‘จีน-อาเซียน’ รุกเปิดศูนย์วิจัยยา-ดิจิทัลทางการแพทย์ร่วมกันที่ ‘กว่างซีจ้วง’
จีน-อาเซียน รุกคืบ เปิดศูนย์วิจัยยา-ดิจิทัลทางการแพทย์รวมกันที่ ‘กว่างซีจ้วง’ ภายใต้แผนนโยบาย ‘เส้นทางสายไหมสุขภาพ’
KEY
POINTS
- จีนและอาเซียนเปิดตัว "ศูนย์ความร่วมมือด้านการดูแลสุขภาพจีน-อาเซียน" แห่งแรก ณ เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง
- ศูนย์ดังกล่าวจัดตั้งขึ้นเพื่อขยายความร่วมมือด้านสาธารณสุข โดยเน้นการวิจัยทางการแพทย์ การฝึกอบรมบุคลากร และการแลกเปลี่ยนความร่วมมือ
- ความร่วมมือนี้เป็นส่วนหนึ่งของนโยบาย "เส้นทางสายไหมสุขภาพ" (Health Silk Road) โดยมีการหารือถึงการพัฒนายาและนวัตกรรมดิจิทัลทางการแพทย์
เมื่อวันที่ 15-16 กันยายน 2568 จีนและคณะผู้แทนจากอาเซียนได้เข้าร่วมการประชุม 5th China - ASEAN Forum on Health Cooperation : Towards a Health Silk Road ณ เมืองหนานหนิง เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง สาธารณรัฐประชาชนจีน ภายใต้หัวข้อ “Health for common development: In the age of Digital Intelligence” โดยมี H.E. Shen Hongbing รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุขสาธารณรัฐประชาชนจีน เป็นประธาน
สำนักข่าว China Daily ของประเทศจีนได้รายงานถึงวัตถุประสงค์ของการจัดงานว่า เพื่อเป็นการขยายความร่วมมือด้านสุขภาพระหว่างจีนและอาเซียน
สำหรับการประชุมแบ่งออกเป็น 7 ฟอรัมครอบคลุมประเด็นสำคัญต่างๆ ได้แก่
- การแลกเปลี่ยนและความร่วมมือด้านสุขภาพแม่และเด็ก
- การพัฒนาธุรกิจสุขภาพ
- ความร่วมมือด้านโรคติดต่อ
- ความปลอดภัยด้านอาหารและโภชนาการ
- การเตรียมรับมือเหตุฉุกเฉินด้านสุขภาพ
- การจัดการโรงพยาบาล
- ความร่วมมือทางทันตกรรมและแลกเปลี่ยนด้านการแพทย์ระหว่างประเทศ
สำหรับ Health Silk Road หรือ เส้นทางสายไหมสุขภาพ เป็นนโยบายความร่วมมือระหว่างประเทศของจีน ภายใต้โครงการ Belt and Road Initiative (BRI) ซึ่งเน้นการขยายความร่วมมือด้านการแพทย์และสาธารณสุขกับประเทศอื่น ส่งออกเทคโนโลยีและความเชี่ยวชาญทางการแพทย์ การสร้างเครือข่ายรับมือโรคระบาดระดับภูมิภาคและโลก รวมไปถึงการจัดตั้งศูนย์ความร่วมมือต่างๆ
ภายในงานครั้งนี้ จึงได้มีการเปิดตัว ศูนย์ China - ASEAN Healthcare Cooperation Center (Guangxi) โดยเป็นศูนย์ความร่วมมือด้านสาธารณสุขระหว่างจีนและอาเซียนแห่งแรกในเขตการปกครองตนเองกว่างซีจ้วง ซึ่งสามารถให้บริการด้านสุขภาพได้อย่างครอบคลุมตั้งแต่ระดับปฐมภูมิถึงตติยภูมิ และติดตามเยี่ยมชมการจัดการบริการด้านสุขภาพของศูนย์ดังกล่าว เช่น การรักษาพยาบาลผู้ป่วยหนัก, การฝึกอบรมบุคลากรระดับสูง, วิจัยทางการแพทย์ และการแลกเปลี่ยนความร่วมมืออื่น ๆ
ทั้งนี้ China - ASEAN Healthcare Cooperation Center (Guangxi) ถือเป็นศูนย์ความร่วมมือระหว่างจีนและอาเซียนแห่งแรกในจีน นอกจากนี้จีนยังได้สร้างศูนย์ความร่วมมือภายใต้แนวคิด Health Silk Road อีกหลายแห่ง อาทิ
ในประเทศจีน
- China–Africa Public Health Cooperation Center (เซี่ยงไฮ้)
ตั้งอยู่ในเมืองเซี่ยงไฮ้ มุ่งเน้นการสนับสนุนด้านสาธารณสุขแก่ประเทศในแอฟริกา เช่น การสร้างโครงสร้างพื้นฐานด้านสุขภาพ การฝึกอบรมบุคลากร และการถ่ายทอดเทคโนโลยี
ในต่างประเทศ
- China–Africa Centers for Disease Control and Prevention (CDC)
จีนให้การสนับสนุนด้านเทคนิคและการเงินแก่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคในประเทศแอฟริกา เช่น การสร้างศูนย์ CDC ในแอฟริกาเพื่อเสริมสร้างความสามารถในการควบคุมโรคระบาด
- China–Pakistan Health Cooperation (ภายใต้ China-Pakistan Economic Corridor - CPEC)
ความร่วมมือด้านสาธารณสุขระหว่างจีนและปากีสถาน เช่น การสร้างโรงพยาบาล 500 เตียงในเมือง Gwadar การส่งออกอุปกรณ์การแพทย์ และการฝึกอบรมบุคลากรทางการแพทย์
- China–Cambodia Friendship Preah Kossamak Hospital (พนมเปญ, กัมพูชา)
โรงพยาบาลที่จีนช่วยลงทุนและสนับสนุนด้านเทคนิค เช่น การจัดตั้งโรงพยาบาลมิตรภาพจีน-กัมพูชา เพื่อให้บริการด้านสุขภาพแก่ประชาชนในพื้นที่
ด้าน นพ.พงศธร พอกเพิ่มดี รองปลัดกระทรวงสาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าคณะผู้แทนกระทรวงสาธารณสุข ประเทศไทย เข้าร่วมการประชุม เปิดเผยว่า ได้มีการหารือเกี่ยวกับการดำเนินความร่วมมือด้านสาธารณสุขระหว่างไทยกับจีนในประเด็นที่มีความสนใจร่วมกัน โดยเฉพาะประเด็นการแพทย์ดั้งเดิม การแพทย์แผนจีน การแพทย์แผนไทย และพืชสมุนไพร
"สุดท้ายยังมีการประชุมย่อย (Sub-forum) ในหัวข้อ Health Industry Development โดยมีการแลกเปลี่ยนเรียนรู้และหารือเกี่ยวกับนวัตกรรมการวิจัย การพัฒนายาและการผลิตในพื้นที่ รวมถึงนวัตกรรมและการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลในอุปกรณ์ทางการแพทย์ ซึ่งเป็นประเด็นที่หลายประเทศให้ความสำคัญ และไทยยินดีที่จะร่วมมือกับประเทศสมาชิกอาเซียนและจีนในเรื่องนี้ เพื่อร่วมกันจัดการกับปัญหาด้านสาธารณสุขที่เผชิญร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพต่อไป" นพ.พงศธรกล่าว


