5 เหตุการณ์น้ำท่วม ในปี 2025 สะท้อนภาวะ ‘ฝน-หนัก-ต่อเนื่อง’ เป็นเรื่องปกตินับจากนี้!
โพสต์ทูเดย์ ชวนคิด ‘วาทกรรมฝนตกหนักผิดปกติ’ จริงหรือไม่? หรือมันคือความ ‘ปกติ’ ของโลกต่อจากนี้ ที่มนุษย์ต้องรับมือ!
KEY
POINTS
- ฝนตกหนักและต่อเนื่อง จะกลายเป็น 'ความปกติใหม่' ของโลก ที่หลายประเทศยัง 'เปราะบาง' จนเกิดความเสียหายต่อมูลค่าทางเศรษฐกิจทั่วโลกกว่า 90 ล้านล้านบาทต่อปี
- 5 เหตุการณ์น้ำท่วมในปี 2025 ที่ส่งผลต่อมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจ ยกเหตุการณ์ที่อินโดนิเซีย อันดับหนึ่งทั้งในเรื่องผู้เสียชีวิตและยอดความเสียหาย
- ปรากฏการณ์ฝนตกหนักต่อเนื่องที่เคยถูกมองว่า 'ผิดปกติ' กำลังจะกลายเป็น 'เรื่องปกติ' ใหม่ ซึ่งทุกภาคส่วนจำเป็นต้องปรับมุมมองและเตรียมพร้อมรับมืออย่างจริงจัง
ปีแล้วปีเล่าน้ำท่วมและภัยจากน้ำ ยังคงเป็นภัยพิบัติที่สร้างความเสียหายมหาศาลต่อโลกเรา ตามรายงานของ UNDRR (United Nations Office for Disaster Risk Reduction)
น้ำท่วมและภัยจากน้ำคิดเป็น 35–40% ของภัยพิบัติที่เกี่ยวข้องกับสภาพอากาศทั้งหมดทั่วโลก
มูลค่าความเสียหายทั้งโดยตรงต่อโครงสร้างพื้นฐานและทรัพย์สินโดยตรงจากน้ำท่วมทั่วโลก และโดยอ้อม ซึ่งจะรวมทั้งผลกระทบต่อสุขภาพ ที่อยู่อาศัย การศึกษา การดำรงชีพ และโครงสร้างสังคม สูงถึง 13.97 ล้านล้านบาทต่อปี
และเมื่อเทียบความเสียหายทางเศรษฐกิจตลอด 10 ปีที่ผ่านมาจะพบว่า ภัยธรรมชาติทั้งหลายมีแนวโน้มทำความเสียหายทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น
- ในช่วงปีค.ศ. 1970–2000 ค่าใช้จ่ายโดยตรงจากภัยพิบัติเฉลี่ยอยู่ที่ 70–80 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี
- แต่เพิ่มขึ้นเป็น 180–200 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี ในช่วงปีค.ศ. 2001–2020 หรือมากกว่า 2 เท่า!
แสดงให้เห็นถึงภาระทางเศรษฐกิจที่เพิ่มสูงขึ้นจากภัยพิบัติทั่วโลก
ในขณะที่ผู้เชี่ยวชาญมีการระบุว่า ความรุนแรงและความถี่ของน้ำท่วมโลกมีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น โดยเฉพาะในภูมิภาคที่อยู่ใน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้, เอเชียใต้ และแอฟริกา ที่มีประชากรหนาแน่นและโครงสร้างพื้นฐานเปราะบาง
ความรุนแรงของ ‘น้ำท่วม’ มีเหตุผลหลักคือ การที่อุณหภูมิโลกสูงขึ้น จากรายงานของ IPCC หรือ คณะกรรมการระหว่างรัฐบาลว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ขององค์การสหประชาชาติ ระบุว่า
อุณหภูมิโลกสูงขึ้น 1–1.5 องศาเซลเซียส ทำให้อากาศสามารถกักเก็บน้ำได้มากขึ้น
IPCC ระบุว่าเหตุการณ์ฝนตกหนักจะ 'เพิ่มตามอุณหภูมิโลก' โดยจะเพิ่มขึ้น 7% ต่อ 1 องศาเซลเซียสที่โลกร้อนขึ้น
