เปิดสาเหตุ 'มะเร็งปอด' เกิดได้ในผู้หญิงแม้ไม่สูบบุหรี่
เปิดสาเหตุ 'มะเร็งปอด' เกิดได้ในผู้หญิงแม้ไม่สูบบุหรี่ พบเกิดจาก 'การกลายพันธุ์ทางพันธุกรรม' โดยเฉพาะในผู้ป่วยชาวเอเชีย
องค์การอนามัยโลก เปิดเผยในรายงาน The Global Cancer Observatory, International Agency for Research on Cancer ในปี 2565 ถึงจำนวนโรคมะเร็งปอดในระยะเริ่มแรงในผู้หญิงไทยซึ่งมีมากกว่า 8,300 คน คิดเป็น 35% เมื่อเทียบกับผู้ป่วยมะเร็งปอดเพศชายรายใหม่!
ทั้งนี้ ยังคาดการณ์ว่าในปี 2573 จะมีผู้ป่วยมะเร็งปอดรายใหม่เพศหญิงในประเทศไทยมากกว่า 11,200 คน เพิ่มขึ้นประมาณ 35% จากจำนวนผู้ป่วยในปี 2565 ดังกล่าว
งานวิจัยเปิดเผยว่าสาเหตุของการเพิ่มขึ้นของผู้ป่วยมะเร็งปอดนั้น ไม่เพียงแค่บุหรี่ แอลกอฮอล์ หรือมลพิษทางอากาศ โดยพบว่าผู้ป่วยจำนวนหนึ่งเป็นมะเร็งปอด สาเหตุจาก 'การกลายพันธุ์ทางพันธุกรรม' โดยมีข้อบ่งชี้ว่าการกลายพันธุ์ทางพันธุกรรม ที่เป็นต้นเหตุของโรคมะเร็งปอด ตัวอย่างเช่น การกลายพันธุ์ในยีน EGFR (Epidermal Growth Factor Receptor) เป็นที่แพร่หลายในประชากรเอเชียอาจเป็นสาเหตุก่อมะเร็งปอดโดยไม่เกี่ยวโยงกับพฤติกรรมการสูบบุหรี่ของผู้ป่วย
การวิจัยระบุว่าประมาณ 30-40% ของผู้ป่วยมะเร็งปอดในเอเชียมีการกลายพันธุ์ของยีน EGFR ซึ่งเป็นอัตราที่สูงกว่าประชากรชาวตะวันตกอย่างมีนัยสำคัญ
คุณจิตนิภา ภักดี (ออย) ผู้ป่วยมะเร็งปอดระยะที่สี่ กล่าวว่า “ออยเป็นมะเร็งปอดจากยีนกลายพันธุ์ ได้การวินิจฉัยเมื่อ 24 มีนาคม 2563 มะเร็งกระจายเต็มปอดทั้งสองข้าง เมื่อเอาชิ้นเนื้อไปวินิจฉัยจึงพบว่าเป็นมะเร็งปอดระยะสี่ ชนิดที่มียีนกลายพันธุ์ EGFR จึงเริ่มการรักษาด้วยการกินยามุ่งเป้าตัวที่หนึ่งได้ 17 เดือน หลังจากนั้นก็ดื้อยา จึงกินยามุ่งเป้าตัวที่สองต่ออีก 17 เดือน พอครบก็ดื้อยาอีก เลยเปลี่ยนการรักษาเป็นการให้คีโมเมื่อเดือนมีนาคม ปี 2566 ที่ผ่านมา ตอนนี้จบคอร์สการให้คีโมทั้งหมด 13 เข็ม เป็นเวลา 1 ปีพอดี (มีนาคม 2567)”
ด้าน คุณเบลล่า ศิรินทิพย์ ขัติยะกาญจน์ อดีตผู้ป่วยมะเร็งต่อมน้ำเหลืองระยะสุดท้ายในหัวใจ และประธานมูลนิธิเครือข่ายมะเร็ง กล่าวว่า
