posttoday

เข้าใจโฉมใหม่! เบอร์ฉุกเฉิน ‘1669’ ที่จะช่วยชีวิตให้รอดก่อนเดดไลน์ 8 นาที

08 สิงหาคม 2568

Exclusive โพสต์ทูเดย์ โฉมใหม่! เบอร์ฉุกเฉิน ‘1669’ ที่จะช่วยชีวิตให้รอดก่อนเดดไลน์ 8 นาที ด้วยบริการแบบใหม่สับที่รวมเอา VDO Call และการระบุพิกัดเอาไว้ในที่เดียว

KEY

POINTS

  • เบอร์ฉุกเฉิน 1669 ปรับโฉมใหม่ โดยเมื่อโทรแจ้งเหตุจะมีการส่งลิงก์ SMS เพื่อแชร์พิกัดและเชื่อมต่อ VDO Call ให้เจ้าหน้าที่สามารถสอนการทำ CPR และประเมินสถานการณ์ได้แบบเรียลไทม์
  • ตั้งเป้าหมายให้หน่วยแพทย์ฉุกเฉินเข้าถึงผู้ป่วยภายใน 8 นาทีหลังรับแจ้งเหตุ ซึ่งเป็นนาทีสำคัญที่เพิ่มโอกาสรอดชีวิต เนื่องจากทุก 1 นาทีที่ผ่านไปโอกาสรอดจะลดลง 7-10%
  • ผู้แจ้งเหตุสามารถติดตามตำแหน่งรถพยาบาลได้แบบเรียลไทม์ผ่านลิงก์ที่ได้รับ เพื่อลดความผิดพลาดในการสื่อสารและเตรียมพร้อมรับการช่วยเหลือ
  • สพฉ. มีเป้าหมายให้ความรู้ประชาชน โดยตั้งเป้าฝึกอบรมการทำ CPR และใช้เครื่อง AED ให้ได้ 10 ล้านคนใน 4 ปี และสร้างระบบที่ครอบคลุมเข้าถึงโดยเร็ว เพื่อลดการสูญเสีย

จากกระแสไวรัลดังปรากฎคลิป การวิดิโอคอลเพื่อสอนการช่วยชีวิตหรือ CPR แบบเรียลไทม์.. ที่เรียลไทม์จริงๆ เพราะอีกข้างของปลายสายคือ ผู้ป่วยฉุกเฉินและญาติมิตร ที่ต้องใช้สติยื้อลมหายใจเฮือกสุดท้ายของสมาชิกเอาไว้ ในช่วงเดือนที่ผ่านมา

 

บริการดังกล่าวหลายคนต่างตามหาว่าต้องทำอย่างไร?  หลายคนไม่ตามหาเพราะเรื่อง ‘การแพทย์ฉุกเฉิน’ เป็นเรื่องที่หลายครั้งคนไทยจะสนใจก็ต่อเมื่อเจอกับภาวะฉุกเฉินกับตัวจริง ๆ และเป็นอีกหลายครั้งที่พบว่าเมื่อเจอก็สายเสียแล้ว ..

 

1669 รูปแบบใหม่

 

เพราะเมื่อดู ผลสำรวจทักษะความรู้และความพร้อมของคนไทยในการช่วยชีวิตผู้ป่วยภาวะหัวใจหยุดเต้นเฉียบพลัน (Sudden Cardiac Arrest หรือ SCA) โดยยูกอฟ (YouGov) บริษัทวิจัยการตลาด และการวิเคราะห์ข้อมูลระดับโลก ในปี 2022 พบว่า จากการสำรวจประชาชนไทยกลุ่มตัวอย่าง 2,000 คน พบว่าเพียง ร้อยละ 32 ของผู้ตอบ เคยเรียนรู้วิธีการช่วยชีวิต (CPR) เบื้องต้น และกว่าร้อยละ 39 ไม่เคยเรียนวิธีการช่วยชีวิตหรือ CPR ซึ่งเป็นการช่วยเหลือขั้นพื้นฐานเลยแม้แต่น้อย!

