posttoday

ตำนาน 'อพอลโล11' ความฝันของมนุษยชาติ และทฤษฎีสมคบคิด!

20 กรกฎาคม 2568

20 กรกฎาคม คือวันที่ เรื่องราวของ 'อพอลโล11' กระพือไปทั่วโลก เพราะคือการส่งมนุษย์ไปดวงจันทร์เป็นครั้งแรก ก่อนจะมีทฤษฎีสมคบคิดตามมา!

KEY

POINTS

  • ภารกิจยานอพอลโล 11 ในวันที่ 20 กรกฎาคม 2512 คือความสำเร็จครั้งประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติในการส่งมนุษย์ไปเหยียบดวงจันทร์ครั้งแรก ซึ่งเป็นผลจากการแข่งขันทางอวกาศระหว่างสหรัฐฯ และสหภาพโซเวียต
  • ความสำเร็จนี้ได้จุดประกายทฤษฎีสมคบคิดว่าเป็นการจัดฉาก โดยตั้งข้อสังเกตจากภาพถ่าย เช่น ธงที่ดูเหมือนโบกสะบัด การไม่เห็นดวงดาวบนท้องฟ้า และเงาที่ดูผิดปกติ ซึ่งนักวิทยาศาสตร์และนาซาได้หักล้างทฤษฎีดังกล่าวในภายหลัง
  • ภารกิจนี้นำมาซึ่งประโยชน์ทางวิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี และเศรษฐกิจมหาศาล โดยเฉพาะการพัฒนาคอมพิวเตอร์และระบบสื่อสาร ซึ่งเป็นรากฐานของเทคโนโลยียุคใหม่

20 กรกฎาคม คือวันที่จารึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์โลก ถึงเรื่องราวของ 'อพอลโล11'  ที่สามารถทำภารกิจส่งมนุษย์ไปดวงจันทร์เป็นครั้งแรกได้สำเร็จ เป็นก้าวกระโดดครั้งสำคัญของมนุษยชาติที่ทำให้ความฝันในการเดินทางออกนอกโลกกลายเป็นจริง หลังจากการแข่งขันด้านอวกาศระหว่างสหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียตดำเนินมานานหลายปี

 

หากย้อนไปในช่วงทศวรรษ 1960 โลกแบ่งออกเป็นสองขั้วมหาอำนาจ ได้แก่ สหรัฐอเมริกาและสหภาพโซเวียต ซึ่งต่างพยายามแสดงให้เห็นถึงความเป็นผู้นำทั้งด้านการทหาร เศรษฐกิจ และเทคโนโลยีอวกาศ

 

โซเวียตนำไปก่อนหนึ่งแต้ม ด้วยการส่ง ‘สปุตนิก' ดาวเทียมดวงแรกของโลกขึ้นสู่วงโคจรในปี 1957  และมี ‘ยูริ กาการิน’  นักบินอวกาศคนแรกขึ้นสู่อวกาศในปี 1961 ความสำเร็จของโซเวียตสร้างแรงกดดันให้สหรัฐต้องหาความท้าทายใหม่เพื่อพลิกสถานการณ์ และนั่นคือเหตุผลที่ทำให้ประธานาธิบดีจอห์น เอฟ. เคนเนดี ประกาศเป้าหมายว่า สหรัฐจะต้องส่งมนุษย์ไปดวงจันทร์และกลับมาอย่างปลอดภัยให้ได้ภายในสิ้นทศวรรษ!

 

ในที่สุดนาซาก็ทำได้สำเร็จ  โดยการส่งมนุษย์ไปยังดวงจันทร์ในวันที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2512

 

ภาพ NASA

 

ยานอวกาศอพอลโล 11 ถูกปล่อยขึ้นจากศูนย์อวกาศเคนเนดี รัฐฟลอริดา พร้อมนักบินอวกาศสามคน ได้แก่ นีล อาร์มสตรอง, บัซ อัลดริน และไมเคิล คอลลินส์ หลังจากใช้เวลาสี่วันเดินทาง ยานลันเดอร์ชื่อ 'อีเกิล' ได้แยกตัวออกจากยานหลักและลงจอดบนพื้นผิวดวงจันทร์ เมื่อวันที่ 20 กรกฎาคม พ.ศ. 2512 หรือ 56  ปีล่วงมาแล้ว