ผลกระทบสำคัญคือ ฝนตกหนักในช่วงสั้นๆ ซึ่งนำไปสู่ น้ำท่วมฉับพลัน ได้ง่ายขึ้น
ในขณะที่ระดับน้ำทะเลก็สูงขึ้นด้วย เพิ่มขึ้นเฉลี่ย 4.62 มิลลิเมตรต่อปีทำให้น้ำท่วมชายฝั่ง และระบายน้ำลงสู่ทะเลไม่ทัน
สิ่งเหล่านี้จะเป็น ‘เทรนด์’ หรือเรื่อง 'ปกติ' ของโลกนับจากนี้
ตัวอย่างที่เห็นชัดคือ ‘น้ำท่วมหาดใหญ่’ ที่เป็นฝนตกหนักติดกันตลอดหลายวัน และเป็นลักษณะ ‘ฝนตกแช่’ ประกอบกับระดับน้ำทะเลสูง ทำให้เกิดผลเสียต่อพื้นที่อย่างมหาศาล
5 กรณี ‘น้ำท่วม’ ปี 2025 ที่เกิด ‘ความเสียหายทางเศรษฐกิจ’ ระดับมหาศาล
1. เกาะสุมาตรา, อินโดนิเซีย ในช่วงเดือนตุลาคม - พฤศจิกายน 2025
ภัยพิบัติครั้งนี้เกิดจากพายุไซโคลนที่พัดเข้าภาคเหนือของเกาะสุมาตรา และทำให้เกิด ‘ฝนตกหนักต่อเนื่องหลายวัน’ จนทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่มหลายจุด
กว่าที่จะมีการเข้าไปเริ่มฟื้นฟูหมู่บ้านได้ เนื่องจากน้ำลดนั้นใช้เวลาเข้าสัปดาห์ที่ 5 หลังจากเกิดพายุไซโคลนและฝนตกหนักต่อเนื่องกันตลอดหลายสัปดาห์
จากข้อมูลล่าสุด (29 พ.ย.2568) พบว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 303 คน และสูญหายอีกหลักหลายร้อยคน ทำให้ต้องอพยพผู้คนนับหลายหมื่นคน
มีการประเมิน มูลค่าความเสียหายเบื้องต้นราว 3.6 แสนล้านบาท ถือเป็นความเสียหายระดับสูงมาก เนื่องจากเกิดน้ำท่วมฉับพลัน ดินถล่มหลายพื้นที่โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีประชากรและชุมชนแน่นหนา
และถือเป็น น้ำท่วมที่มีมูลค่าความเสียหายสูงสุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ปี 2025
2. เกาหลีใต้ ในช่วงเดือนกรกฎาคม - สิงหาคม 2025
ภัยพิบัติครั้งนี้เกิดจาก ‘ฝนตกหนักต่อเนื่องในช่วงฤดูฝน’ ทำให้แม่น้ำหลายสายล้นตลิ่งและเกิดน้ำท่วมฉับพลันและดินถล่ม โดยเฉพาะในเขตภูเขาและชานเมือง
มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 23 คน และมีผู้ได้รับผลกระทบอีกหลายหมื่นคน โดยเฉพาะพื้นที่เกษตรกรรมถูกน้ำท่วมไปกว่าหลายพันไร่
มีการประเมินมูลค่าความเสียหายเบื้องต้นที่ 2.8 แสนล้านบาท ซึ่งถือเป็นน้ำท่วมที่มีมูลค่าความเสียหายสูงสุดในเกาหลีใต้ปี 2025
3. โบลิเวีย ในช่วงเดือนมกราคม - มีนาคม 2025
ภัยพิบัติเกิดจากน้ำท่วมใน ‘ฤดูฝนที่ยืดเยื้อและฝนตกหนักต่อเนื่องหลายสัปดาห์’ ทำให้น้ำท่วมชุมชนหลายแห่ง
ผู้เสียชีวิตราว 55 คน กระทบกับประชาชน ‘ครึ่งล้าน’ ครัวเรือน และเกิดการอพยพจำนวนมาก มีการประเมินว่ามีมูลค่าความเสียหายทางเศรษฐกิจราว 1.4 แสนล้านบาท
4. เทือกเขาหิมาลายา ในช่วงเดือนมิถุนายน - กันยายน 2025