 

สิ่งนี้จึงกลายเป็นภาระอันใหญ่หลวงของการช่วยเหลือที่ปลายทาง เมื่อเกิดเหตุการณ์แล้วต้องมีการจัดระบบให้รวดเร็วและเข้าถึงได้ง่ายขึ้น  ... การปรากฎตัวของวิดิโอสอนช่วยชีวิตแบบเรียลไทม์จึงกลายเป็นที่สนอกสนใจของประชาชน โดยที่พวกเขาส่วนหนึ่งไม่รู้เลยว่านี่คือบริการจากเบอร์ 1669 ของสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) ที่เพิ่มเติมขึ้นมา

 

โพสต์ทูเดย์ จะพาไปเจาะลึกระบบนี้ เพราะอย่างที่ได้ยินมาว่า ‘ไม่มีใครรู้ล่วงหน้าว่าเมื่อไหร่จะได้ใช้บริการนี้’ ความรู้และข้อมูลจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นที่สุด ผ่านบทสัมภาษณ์ ดร.พิเชษฐ์ หนองช้าง เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.) เจ้าของระบบช่วยชีวิตสุดไวรัลตัวใหม่นี้!

 

 ดร.พิเชษฐ์ หนองช้าง เลขาธิการสถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ (สพฉ.)

 

จาก 1669 ที่ได้ยินแค่ปลายสาย สู่ความรวดเร็วและเข้าถึงที่มากกว่า

 

หากพูดถึงระบบใหม่อย่างเป็นทางการ จะถูกเรียกว่าระบบ NDEMS หรือ แพลทฟอร์มกลางด้านการแพทย์ฉุกเฉินของประเทศไทย

 

ดร.พิเชษฐ์ หนองช้าง เล่าว่าถ้าให้เจาะว่ามีอะไรที่เปลี่ยนแปลงไป ก็ต้องเริ่มตั้งแต่ระบบการแจ้งเหตุฉุกเฉิน เพราะเมื่อประชาชนโทร 1669 ศูนย์รับแจ้งจะส่งลิงก์เพื่อขอจุดพิกัดที่อยู่เพื่อระบุตำแหน่งผ่านข้อความ SMS และในขณะเดียวกันก็จะส่งลิงก์เพื่อขอสื่อสารผ่าน VDO Call แบบเรียลไทม์

 

จากนั้นเมื่อประชาชนกดลิงก์ที่ส่งผ่าน SMS ในโทรศัพท์ของคนที่โทรไปแจ้งเหตุ ก็จะสามารถ VDO Call และสอนการช่วยชีวิตแบบเรียลไทม์ก่อนได้นั่นเอง อีกทั้งเจ้าหน้าที่ยังสามารถประเมินสถานการณ์ได้แม่นยำและเตรียมพร้อมช่วยชีวิตได้ทันเวลา

 

ในขณะเดียวกันผู้แจ้งเหตุก็สามารถดูได้ว่า รถฉุกเฉินเดินทางมาถึงส่วนไหน ใกล้บ้านหรือยังได้แบบเรียลไทม์ด้วย

 

“ แต่เดิมสื่อสารกันผ่านเสียง ไม่เห็นภาพก็จะสื่อสารกันยากลำบาก” เลขาธิการ สพฉ. ย้ำ

 

นอกจากนี้พิกัดที่มีการส่งโลเคชั่นของผู้แจ้งเหตุอย่างละเอียด ยังทำให้การเดินทางไปสามารถคำนวนระยะเวลา หน่วยที่ใกล้ที่สุด รวมไปถึงไม่เสียเวลาจากการสื่อสารที่ผิดพลาด เพื่อเพิ่มโอกาสรอดชีวิต

 

หากสรุปเป็นขั้นตอนการขอความช่วยเหลือ เมื่อต้องการบริการการแพทย์ฉุกเฉิน อย่างง่ายๆ จะเริ่มจาก

 