“เรื่องของมะเร็งปอดในปัจจุบันไม่ได้เกิดจากการสูบบุหรี่เพียงอย่างเดียว และเทรนด์ปัจจุบันก็เกิดกับผู้หญิงหรือคนทั่วไปที่อายุน้อยกว่า 30 ปีที่ไม่เคยสัมผัสบุหรี่เลย และไม่ได้เป็นคนรับควันบุหรี่มือสองเลยด้วยซ้ำ ซึ่งตรงนี้เป็นสถิติที่น่าสนใจมาก
ในกลุ่มผู้ป่วยเองจึงมองว่าจริง ๆ แล้วเรื่องของการดูแลตัวเอง หากเริ่มมีภาวะเหนื่อยหรือไอ ก็อยากให้รีบไปหาหมอ เพื่อจะได้รู้ว่าตัวเองเป็นหนึ่งในโรคติดเชื้อหรือโรคมะเร็งปอดหรือไม่ ถึงแม้จะไม่เคยมีประวัติในการสัมผัสหรือใกล้ชิดบุหรี่ก็ตาม
อีกเรื่องหนึ่งคือเราอยากให้สังคมได้รับรู้ว่าปัจจุบันการเป็นมะเร็งปอดไม่ใช่เรื่องแย่ เพราะหากเราตรวจเจอเร็วและสามารถตรวจยีนพันธุกรรมได้ ดังนั้นอยากให้มองว่ามะเร็งปอดไม่ได้ต้องพาไปในเส้นทางที่เสียชีวิตทุกคน แต่อยู่ที่เราวินิจฉัยเจอเร็วแค่ไหน และเราก็สามารถวางแผนการรักษาควบคู่ไปกับหมอได้”
วิธีการรักษา 4 วิธี สู้มะเร็งปอด
สำหรับวิธีการรักษามะเร็งปอดนั้น แพทย์หญิง ศันสนี เลิศฤทธิ์เรืองสิน ผู้อำนวยการฝ่ายการแพทย์ โรช ไทยแลนด์ ให้ข้อมูลว่ามีอยู่ด้วยกัน 3 วิธีนอกเหนือไปจากการฉายแสงและการผ่าตัด คือ เคมีบำบัด การใช้ยามุ่งเป้า และภูมิคุ้มกันบำบัด
" ยาเคมีบำบัด จะมีประสิทธิภาพในการฆ่าเซลล์มะเร็งที่แบ่งตัวอย่างรวดเร็ว แต่มักมาพร้อมกับผลข้างเคียง เช่น อาการคลื่นไส้ เหนื่อยล้า และผมร่วง
ในด้าน ยามุ่งเป้า เป็นการใช้ยาเพื่อกำหนดเป้าหมายเซลล์มะเร็งที่มีการกลายพันธุ์ทางพันธุกรรมบางอย่างโดยเฉพาะ เพื่อช่วยลดความเสียหายต่อเซลล์ปกติ ยังมีผลข้างเคียงเช่น ผื่นผิวหนัง อ่อนเพลีย ปาก/คออักเสบ
ส่วน การบำบัดด้วยภูมิคุ้มกัน เป็นการช่วยเพิ่มระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายในการต่อสู้กับโรคมะเร็ง แสดงให้เห็นผลลัพธ์ที่น่าพอใจ แต่ยังอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น ปฏิกิริยาทางผิวหนัง อาการคล้ายไข้หวัดใหญ่ และผลกระทบที่เกี่ยวข้องกับระบบภูมิคุ้มกันที่ร้ายแรงยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ หากคนไข้มีสัญญาณเบื้องต้น เช่น ไอเรื้อรัง โดยไม่ทราบสาเหตุ อาจมีเสมหะปนเลือด น้ำหนักลดโดยไม่ทราบสาเหตุ หรือ หายใจลำบาก หอบเหนื่อย ควรรีบพบแพทย์ เพื่อการวินิจฉัยรวดเร็วถูกต้อง"


