posttoday

2 เดือนแรกของปี 67 ยอดจัดตั้งบริษัทใหม่ทะลุ 4.5 หมื่นล้านบาท

05 มีนาคม 2567

พาณิชย์ เผย "ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป-อสังหาริมทรัพย์-ภัตตาคารและร้านอาหาร" มาแรง จดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่สูงสุด ขณะธุรกิจอี-คอมเมิร์ซไม่น้อยหน้าจัดตั้งบริษัท 479 ราย ผลจากมาตรการเข้มของสรรพากร คาดดันยอดทั้งปีโต 5-15% หรือเพิ่มขึ้นกว่า 9.8 หมื่นราย

นางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า เปิดศักราชใหม่ 2567 ธุรกิจไทยมีการเดินหน้าจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจกันอย่างต่อเนื่อง โดยกรมพัฒนาธุรกิจการค้าประเมินว่า ไตรมาสแรกของปี 2567 จะมียอดการจดทะเบียนจัดตั้งอยู่ที่ 23,000 - 27,000 ราย และคาดว่าปี 2567 จะเป็นปีที่นักธุรกิจทั้งชาวไทยและต่างชาติให้ความสนใจเดินทางเข้ามาลงทุนในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง เป็นผลมาจากปัจจัยสนับสนุนหลากหลายสาเหตุ เช่น การบริโภคของภาคเอกชนมีการขยายตัวเพิ่มขึ้น ภาคการส่งออกเริ่มฟื้นตัวดีขึ้น โครงการลงทุนก่อสร้างโครงสร้างพื้นฐานทางเศรษฐกิจภาครัฐขนาดใหญ่ (Mega Projects) กลับมาเดินหน้าอย่างต่อเนื่อง หลังจากที่ล่าช้าและหยุดชะงักในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 รวมถึง นโยบายส่งเสริมเศรษฐกิจตามโมเดลเศรษฐกิจใหม่ Bio-Circular-Green Economy หรือ BCG Model ที่ส่งผลให้ธุรกิจที่เกี่ยวข้องมีการเติบโตตามไปด้วย 

 

เดือนมกราคม - กุมภาพันธ์ 2567 มีการจัดตั้งธุรกิจใหม่ทั่วประเทศ จำนวน 17,270 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 45,794.41 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 จดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจเพิ่มขึ้น 267 ราย หรือเพิ่มขึ้น 1.57% ทุนจดทะเบียนรวมเพิ่มขึ้น 5,807.51 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 14.52% มกราคม-กุมภาพันธ์ 2566 จดทะเบียนจัดตั้ง 17,003 ราย ทุน 39,986.90 ล้านบาท โดยเดือนมกราคม - กุมภาพันธ์ 2567 ธุรกิจที่มีการจดทะเบียนจัดตั้งใหม่สูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 

 

1. ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป 1,378 ราย 7.98% ทุนจดทะเบียน 3,020.09 ล้านบาท 6.59% 

2. ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 1,311 ราย 7.58% ทุนจดทะเบียน 5,275.20 ล้านบาท 11.51%

3. ธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร 743 ราย 4.30% ทุนจดทะเบียน 1,374.09 ล้านบาท 3.00%

 

สำหรับ ธุรกิจที่เลิกประกอบกิจการ เดือนมกราคม - กุมภาพันธ์ 2567 จำนวน 1,898 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 6,361.29 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 จดทะเบียนเลิกประกอบธุรกิจลดลง 268 ราย หรือลดลง 12.37% ทุนจดทะเบียนรวมลดลง 846.37 ล้านบาท หรือ ลดลง 11.74% เมื่อเทียบกับ มกราคม-กุมภาพันธ์ 2566 จดทะเบียนเลิกประกอบกิจการ 2,166 ราย ทุน 7,207.66 ล้านบาท โดยเดือนมกราคม - กุมภาพันธ์ 2567 ธุรกิจที่มีการเลิกประกอบธุรกิจสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 

 

