามาในประเทศนั้นๆให้เยอะที่สุด  ซึ่ง Klook นั้นก็กำลังเตรียมตัวเข้า IPO ในเร็วๆนี้ ใครเป็นแฟนคลับ Klook อยู่ก็จะได้ใช้กันได้อย่างเต็มที่

ธุรกิจที่ 3 คือ “SLEEK” เป็นความภาคภูมิใจของเราเช่นกัน เพราะว่าเป็นตัวแรกที่ได้ลง Startup ในสายที่เกี่ยวกับ Mobility หรือรถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้า EV นอกจากเรื่อง Mobility แล้วก็ยังสามารถเข้าเรื่องของ ESG Sustainability ด้วย เพราะว่าการใช้รถไฟฟ้าไม่มีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ออกมา ซึ่ง “Krungsri Finnovate” ก็รณรงค์ในเรื่องของการประหยัดพลังงานเพื่อช่วยโลกด้วยเช่นกัน โดย “SLEEK” เป็น Startup สัญชาติไทย ที่มี Co-Founder เป็นคนไทยและคนสิงคโปร์ แต่โรงงานผลิตมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าทั้งหมดอยู่ในประเทศไทย ซึ่งวันนี้รถมอเตอร์ไซค์ไฟฟ้าของ “SLEEK” ขายได้หลายพันคัน และมีอีกหลายดีลที่กำลังต่อยอดขายอยู่ 

และธุรกิจสุดท้าย คือ Startup สัญชาติอินโดนีเซีย ชื่อ  “AwanTunai” ที่ทำในเรื่องของเทคโนโลยีทางการเงินในรูปแบบ “Supply Chain Financing” เป็นการปล่อยกู้ให้กับระบบ Supply Chain ที่อยู่ในอุตสาหกรรมเดียวกัน. “AwanTunai” ทำระบบ Mini ERP ที่เอาไว้สั่งซื้อสินค้า ระบบเก็บสต็อกสินค้า และระบบชำระเงิน ให้ร้านค้าสามารถใช้ได้ฟรี และเมื่อผ่านไป 6 เดือน “AwanTunai” จะเก็บคะแนนของร้านค้า เช่น ร้านค้านี้จ่ายตรงเวลาหรือไม่ สั่งของเยอะหรือไม่ จะมี Credit score ขึ้นมา หลังจากนั้นก็จะทำการปล่อยกู้ โดยหาเงินกู้มาจากธนาคาร แล้วนำไปปล่อยกู้ให้กับผู้ชำระเงิน โดยจะไม่ได้ให้เงินกู้โดยตรง วันนี้ AwanTunai กำลังเติบโตอย่างมากในอินโดนีเซีย ซึ่งเราร่วมลงทุนกับ Venture Capital ของ “MUFG” ที่ชื่อว่า “MUIP””

ทั้ง 4 ธุรกิจ ที่เราลงทุนเมื่อปลายปี 2566 และต้นปี 2567 ที่ผ่านมา อัตราการเติบโตดีมาก ปกติ Startup จะเติบโตมากกว่า 50% ในแต่ละปีอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นเรามั่นใจว่าทั้ง 4 ธุรกิจ สามารถเติบโตได้ดีมาก

สำหรับการลงทุนที่ผ่านมา โดย “Finnoventure Private Equity Trust I” ลงทุนไปแล้วกว่า 15 กิจการ และ ณ สิ้นปี 2566 มีการเติบโตกว่า 10% ซึ่งเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่ากองทุนนี้จะเติบโตขึ้นไปเรื่อย ๆ โดยมีความคาดหวังอยู่ที่ 15% ในตลอดระยะเวลาของกองทุน โดยคิดว่าเป็นไปได้แน่นอน และเราจะมีข่าวดีเร็ว ๆ นี้ว่า Startup 15 ตัว ที่เราลงทุนไป กำลังทยอยเตรียมตัวจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ในช่วงปี 2568 เพราะฉะนั้นหวังเป็นอย่างยิ่งว่า จะเป็นการจุดสตารท์ทำให้วงการ Startup ของไทย กลับมาคึกคักอีกครั้ง และทำให้เกิด Startup หน้าใหม่ในประเทศไทยต่อไป

ส่วนแผนการลงทุนในปีนี้ “Krungsri Finnovate” เล็งที่จะลงทุนใน Startup 6 กิจการ โดยมีมูลค่าการลงทุนที่เตรียมไว้ 600-1,000 ล้านบาท แน่นอนว่าจะไม่ได้ลงเฉพาะ Startup ในประเทศไทยอย่างเดียว แต่จะขยายไปในประเทศที่มี “ธนาคารกรุงศรีอยุธยา” อยู่ รวมถึงประเทศใหม่ๆที่น่าสนใจอย่าง “ฟิลิปปินส์” ที่เป็นแหล่ง Startup  ที่มีศักยภาพ โดยเฉพาะด้าน FinTech เชื่อว่าจะได้เห็นเร็ว ๆ นี้และจะเป็นอีกก้าวของวงการ Startup ที่ “คึกคัก” จนต้อง “จับตามอง”