  1. โทร 1669 
  2. แชร์โลเคชั่นของผู้แจ้งเหตุ เพียงกดลิงก์จากข้อความ SMS ที่ได้รับ
  3. ศูนย์จะสามารถระบุตำแหน่งผู้แจ้งเหตุหรือผู้ป่วยได้แม่นยำแม้ในพื้นที่ห่างไกล
  4. เชื่อมต่อ VDO Call เพียงกดลิงก์จาก SMS
  5. สื่อสารระหว่างเจ้าหน้าที่และผู้แจ้งเหตุ / ประสานการปฐมพยาบาลกับหน่วยปฏิบัติการ ณ จุดเกิดเหตุ

 

เข้าใจโฉมใหม่! เบอร์ฉุกเฉิน ‘1669’ ที่จะช่วยชีวิตให้รอดก่อนเดดไลน์ 8 นาที

 

 

 

นอกจากนี้ 1669 รุ่นใหม่ ยังเพิ่มประสิทธิภาพอื่นๆ เช่น มีศูนย์แปลภาษาและระบบโอนสาย มีรายงานข้อมูล Dashboard เพื่อจัดการงานได้แบบเรียลไทม์ และมีระบบป้องกันสายก่อกวน อีกทั้งยังมีการป้องกันการสนทนาเพื่อความปลอดภัยภายใต้ระบบ NDEMS อีกด้วย

 

8 นาที ระยะเวลาความเป็นความตาย

 

เมื่อโพสต์ทูเดย์ถามว่าระยะเวลาเป้าหมายของการเข้าช่วยชีวิตอยู่ที่กี่นาที?

 

เลขาธิการสพฉ. เฉลยว่าอยู่ที่ 8 นาที หลังจากได้รับแจ้งเหตุ

ซึ่งเป็นในกรณีเหตุฉุกเฉินที่คุกคามชีวิต

 

นอกจากนี้ ข้อมูลจากเอกสารแผนพัฒนาระบบการแพทย์ฉุกเฉิน ระบุว่ามาตรฐาน '8 นาที' เป็นตัวชี้วัดสำคัญของการช่วยชีวิตในภาวะฉุกเฉินรุนแรง เพราะโอกาสรอดชีวิตจะลดลงราว 7–10% ต่อทุก 1 นาที ที่ไม่ได้รับ CPR หรือการช็อกไฟฟ้าหัวใจ

 

ความหมายคือ หากผู้ป่วยได้รับการ CPR หรือ ช็อกไฟฟ้าหัวใจ (ใช้เครื่อง AED) จะมีโอกาสรอดในขณะที่รอบริการการแพทย์ฉุกเฉินมากกว่า ... อย่างไรก็ตามที่ผ่านมาประชาชนมีความรู้เรื่องนี้น้อยมาก

 

จนทำให้เกิดการสูญเสียชีวิตและพิการ

แม้ว่าการช่วยชีวิตเหล่านี้จะทำให้เพิ่มโอกาสรอดชีวิตได้สูงถึง 50-70%

 

“ นอกจากจะพัฒนาระบบการแพทย์ฉุกเฉินของสถาบันเอง สิ่งหนึ่งที่ต้องทำควบคู่กันคือการให้ความรู้แก่ประชาชน โดยตั้งเป้าให้ประชาชนสามารถทำ CPR และใช้เครื่อง AED เป็นให้ได้ 10 ล้านคนภายใน 4 ปี ซึ่งจะสามารถดำเนินการได้ผ่านการขยายศูนย์การเรียนรู้ชุมชนด้านการแพทย์ฉุกเฉินที่ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยตั้งเป้าว่าจะต้องมีครบ 77 จังหวัด จังหวัดละ 2 ศูนย์ ”  ดร.พิเชษฐ์ กล่าวถึงเป้าหมายของ สพฉ.

