ส่องเทคโนโลยี ‘ยืดอายุขัย’ เบื้องหลังเหตุ ‘ไมค์รั่ว’ ระหว่างสีจิ้นผิงและปูติน!
ส่องเทคโนโลยี ‘ยืดอายุขัย’ เบื้องหลังเหตุ ‘ไมค์รั่ว’ ระหว่างสีจิ้นผิงและปูติน! ที่อาจไม่ใช่เรื่องของวิทยาศาสตร์แต่คืออำนาจระดับโลก!
เหตุการณ์ที่กลายเป็นที่สนอกสนใจของสำนักข่าวและคนทั่วโลกเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 กันยายน 2568 ที่ผ่านมา ระหว่างที่ประธานาธิบดีรัสเซีย วลาดิมีร์ ปูติน เดินเคียงบ่าเคียงไหล่กับประธานาธิบดีจีน สี จิ้นผิง และมีการพูดคุยกันซึ่งสมควรจะเป็น ‘ความลับ’ แต่ไมโครโฟนดันเปิดอยู่โดยไม่ตั้งใจ!
ท่ามกลางการถ่ายทอดสดโดยสถานีโทรทัศน์ซีซีทีวี (CCTV) ของทางการจีน ไปยังสื่ออื่น ๆ รวมถึงเอพี (AP) และรอยเตอร์ (Reuters) โดยเฉพาะแค่ CCTV มีฐานผู้ชมออนไลน์ 1.9 พันล้านครั้ง และมีผู้ชมทางโทรทัศน์กว่า 400 ล้านคน
ตามการรายงานของสำนักข่าวรอยเตอร์ ลำดับเหตุการณ์ช่วงสนทนาดังกล่าวว่า
ล่ามของปูติน : เทคโนโลยีชีวภาพกำลังพัฒนาอย่างต่อเนื่อง (ตามด้วยช่วงหนึ่งที่ฟังไม่ชัดเจนก่อนจะพูดต่อว่า) อวัยวะมนุษย์สามารถปลูกถ่ายได้อย่างต่อเนื่อง ยิ่งคุณมีชีวิตนานขึ้น คุณก็จะยิ่งดูอ่อนเยาว์ลง และสามารถถึงขั้นเป็นอมตะได้
สีจิ้นผิง (อยู่นอกกล้อง) ตอบเป็นภาษาจีนว่า : มีการคาดการณ์ว่าภายในศตวรรษนี้ มนุษย์อาจมีอายุยืนถึง 150 ปี
ภายหลังปูตินได้ให้สัมภาษณ์กับผู้สื่อข่าวที่ปักกิ่งเกี่ยวกับบทสนทนาดังกล่าว เขายอมรับว่า
“ผมคิดว่าตอนเราไปชมขบวนพาเหรด ประธานาธิบดีก็ได้พูดถึงเรื่องนี้”
ปูตินกล่าวต่อว่า
“วิธีการสมัยใหม่ในการดูแลสุขภาพ วิธีการทางการแพทย์ หรือแม้แต่การผ่าตัดที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนอวัยวะ ล้วนทำให้มนุษยชาติมีความหวังว่าการมีชีวิตที่กระฉับกระเฉงจะดำเนินต่อไปได้ ในรูปแบบที่แตกต่างจากทุกวันนี้”
ส่วนกระทรวงการต่างประเทศจีนและสถานีโทรทัศน์ซีซีทีวี ยังไม่ได้ตอบกลับประเด็นนี้แต่อย่างใด
แต่แค่เพียงถ้อยคำไม่กี่ประโยคของผู้นำโลกทั้งสอง กลายเป็นที่จับตาทั่วโลก เพราะแสดงถึงความสนใจของผู้นำทั้งสองในด้านเทคโนโลยีชีวิภาพซึ่งเกี่ยวข้องกับการ ‘ยืดอายุขัยของมนุษยชาติ’
ส่องเทคโนโลยีเบื้องหลัง ‘ประโยคไมค์รั่ว’ เป็นไปได้มากน้อยเพียงใด?