1. ธุรกิจก่อสร้างอาคารทั่วไป 192 ราย 10.12% ทุนจดทะเบียน 446.51 ล้านบาท 7.02% 
2. ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ 100 ราย 5.27% ทุนจดทะเบียน 409.83 ล้านบาท 6.44% 
3. ธุรกิจภัตตาคาร/ร้านอาหาร 71 ราย 3.74% ทุนจดทะเบียน 185.90 ล้านบาท 2.92%  
 

ปัจจุบัน ข้อมูล ณ วันที่ 29 กุมภาพันธ์ 2567 มีธุรกิจที่ดำเนินกิจการอยู่ทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 905,544 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 21.86 ล้านล้านบาท แบ่งเป็น  บริษัทจำกัด 703,449 ราย 77.68%   ห้างหุ้นส่วนจำกัด/ห้างหุ้นส่วนสามัญนิติบุคคล 200,644 ราย 22.16% และ บริษัทมหาชนจำกัด 1,451 ราย 0.16%

 
ขณะที่เดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ 2567 มีการอนุญาตให้คนต่างชาติเข้ามาลงทุนประกอบธุรกิจในประเทศไทย ภายใต้พระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจของคนต่างด้าว พ.ศ.2542 จำนวน 109 ราย เงินลงทุนรวมทั้งสิ้น 26,542 ล้านบาท จ้างงานคนไทย 564 คน โดยชาวต่างชาติที่เข้ามาลงทุน 5 อันดับแรก ได้แก่

 

1.ญี่ปุ่น 31 ราย 28% เงินลงทุน 15,930 ล้านบาท 60% 

2.สิงคโปร์ 18 ราย 17% เงินลงทุน 1,760 ล้านบาท 7% 

3.สหรัฐอเมริกา 15 ราย 14% เงินลงทุน 959 ล้านบาท 4% 

4. จีน 11 ราย 10% เงินลงทุน 892 ล้านบาท 3% 

5. ฮ่องกง 7 ราย 6% เงินลงทุน 621ล้านบาท 2%


 
สำหรับธุรกิจที่น่าสนใจและมีการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ คือ ธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ หรือ ธุรกิจขายปลีกทางอินเทอร์เน็ต โดยระหว่างเดือนมกราคม - กุมภานธ์ 2567 มีการจดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจใหม่ จำนวน 479 ราย ทุนจดทะเบียนรวม 555.06 ล้านบาท คิดเป็น 2.77% และ 1.21% เมื่อเปรียบเทียบกับจำนวนและมูลค่าการจดทะเบียนจัดตั้ง 2 เดือน มกราคม - กุมภาพันธ์) เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปี 2566 พบว่า จดทะเบียนธุรกิจเพิ่มขึ้น 116 ราย หรือเพิ่มขึ้น 31.96% ทุนจดทะเบียนเพิ่มขึ้น 137.43 ล้านบาท หรือ เพิ่มขึ้น 32.91% มกราคม-กุมภาพันธ์ 2566 จดทะเบียนจัดตั้งธุรกิจอี-คอมเมิร์ซ 363 ราย ทุนจดทะเบียน 417.63 ล้านบาท

 

"สาเหตุมาจากประกาศของกรมสรรพากรที่กำหนดให้อิเล็กทรอนิกส์แพลตฟอร์มมีบัญชีพิเศษที่ต้องจัดทำและนำส่งข้อมูลผู้ประกอบการให้แก่กรมสรรพากร และจากมาตรการดังกล่าวคาดว่าจะมีธุรกิจอี-คอมเมิร์ซเข้ามาจดทะเบียนจดตั้งธุรกิจใหม่เพิ่มขึ้น เป็นการส่งเสริมให้ธุรกิจของไทยเข้าสู่ระบบมากยิ่งขึ้น ทั้งนี้คาดว่า จากเศรษฐกิจที่กำลังฟื้นตัวทำให้ยอดจดทะเบียนปีนี้ เพิ่มขึ้น 5-15% หรือมากกว่า 9.8 หมื่นรายได้" นางอรมร กล่าว

2 เดือนแรกของปี 67 ยอดจัดตั้งบริษัทใหม่ทะลุ 4.5 หมื่นล้านบาท