 

นอกจากนี้ ยังมีการผลักดันให้เกิด อาสาสมัครฉุกเฉิน (อฉช.) ซึ่งจะเป็นประชาชนที่อาสาสมัครเข้ามาฝึก และกลับไปพร้อมความรู้ใน 4 เรื่อง ได้แก่

  • การ CPR และใช้เครื่อง AED
  • รู้อาการฉุกเฉินวิกฤตที่อยู่ในเกณฑ์ UCEP 6 กลุ่มอาการ ได้แก่
  1. หมดสติไม่รู้สึกตัว
  2. หายใจเร็วหอบเหนื่อยรุนแรง หายใจลำบาก
  3. เจ็บหน้าอกเฉียบพลันรุนแรง
  4. ชักเกร็งต่อเนื่องไม่หยุด
  5. อัมพาตครึ่งซีก พูดไม่ได้ ปากเบี้ยว แขนขาอ่อนแรง
  6. อาการที่มีแนวโน้มเป็นอันตรายถึงชีวิต ต้องได้รับการวินิจฉัยโดยแพทย์ฉุกเฉิน
  • แจ้งเหตุฉุกเฉินเป็น
  • การเอาตัวรอดจากภัยพิบัติ

 

“ การเพิ่มคนที่มีศักยภาพเหล่านี้ในชุมชน จะสามารถสร้างบุคลากรที่มีองค์ความรู้ และสร้างความมั่นคงด้านสาธารณสุขและความสูญเสียจากภาวะฉุกเฉินในทุกระดับ” 

 

ลักษณะของ SMS ที่จะได้รับ

 

 

ทำไมต้องเป็นเช่นนั้น?

 

เมื่อถามถึงปริมาณการขอความช่วยเหลือ เลขาธิการ สพฉ. กล่าวว่ายอดการขอความช่วยเหลือผ่านการแจ้งสายด่วน 1669 ก็คือปีละ 10 ล้านครั้ง!

 

ในขณะที่ สพฉ.มีหน่วยปฏิบัติการอำนวยการจำนวน 90 แห่ง หน่วยปฏิบัติการแพทย์ 5,797 หน่วยครอบคลุมทั้งพื้นที่บก น้ำ ทะเล และอากาศ

 

ตัวเลขที่น่าสนใจอีกสถิติหนึ่งคือ ในพื้นที่ห่างไกล สถิติในปี 2568 พบว่ามีการออกปฏิบัติการไปแล้วครึ่งปีกว่า 1.7 ล้านครั้ง รวมทั้งปฏิบัติการทางน้ำ 2,350 ครั้ง และทางอากาศผ่าน Sky Doctor 85 ครั้ง ซึ่งปฏิบัติการทางอากาศส่วนใหญ่จะเป็นพื้นที่เข้าถึงยาก เช่นภูเขา พื้นที่ห่างไกลระบบคมนาคมไม่สะดวก

 

อย่างไรก็ตาม เลขาธิการ สพฉ. กล่าวว่า

 

จากสถิติในปี 2567-2568 พบว่าภายใน 8 นาที

จากผู้ป่วย 100 คนสามารถเข้าถึงผู้ป่วยฉุกเฉินได้เพียง 57 เคส

 

เนื่องจากข้อจำกัดอันใหญ่หลวงในเรื่องของความครอบคลุมของหน่วยปฏิบัติการแพทย์ในระดับท้องถิ่น และความเพียงพอของทรัพยากร

.

.

สุดท้ายเป็นคำตอบที่โดนใจจาก เลขาธิการ สพฉ. เมื่อถามว่าการพัฒนาการแพทย์ฉุกเฉินของไทยจะสามารถครอบคลุมหรือไปได้ไกลกว่านี้ได้อย่างไร คำตอบอยู่ที่ ‘งบประมาณ’

พร้อมย้ำอีกครั้งทั้งกับประชาชนและผู้ที่เกี่ยวข้องว่า

‘คนเราจะไม่รู้ว่าการแพทย์ฉุกเฉินจำเป็น ตราบใดที่ยังไม่เจอกับตัวเอง’

และ

‘เกือบทุกคนต้องได้ใช้บริการสักครั้งในชีวิต นั่นคือความจริง.’

ข่าวล่าสุด

'อนุทิน' ลั่น ไม่เจรจา จะหยุดสู้รบเมื่อกัมพูชาทำตามเงื่อนไขไทย