- “อวัยวะมนุษย์สามารถปลูกถ่ายได้อย่างต่อเนื่อง”
การยืดอายุไปถึง 150 ปีแม้จะดูเป็นเรื่องเพ้อฝัน แต่หากใครติดตามข่าวในวงการอย่างใกล้ชิดจะพบว่า รัสเซียและจีนต่างทุ่มงบประมาณและทรัพยากรในงานวิจัยที่เกี่ยวข้องกัน ‘เทคโนโลยีต่อต้านความชรา’ (ในที่นี่ไม่ใช่แค่เฉพาะเรื่องความสวยงามแต่คือทั้งระบบของร่างกาย) และการฟื้นฟูร่างกาย
จากคีย์คำพูดของปูติน ที่มีการระบุว่า ‘อวัยวะมนุษย์สามารถปลูกถ่ายได้อย่างต่อเนื่อง’ เข้ากับโครงการที่รัสเซียดำเนินการผ่านหน่วยงานที่ชื่อว่า Rosatom ที่ลงมือวิจัยเกี่ยวข้องกับ Bioprinting หรือ การพิมพ์อวัยวะ ที่ตั้งเป้าว่าจะสำเร็จภายในปี 2030
ยกตัวอย่างเช่น วันที่ 5 มีนาคม 2025 ที่ผ่านมา มหาวิทยาลัยวิจัยนิวเคลียร์แห่งชาติ MEPhI (National Research Nuclear University MEPhI) ของรัสเซีย ได้จัดพิธีเปิด ห้องปฏิบัติการเทคโนโลยีฟื้นฟูและวิศวกรรมเนื้อเยื่อ (Laboratory for Regenerative Technologies and Tissue Engineering) ห้องปฏิบัติการนี้จัดตั้งขึ้นด้วยการสนับสนุนของ Rosatom โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเพาะสร้างหลอดเลือดเทียมที่เข้ากับร่างกายได้โดยใช้เซลล์ของผู้ป่วยเอง
ทั้งนี้ การพิมพ์อวัยวะแม้จะเผชิญปัญหาด้านจริยธรรมและกฎหมาย แต่รัสเซียกลับเพิ่มการลงทุนอย่างหนัก หนังสือพิมพ์รัสเซียอย่าง Kommersant รายงานในปี 2023 ว่า รัฐบาลใช้เงินไปราว 7 แสนดอลลาร์สหรัฐฯ สำหรับเครื่องพิมพ์ชีวภาพและหมึกชีวภาพ ซึ่งเป็นการลงทุนที่เพิ่มขึ้นเกือบ 50 เท่าจากที่เคยลงทุนย้อนหลังไป 5 ปี
หากย้อนไปในปี 2018 ก็จะเห็นความพยายามของรัสเซียที่มีมาอย่างต่อเนื่อง เพราะสตาร์ทอัพ 3D printing ในสโคลคอฟโค (Skolkovo) ของรัสเซีย เคยพยายามสร้างเนื้อเยื่อมีชีวิตแต่ไปใช้พื้นที่ในอวกาศแทน เพื่อไม่ให้เครื่องพิมพ์ 3D ยุบตัวหรือเสียรูปจากแรงโน้มถ่วง รวมไปถึงในอวกาศเซลล์จะสามารถรวมตัวเองเป็นโครงสร้าง 3 มิติได้อย่างเป็นธรรมชาติและใกล้เคียงกับอวัยวะจริงมากกว่า รวมไปถึงสามารถพิมพ์เนื้อเยื่อที่ซับซ้อนได้
Bioprinting หรือ การพิมพ์อวัยวะ เป็นการใช้เทคโนโลยี 3 มิติในการสร้างเนื้อเยื่อหรืออวัยวะเทียม โดยใช้เซลล์และวัสดุทางชีวภาพแทนหมึกธรรมดา หลักการคือ เมื่อออกแบบอวัยวะด้วยซอฟต์แวร์ 3 มิติแล้ว เครื่องพิมพ์ชีวภาพจะวางเซลล์และวัสดุทางชีวภาพตามกำหนด และคาดว่าเซลล์จะรวมตัวและเจริญเติบโตกลายเป็นเนื้อเยื่อหรืออวัยวะที่สามารถทำงานได้
เมื่อสำรวจผลการวิจัยทั่วโลก ก็จะพบว่ามีความสำเร็จเกิดขึ้นอยู่บ้าง เช่น ในมหาวิทยาลัยเพนซิลวาเนีย ประสบความสำเร็จในการพิมพ์กระดูกและเนื้อเยื่ออ่อนบนกะโหลกศีรษะของหนูทดลอง หรือทีมวิจัยที่มหาวิทยาลัยบอสตัน ได้ใช้เทคโนโลยีการพิมพ์สามมิติในการพัฒนาหัวใจฉบับย่อของมนุษย์ ซึ่งสามารถใช้ในการศึกษาเกี่ยวกับการทำงานของหัวใจในร่างกายมนุษย์ได้
อย่างไรก็ตาม เทคโนโลยีดังกล่าวยังอยู่ในขั้นตอนการวิจัยแทบทั้งสิ้น และเผชิญกับความเสี่ยงและข้อกังวลด้านจริยธรรมและกฎหมายอยู่มาก เช่น ความปลอดภัยและการปฏิเสธอวัยวะของผู้ป่วย หรือการใช้เซลล์ต้นกำเนิดจากตัวอ่อนมนุษย์หรือเซลล์ต้นกำเนิดที่ได้จากการดัดแปลงพันธุกรรม (iPSCs) และกฎหมายที่ยังไม่ครอบคลุมชัดเจน เป็นต้น
นอกจากเทคโนโลยี Bioprinting แล้ว รัสเซียยังลงทุนกับโครงการที่เกี่ยวข้องกับ ‘การยืดอายุขัย’ อื่นๆ