 

นักบินอวกาศทั้ง 3 คน

 

หลายคนยังจำได้ดี และอาจต้องเคยเรียนในตำราวิทยาศาสตร์ ถึงประโยคเด็ดที่ทำให้ นีล อาร์มสตรอง กลายเป็นที่จดจำที่สุดนั่นก็คือประโยคที่ว่า

 

“นี่เป็นก้าวเล็ก ๆ ของมนุษย์คนหนึ่ง แต่เป็นก้าวยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ”

 

ซึ่งได้ถูกถ่ายทอดสดไปทั่วโลกกว่า 600 ล้านคนและกลายเป็นประโยคประวัติศาสตร์ที่ยังคงถูกกล่าวถึงจนถึงทุกวันนี้

 

อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์นี้ไม่ได้ถูกมองด้วยสายตาชื่นชมเพียงด้านเดียว มีการวิเคราะห์ว่าการลงทุนมหาศาลกว่า 25,000 ล้านดอลลาร์ในโครงการอพอลโล มีจุดประสงค์เพื่อแสดงให้เห็นว่าสหรัฐมีศักยภาพเหนือโซเวียตมากกว่าเป็นการสำรวจเพื่อวิทยาศาสตร์เพียงอย่างเดียว

 

ภาพ NASA

 

ภารกิจของอพอลโล 11

 

ภารกิจอพอลโล 11 เป็นการเก็บรวบรวมข้อมูลทางวิทยาศาสตร์ที่สำคัญ นักบินอวกาศได้นำหินและดินจากดวงจันทร์กลับมามากกว่า 20 กิโลกรัม เพื่อศึกษาองค์ประกอบทางธรณีวิทยาและทำความเข้าใจกำเนิดของดวงจันทร์

นอกจากนี้ยังมีการติดตั้งอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์ เช่น ตัวสะท้อนเลเซอร์ ซึ่งช่วยให้สามารถวัดระยะห่างระหว่างโลกกับดวงจันทร์ได้อย่างแม่นยำยิ่งขึ้น  ซึ่งต้องบอกว่าภารกิจในช่วงเวลานั้น อยู่ในยุคที่เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์เพิ่งเริ่มต้น!

 

นี่จึงเป็นคำถามสำคัญ และสร้างความสงสัยให้แก่คนในยุคหลัง

เสียงวิพากษ์วิจารณ์ที่ชัดที่สุดคือ ‘เหตุการณ์นี้เป็นเรื่องจริงหรือปลอม’

 

กลุ่มคนที่ไม่เชื่ออ้างว่า การลงจอดบนดวงจันทร์อาจเป็นเพียงฉากที่ถ่ายทำในสตูดิโอ ซึ่งข้อสงสัยเหล่านี้กลายเป็นทฤษฎีสมคบคิดที่แพร่หลายโดยเฉพาะในทศวรรษ 1970 และ 1980 จุดเริ่มต้นหนึ่งมาจากหนังสือและสารคดีที่ตั้งคำถามว่า สหรัฐอาจสร้างเรื่องนี้เพื่อเอาชนะสงครามเย็นและหลอกสหภาพโซเวียตก็เป็นได้ โดยให้ดูภาพถ่ายจากดวงจันทร์ที่ไม่เห็นดวงดาวบนท้องฟ้า หรือการที่ธงชาติสหรัฐดูเหมือนกำลังโบกในขณะที่ในอวกาศไม่มีลม หรือเงาของวัตถุที่ดูไม่ขนานกันราวกับมีแหล่งแสงหลายทิศทาง

 

ภาพ NASA

 

ต่อมานักวิทยาศาสตร์และนาซาได้อธิบายประเด็นเหล่านี้อย่างละเอียด เช่นว่า  เรื่องธงที่ดูเหมือนโบกเกิดจากการออกแบบที่มีแท่งเหล็กแนวนอนค้ำอยู่ด้านบน เมื่อถูกปักและขยับโดยนักบินอวกาศ มันจึงดูเหมือนกำลังพริ้วไหว ทั้งที่จริงๆ แล้วมันหยุดนิ่ง

