posttoday

"จุลพันธ์" แจงเพิ่มทุน ธ.ก.ส.หมื่นล้าน ไม่เกี่ยวดิจิทัล วอลเล็ต

01 พฤษภาคม 2567

“จุลพันธ์” ชี้แจงเตรียมเพิ่มทุนธ.ก.ส. 1 หมื่นล้านบาท เพื่อเติมสภาพคล่องธนาคาร เสริมความแข็งแกร่งให้เกษตรกรไทย ยืนยันไม่เกี่ยวกับโครงการแจกเงิน ดิจิทัล วอลเล็ต

นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.การคลัง ในฐานะประธานคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงการคลังอยู่ระหว่างการหารือเกี่ยวกับแนวทางการเพิ่มทุนให้ ธ.ก.ส. โดยเบื้องต้นทราบว่า ตัวเลขทุนของธนาคารยังขาดอยู่ประมาณ 1 หมื่นล้านบาท จากปัจจุบันทุนจดทะเบียนอยู่ที่ราว 8 หมื่นล้านบาท เพื่อเป็นการเสริมสภาพคล่อง และสร้างความแข็งแกร่งให้กับเกษตรกรไทย


"ยืนยันว่าการเพิ่มทุนให้กับธ.ก.ส.ไม่เกี่ยวข้องกับการที่รัฐบาลยืมเงินของ ธ.ก.ส. มาใช้ในโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัล วอลเล็ต วงเงิน 1.72 แสนล้านบาท แต่เป็นการเพิ่มทุนเพื่อเสริมสภาพคล่อง เพราะ ธ.ก.ส. ถือเป็นกลไกล เป็นมื้อไม้ที่สำคัญในการสร้างความแข็งแกร่งให้กับเกษตรกร ซึ่งการเพิ่มทุนให้ธ.ก.ส. 1 บาท จะสามารถนำไปปล่อยสินเชื่อได้ 11 บาท ซึ่งช่วยสร้างสภาพคล่องให้กับเกษตรกรได้จำนวนมาก" นายจุลพันธ์ กล่าว

 

ทั้งนี้ ในอดีตที่ผ่านมา ธ.ก.ส. เมื่อมีกำไร และต้องส่งคืนคลัง เฉลี่ยปีละ 5,000-6,000 ล้านบาท ซึ่งทางกระทรวงการคลังแจ้งว่าให้นำกำไรนี้ไปเติมทุนให้ธนาคาร โดยไม่ต้องส่งเงินเข้าคลัง ซึ่ง ธ.ก.ส. ก็ได้มีการเติมทุนด้วยวิธีการนี้มาเรื่อย ๆ จนกระทั่งช่วง 7-8 ปีที่ผ่านมา แต่ถึงตอนนี้มองว่า มันถึงเวลาที่เราจะต้องเติมวงเงินให้ครบแล้ว เพื่อสร้างความแข็งแกร่งให้กับ ธ.ก.ส. เพื่อช่วยเหลือเกษตรกร 
 

สำหรับประเด็นเรื่องการดึงเงินของ ธ.ก.ส. จำนวน 1.72 แสนล้านบาท เพื่อรองรับโครงการดิจิทัล วอลเล็ตนั้น ยืนยันว่าจะต้องมีการนำเข้าไปหารือในที่ประชุมคณะกรรมการ ธ.ก.ส. อย่างเป็นทางการ แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา เพราะยังมีเวลาอีกราว 5-6 เดือนในการเสนอคณะกรรมการ(บอร์ด) ธ.ก.ส.ซึ่งเบื้องต้นได้มีการหารือกับคณะกรรมการ ธ.ก.ส. นอกรอบไปบ้างแล้ว และบอร์ดก็พร้อมที่จะสนับสนุน

 

ส่วน แผนการชำระคืนหนี้ ธ.ก.ส. นั้น จะเป็นไปตามกลไกวิธีของงบประมาณ เพราะเป็นการดำเนินการตามมาตรา 28 แห่งพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) วินัยการเงินการคลังของรัฐ พ.ศ. 2561 ดังนั้นกลไกของงบประมาณก็จะเข้ามามีผล โดยการตั้งงบประมาณมาชำระคืนเป็นรายปี ส่วนจะคืนเท่าไหร่ อย่างไร เป็นหน้าที่ของกระทรวงการคลัง สำนักงบประมาณ และ ธ.ก.ส. จะต้องหารือกัน