ปีที่ผ่านมาปูตินเรียกร้องให้มีโครงการเทคโนโลยีใหม่เพื่อการรักษาสุขภาพเกิดขึ้น โดยเน้นไปที่ประสิทธิภาพการวิจัยและการพัฒนาทางการแพทย์ ด้วยวงเงินกว่า 2.6 พันล้านดาลลาร์สหรัฐไปจนถึงปี 2030
- “มนุษย์อาจมีอายุยืนถึง 150 ปี”
อีกประโยคหนึ่งที่เป็นคีย์สำคัญของการพูดคุยคือการที่บอกว่า มนุษย์อาจมีอายุยืนถึง 150 ปีของสีจิ้นผิง
หากย้อนกลับไปดูแนวคิดเรื่องอายุขัยสูงสุดของมนุษย์ จะพบว่าแต่เดิมนักชีววิทยาและนักสถิติชี้ว่าอายุขัยเฉลี่ยของมนุษย์ อยู่ที่ 70-80 ปี และอายุขัยสูงสุดของมนุษย์ปัจจุบันถูกบันทึกไว้ที่ 122 ปี
อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันนักวิจัยหลายคนอย่าง David Sinclair นักชีววิทยาจากมหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ผู้ศึกษาเกี่ยวกับการย้อนวัยของเซลล์และการปรับปรุงโครงสร้างดีเอ็นเอ เชื่อว่า 'คนที่สามารถมีชีวิตถึง 150 ปีอาจเกิดขึ้นแล้ว'
และการศึกษาวิจัยในปี 2021 หลายแหล่งระบุว่า อายุขัยของมนุษย์อาจอยู่ระหว่าง 120–150 ปี
ในช่วงที่ผ่านมารัฐบาลจีนมีโครงการที่เกี่ยวข้องกับการวิจัยชะลอวัยและยืดอายุขัยอย่างจริงจัง ตัวอย่างเช่น โครงการ Program on Organ Aging and Degeneration (2016) เป็นโครงการใหญ่ของรัฐบาลจีนที่มุ่งศึกษากลไกระดับเซลล์และโมเลกุลของความแก่และการเสื่อมสลายของอวัยวะ
นอกจากนี้จีนยังทำการทดลองในลิงซึ่งตีพิมพ์โดย Chinese Academy of Sciences เมื่อเดือนมิถุนายน 2025 เกี่ยวกับการย้อนกระบวนการชราในลิง ซึ่งพบว่าเกิดการฟื้นฟูขึ้นหลายระบบ ลดเซลล์ชรา และเกิดการฟื้นฟูระดับโมเลกุล ซึ่งเป็นการพิสูจน์ครั้งแรกในลิงได้สำเร็จ
อาจไม่ใช่เรื่องของวิทยาศาสตร์แต่คืออำนาจระดับโลก
การที่ผู้นำรัสเซียและจีนเลือกพูดเรื่อง ‘การยืดอายุขัย’ แม้จะเป็นคำกล่าวเล่นๆ แต่สะท้อนวิสัยทัศน์ ของสนามการแข่งขันในอนาคตกับโลกตะวันตก
ในอดีตอย่างเช่นในศตวรรษที่ 19 'ถ่านหิน' กลายเป็นทรัพยากรที่เปลี่ยนสมดุลอำนาจสู่การปฏิวัติอุตสาหกรรม ต่อมาในศตวรรษที่ 20 'น้ำมัน' ก็ทำให้สหรัฐและตะวันออกกลางกลายเป็นศูนย์กลางอำนาจที่กำหนดเศรษฐกิจของโลกได้
ในศตวรรษนี้ โลกได้เห็น 'เทคโนโลยีดิจิทัลและ AI' ที่ทำให้บริษัทเทคโนโลยีตะวันตกผงาดกลายเป็นมหาอำนาจของโลกใหม่เกิดขึ้น
ในอนาคตศตวรรษที่ 22 อะไรจะเป็นตัวกำหนดอำนาจนี้?
ไม่แน่ว่า ‘การยืดอายุขัย’ ที่จะสามารถทำให้มนุษย์ก้าวข้าม ‘ขีดจำกัด’ ตามธรรมชาติ อาจเป็น ‘เทคโนโลยีเปลี่ยนเกม’ ที่หากว่าใครครอบครองได้ก่อนก็จะสามารถครองโลกนี้ได้!
แม้ว่าหากดูตามไทม์ไลน์งานวิจัย และความก้าวหน้า ณ วันนี้ ยังคงบอกว่าอีกไกล แต่ก็ไม่ใช่เรื่องเพ้อเจ้อไปเสียทั้งหมด โดยเฉพาะเมื่อออกมาจากปากของ ‘สีจิ้นผิง’ และ ‘ปูติน’.
ที่มา
https://english.cas.cn/newsroom/research_news/life/202409/t20240913_689446.shtml
https://time.com/7314433/xi-putin-china-russia-immortality-longevity-aging-research-organ-transplants/?utm_source=chatgpt.com
https://www.reuters.com/business/media-telecom/hot-mic-picks-up-putin-xi-discussing-organ-transplants-immortality-2025-09-03/
https://news.harvard.edu/gazette/story/2023/01/has-first-person-to-live-to-be-150-been-born/?utm_source=chatgpt.com