เกิดจากน้ำในทะเลสาบที่เกิดจากการละลายของธารน้ำแข็งเอ่อล้นจนทำให้ทำนบตะกอนที่กั้นน้ำพังทลายลงมาอย่างฉับพลัน ซึ่งเกิดจากแอ่งน้ำหลายๆ แห่งละลายและเชื่อมต่อกันเป็นทะเลสาบใหญ่และทะลักท่วมลงมา ผสมกับ ‘ฝนที่ตกหนัก’ จนทำให้เกิดน้ำหลากแบบฉับพลันตามภูมิภาคต่างๆ ในแถบเทือกเขาหิมาลัย
มีการประเมินว่ามีความสูญเสียประเมินเบื้องต้นในระดับ 7.2 หมื่นล้านบาท และการเข้าถึงพื้นที่ช่วยเหลือเป็นไปอย่างยากลำบากเนื่องจากภูมิประเทศลาดชัน
แม้ว่าจะมีผู้เสียชีวิตไม่มาก เนื่องจากพื้นที่ประชากรน้อย แต่ปรากฎการณ์ดังกล่าวสะท้อนให้เห็นถึงการเปลี่ยนแปลงทางสภาพภูมิอากาศของโลกเป็นอย่างดี
5. เมืองชายฝั่งหลายประเทศในแถบทวีป แอฟริกา ละตินอเมริกา และเอเชีย ตลอดปี 2025
ผลกระทบต่อเมืองชายฝั่งในหลายประเทศ แม้จะเป็นรายงานแยกไปแต่ละประเทศ จนทำให้รู้สึกว่าไม่ร้ายแรง แต่ถ้ามองในภาพรวมของโลก จะพบว่า เมืองชายฝั่งหลายประเทศทั่วโลกต้องเผชิญกับภัยพิบัติอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเกิดจาก ‘ฝนตกต่อเนื่อง น้ำทะเลหนุน และระดับน้ำสูงจากสภาพอากาศ’ เกิดน้ำท่วมฉับพลันโดยเฉพาะเมืองในชายฝั่งและริมแม่น้ำ
ส่งผลต่อชุมชนและประชาชนหลายหมื่นคนในพื้นที่ และมีการประเมินมูลค่าความเสียหายแล้วที่ 5.4 หมื่นล้านบาท และบางที่มีการเกิดซ้ำ!
…..
จากตัวอย่างจะพบว่า กรณีการเกิดน้ำท่วมส่วนใหญ่ เกิดจากฝนที่ตกหนักต่อเนื่อง และความเสียหายที่รุนแรงมักจะเกิดกับพื้นที่ชุมชน หรือในเขตเมืองที่มีมูลค่าทางเศรษฐกิจสูง
วาทกรรมที่มักพูดว่า ฝนตกหนักต่อเนื่องอย่าง 'ผิดปกติ’ หรือ 'ฝน300ปี' นัยยะหนึ่งคือการประเมินปริมาณฝน แต่ในระดับความเข้าใจของผู้ที่เกี่ยวข้องและประชาชน อาจทำให้เกิดการ 'หย่อนยาน' ในการรับมือครั้งต่อไป เพราะคิดว่าเป็นเหตุการณ์ 'เฉพาะ'
แต่ในความเป็นจริงฝนที่ตกปริมาณเท่านี้ นับจากนี้อาจเป็น เรื่องปกติ ก็เป็นไปได้
ในเมื่อสภาพอากาศของโลกร้อนขึ้น และจะร้อนมากขึ้นกว่านี้ จากการคาดการณ์ขององค์กรที่เกี่ยวข้อง! และแน่นอนว่าจะส่งผลต่อการเปลี่ยนแปลงของวิถีชีวิตผู้คนเป็นแน่
การเตรียมการทั้งจากส่วนกลาง ภาครัฐ ภาคชุมชน และตัวบุคคลในครอบครัวจึงสำคัญเป็นอย่างยิ่ง
หากยังคิดว่าเรื่องนี้ ‘ไม่ปกติ’ ก็จะตั้งรับไม่ทัน!
ที่จะต้องตระหนักคือ ‘ภัยพิบัติแบบนี้คือเรื่อง ปกติ’ เพื่อจะต้องตั้งรับให้ดีขึ้น
ตอกย้ำด้วยรายงาน IPCC ชี้ชัดว่า ฝนตกหนักแบบนี้มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นหลายภูมิภาค และเป็นแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศของโลกนับตั้งแต่นี้
อะไรที่ไม่เคยคิดว่าจะเกิดได้ ก็คงเกิดได้เป็นปกติแล้ว.
อ้างอิง
https://www.ipcc.ch/report/ar6/wg1/
https://www.weforum.org/stories/2023/06/extreme-weather-economic-costs-death-numbers/
https://www.undrr.org/gar/gar2025/hazard-exploration/floods