เรื่องดวงดาวไม่ปรากฏในภาพถ่าย ก็เป็นเพราะการตั้งค่ากล้องที่ต้องใช้ความเร็วชัตเตอร์สูงและรูรับแสงแคบเพื่อจับภาพพื้นผิวดวงจันทร์ที่สว่างมาก ทำให้แสงจาง ๆ ของดวงดาวไม่ถูกบันทึกไว้ ส่วนเงาที่ไม่ขนานก็อธิบายได้จากลักษณะพื้นผิวที่ไม่ราบเรียบและการสะท้อนแสงจากวัตถุอื่น ๆ รอบข้าง

เรื่องทำไมรอยเท้าของนีล อาร์มสตรองจึงชัดมากทั้งๆ ที่ไม่มีความชื้น? ก็เพราะฝุ่นดวงจันทร์มีสภาพเหมือนทรายเปียก แต่ไม่คลายตัวง่ายๆ เหมือนทรายบนผิวโลกและยังมีขอบที่คมมาก ทำให้ฝุ่นยึดเกาะติดกันเหนียวแน่นในสภาวะสุญญากาศ ไม่ใช่การจัดฉากแหกตาชาวโลก

เรื่อง ทำไมภาพก้อนหินบนดวงจันทร์จึงมีตัวอักษร C? นันก็เพราะตัวอักษร C ของภาพถ่ายหมายเลข AS16-107-17446 ไม่ใช่ตัวเลขบนพร็อพจัดฉากถ่ายทำ แต่น่าจะเกิดจากวัตถุแปลกปลอมระหว่างการอัดภาพ เช่น เส้นผมที่ตกลงไปในกระดาษอัด

หรือ การเดินทางไปดวงจันทร์จัดฉากโดยถ่ายกันที่ทะเลทรายใช่หรือไม่? เพราะมีผู้อ้างว่าถ่ายทำกันในห้องปลอดเสียง แต่ภาพที่ถ่ายออกมาไม่มีการย่อหรือขยายของฉากหลัง การถ่ายทำในทะเลทรายยังต้องมีไอร้อนที่คายตัวออกมาปรากฎในฟิล์ม แต่ไม่พบลักษณะดังกล่าว นอกจากนี้ ในปฏิบัติการเดินทางไปดวงจันทร์ของยานอพอลโล 15 นักบินอวกาศยังทำการทดลอง โดยทิ้งค้อนกับขนนกลงพื้น ปรากฎว่าทั้ง 2 สิ่งตกลงพื้นพร้อมกัน แสดงว่าอยู่ในภาวะสุญญากาศ

 

ภาพ NASA

 

นอกจากการอธิบายทางเทคนิคแล้ว ยังมีหลักฐานมากมายที่ยืนยันว่ามนุษย์ได้ไปดวงจันทร์จริง อย่างเช่น หินดวงจันทร์ที่นำกลับมามีน้ำหนักรวมกว่า 380 กิโลกรัม จากหลายภารกิจอพอลโล และถูกนักวิทยาศาสตร์ทั่วโลกตรวจสอบ พบว่าองค์ประกอบทางเคมีแตกต่างจากหินบนโลกและไม่สามารถสร้างเลียนแบบได้ง่าย ๆ 

นอกจากนี้ ตัวสะท้อนเลเซอร์ที่นักบินอวกาศติดตั้งยังคงใช้งานได้จนถึงปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์ยิงเลเซอร์จากโลกไปสะท้อนกลับที่ดวงจันทร์เพื่อวัดระยะทางอย่างแม่นยำ และผลการสะท้อนยืนยันได้ว่ามีอุปกรณ์ถูกทิ้งไว้จริง อีกทั้งในยุคนั้นมีสถานีติดตามจากหลายประเทศรวมถึงสหภาพโซเวียตซึ่งเป็นคู่แข่งสำคัญ แต่สหรัฐก็ไม่เคยถูกเปิดโปงแต่อย่างใด!

