สมศ.–สถ. ปักหมุดประเมินศูนย์เด็กเล็กแบบคลัสเตอร์ ยกระดับปฐมวัย
สมศ. ผนึกกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ประเมินศูนย์เด็กเล็กกว่า 11,000 แห่ง ด้วยระบบ Cluster-Based ลดซ้ำซ้อน เพิ่มมาตรฐาน สร้างคุณภาพปฐมวัยยั่งยืน
การพัฒนาเด็กปฐมวัยถือเป็นรากฐานสำคัญของการสร้างพลเมืองที่มีคุณภาพในสังคม ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก (ศพด.) จึงมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการส่งเสริมพัฒนาการในทุกด้านของเด็ก ทั้งในด้านร่างกาย อารมณ์ จิตใจ สังคม และสติปัญญา ตลอดจนช่วยแบ่งเบาภาระของผู้ปกครองในการสร้างรากฐานการศึกษา
ด้วยความตระหนักถึงความสำคัญนี้ สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (องค์การมหาชน) หรือ สมศ. จึงได้ผนึกกำลังกับกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น (สถ.) เพื่อยกระดับคุณภาพศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่สังกัดองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) โดยได้มีการประชุมเชิงนโยบายเพื่อหารือและแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเกี่ยวกับแนวทางการประกันคุณภาพภายนอกศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2569
การปรับรูปแบบสู่ Cluster-Based Assessment
สมศ. และกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ได้ร่วมกันสร้างรูปแบบการประกันคุณภาพภายนอกเชิงพื้นที่ ด้วยการใช้แนวคิดการลงพื้นที่ตรวจเยี่ยมแบบ Cluster-Based Assessment ซึ่งมีความแตกต่างจากการประเมินรูปแบบเดิม
ศาสตราจารย์ ดร.องอาจ นัยพัฒน์ ผู้อำนวยการ สมศ. กล่าวว่า เป้าหมายหลักคือการปรับรูปแบบการประเมินจากศูนย์พัฒนาเด็กเล็กรายแห่ง ไปสู่การประเมินในลักษณะ "กลุ่มพื้นที่ตำบล และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในรูปแบบ Cluster"
ตามแนวทางใหม่นี้ มีการจัดกลุ่มศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก กลุ่มละ 3–5 แห่ง เพื่อเข้ารับการตรวจเยี่ยมพร้อมกันภายใน 2–3 วัน โดยจะมีผู้ประเมินภายนอกอย่างน้อย 2 คน ผู้ประเมินจะวิเคราะห์รายงานการประเมินตนเอง (SAR) ของทุกศูนย์ และมีการประชุมออนไลน์ร่วมกับผู้บริหารท้องถิ่นและศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเพื่อสรุปแผนการตรวจเยี่ยม การลงพื้นที่ประเมินจะสรุปผลด้วยวาจาในรูปแบบคลัสเตอร์ เพื่อให้ได้บทสรุปเชิงระบบ
สำหรับปีงบประมาณ พ.ศ. 2569 สมศ. และกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นมีแผนดำเนินการประเมินคุณภาพภายนอกศูนย์พัฒนาเด็กเล็กครอบคลุมจำนวน 11,219 แห่ง ซึ่งจะจัดกลุ่มศูนย์พัฒนาเด็กเล็กเป็นกว่า 3,039 คลัสเตอร์
ประโยชน์และการยกระดับคุณภาพเชิงระบบ
การประเมินรูปแบบ Cluster-Based Assessment ถูกออกแบบมาเพื่อให้เกิดประโยชน์กับทุกฝ่าย และมุ่งเน้นการสร้างคุณภาพการศึกษาปฐมวัยในระดับท้องถิ่นอย่างยั่งยืน
ประโยชน์ที่สำคัญของแนวทางใหม่นี้ ได้แก่
1. เพิ่มประสิทธิภาพการจัดการทรัพยากร: ผลการประเมินและข้อเสนอแนะจะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดสรรทรัพยากรและงบประมาณ
2. ลดความซ้ำซ้อน: ช่วยลดความซ้ำซ้อนในการลงพื้นที่ของผู้ประเมินภายนอก และทำให้การประเมินมีความรวดเร็วขึ้น
3. การเปรียบเทียบผลเชิงระบบ: สามารถเปรียบเทียบผลการประเมินระหว่างศูนย์พัฒนาเด็กเล็กที่อยู่ในสังกัดเดียวกันได้ ซึ่งเป็นฐานข้อมูลที่ใช้เปรียบเทียบคุณภาพในพื้นที่เดียวกันได้อย่างเป็นรูปธรรม
4. การพัฒนาเชิงระบบและมาตรฐานที่เข้มแข็ง: บทสรุปเชิงระบบและข้อค้นพบที่สามารถต่อยอดเป็นแนวปฏิบัติที่ดี (Best Practices) จะนำไปสู่การยกระดับการพัฒนาเชิงระบบและสร้างมาตรฐานคุณภาพที่เข้มแข็งให้กับศูนย์พัฒนาเด็กเล็กในระดับท้องถิ่น
5. การมองเห็นภาพรวมระดับนโยบาย: แนวทางนี้จะช่วยให้กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นสามารถมองเห็นภาพรวมในลักษณะพื้นที่ตำบลและ อปท. ได้อย่างชัดเจน ทำให้สามารถกำหนดมิติระดับจังหวัดและแนวทางการพัฒนาเด็กปฐมวัยได้อย่างเป็นระบบมากขึ้น
รองอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น นายสุรพล เจริญภูมิ กล่าวว่า กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นเห็นถึงความจำเป็นในการมีแนวทางการประกันคุณภาพที่เหมาะสม และจะบูรณาการข้อมูลผลการประกันคุณภาพภายนอกจาก สมศ. เพื่อมากำหนดตัวชี้วัดที่ชัดเจน ซึ่งจะช่วยให้การขับเคลื่อนการพัฒนาเด็กปฐมวัยมีประสิทธิภาพ นอกจากนี้ การประเมินยังส่งเสริมการมีส่วนร่วมของพ่อแม่ ผู้ปกครอง และชุมชนในการพัฒนาเด็กปฐมวัยให้เติบโตเป็นพลเมืองที่มีคุณภาพ
ก้าวสำคัญสู่การพัฒนาอย่างต่อเนื่อง
การประชุมหารือความร่วมมือระหว่าง สมศ. และกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่นในครั้งนี้ ถือเป็นก้าวสำคัญในการสร้างความร่วมมือ โดยมีการให้ความสำคัญกับการหาจุดสมดุลระหว่างการลดภาระงานของการตรวจประเมิน กับการรักษาคุณภาพในการประเมินไว้ เพื่อให้ผลการประเมินสามารถสะท้อนภาพรวมได้อย่างถูกต้องและนำไปสู่การพัฒนาศูนย์พัฒนาเด็กเล็กได้อย่างแท้จริง
ความร่วมมือในการประเมินแบบ Cluster-Based นี้จึงเป็นการปักหมุดยกระดับคุณภาพศูนย์พัฒนาเด็กเล็กสังกัด อปท. เพื่อสร้างรากฐานที่เข้มแข็งในการพัฒนาเด็กปฐมวัยให้ได้มาตรฐานที่สูงขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมและต่อเนื่อง