 

 

อพอลโล 11 ประโยชน์ทางวิทยาศาสตร์ เศรษฐกิจ และการเมืองโลก

 

ตัวอย่างหินและดินจากดวงจันทร์กว่า 21 กิโลกรัมที่อพอลโล 11 นำกลับมา ช่วยให้นักวิทยาศาสตร์เข้าใจประวัติการก่อตัวของดวงจันทร์และระบบสุริยะ และความเข้าใจเกี่ยวกับสภาพอวกาศ การทดลองต่าง ๆ เช่น การติดตั้งตัวสะท้อนเลเซอร์บนดวงจันทร์ ช่วยให้สามารถวัดระยะห่างระหว่างโลกกับดวงจันทร์ได้แม่นยำมากขึ้น และเป็นจุดเริ่มต้นเทคนิคการเดินทางและลงจอดบนดาวดวงอื่น  

ประโยชน์ของการเดินทางของ อพอลโล 11 ในครั้งนั้นไม่ได้สร้างหน้าใหม่ของวิทยาศาสตร์เท่านั้น แต่การส่งยาน 'อพอลโล 11' ทำให้เกิดการลงทุนในเศรษฐกิจ การจ้างงาน และเทคโนโลยีระดับมหาศาล! อย่างเช่น เทคโนโลยีคอมพิวเตอร์ ซึ่งภารกิจนี้ผลักดันให้เกิดการพัฒนาไมโครชิปและระบบคอมพิวเตอร์ขนาดเล็กที่มีประสิทธิภาพสูง อันเป็นพื้นฐานของเทคโนโลยีคอมพิวเตอร์สมัยใหม่ รวมไปถึง เทคโนโลยีการสื่อสาร การส่งสัญญาณระยะไกลแบบเรียลไทม์ระหว่างโลกและยานอวกาศทำให้เกิดความก้าวหน้าในระบบดาวเทียมและการสื่อสารไร้สายเกิดขึ้น เป็นต้น

 

 

ภาพ NASA

 

กว่า 56 ปีล่วงมา แนวคิดทฤษฎีสมคบคิดก็เดินทางมาได้ไกลจวบกระทั่งปัจจุบัน เช่นเดียวกับหลักฐานความสำเร็จและประโยชน์ที่ได้รับจากภารกิจยานอพอลโล 11  ผสมกับข้อสงสัยที่ว่าการเดินทางกลับไปดวงจันทร์ยังไม่ได้เกิดขึ้นบ่อยครั้งเหมือนที่เคยมีในโครงการอพอลโล  ซึ่งตอบได้ด้วยงบประมาณจำนวนมหาศาล และแรงสนับสนุนทางการเมืองในระดับสูง

ทุกวันนี้ นาซาและองค์กรอวกาศประเทศอื่น ๆ เช่น ยุโรป จีน อินเดีย หรือญี่ปุ่น ต่างกำลังวางแผนกลับไปสำรวจดวงจันทร์อีกครั้ง โครงการอาร์เทมิสของสหรัฐวางเป้าหมายที่จะส่งผู้หญิงและนักบินอวกาศเชื้อสายต่าง ๆ ขึ้นดวงจันทร์ภายในปี 2030 เพื่อสร้างสถานีถาวรและใช้ดวงจันทร์เป็นฐานสำหรับการเดินทางไปดาวอังคาร

 

โครงการอาร์เทมิส

 

เรื่องราวของ อพอลโล 11 หากพูดให้โรแมนติกก็อาจจะทำให้ดูเป็นเรื่องความยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติตัวเล็กๆ ที่ทำสิ่งที่ไม่เคยเกิดขึ้นให้เกิดขึ้นได้  แต่หากมองในมุมการเมืองระหว่างประเทศ ก็คือการแย่งชิงตำแหน่งเพื่อกำหนดทิศทางโลกใบนี้ในยุคนั้นผ่านทางเทคโนโลยี ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าเกือบ 60 ปี การกระทำแบบนี้ก็ยังคงอยู่ แค่เปลี่ยนเทคโนโลยีและเปลี่ยนคู่แข่งกับสหรัฐฯ เท่านั้นเอง.

 

ข่าวล่าสุด

ดูบอลสด ถ่ายทอดสด บีจี ปทุม พบ เมืองทอง ฟุตบอลไทยลีก วันนี้ 14 ธ.ค.68