posttoday

‘Born This Way’ วลีฮอตฮิตนี้สำคัญอย่างไรในโลก ‘LGBTQIAN+’

21 พฤษภาคม 2568

ชวนแกะคอนเซปต์ Born This Way ที่นำมาใช้ใน 'บางกอกไพรด์พาเหรด' ปีนี้ ว่ามีที่มาและสำคัญอย่างไรในโลก ‘ความหลากหลาย’

Born This Way ฮอตฮิตในเพลงของ ‘เลดี้กาก้า’

 

‘Born This Way’ เป็นวลีที่มีความหมายเชิงว่า ‘เกิดมาแบบนี้’  เลดี้กาก้าเขียนเพลงฮิตเพลงนี้ขึ้นร่วมกับโปรดิวเซอร์อย่าง Fernando Garibay, Jeppe Laursen และ DJ White Shadow  และเพลงนี้อยู่ในอัลบั้มชื่อ Born This Way ซึ่งเป็นชื่อเดียวกับซึ่งเป็นสตูดิโออัลบั้มที่ 2 ของเธอ ในปี ค.ศ.2011 ซึ่งคอนเซปต์ของอัลบั้มนี้เต็มไปด้วยการพูดถึงการปลดปล่อยตัวตน สิทธิของคนหลากหลาย ศาสนา ความเป็นอิสระ และการยอมรับตัวเอง

เพลงนี้ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก เพราะสามารถคว้าอันดับ 1 บน Billboard Hot 100 ได้ทันทีในสัปดาห์แรก และ Rolling Stone จัดให้อยู่ใน 500 เพลงที่ยิ่งใหญ่ที่สุดตลอดกาลในปี 2021  และสร้างยอดขายอันดับ 1 ในกว่า 25 ประเทศทั่วโลก

 

เลดี้กาก้า ในช่วงการโปรโมทอัลบั้ม Born This Way

 

เนื้อหาของเพลง Born This Way กล่าวถึงการยอมรับตัวตนของตัวเอง ไม่ว่าจะเกิดมาแบบไหน อีกทั้งเป็นการใส่แนวคิดสำคัญซึ่งเป็นการแสดงจุดยืนต่อต้านความเชื่อของคริสตจักรคาทอลิก ซึ่ง ณ ช่วงเวลานั้นยังไม่ได้ยอมรับเพศ LGBTQIAN+ มากนัก เช่น

 

I'm beautiful in my way, 'cause God makes no mistakes.

I'm on the right track, baby, I was born this way.

ฉันสวยในแบบของฉัน เพราะพระเจ้าไม่เคยผิดพลาด ฉันเดินอยู่บนทางที่ถูกต้อง ฉันเกิดมาแบบนี้

 

อินโทรก่อนเข้าเพลงใน MV Born This Way ก็สื่อถึงชาติพันธ์ที่ยอมรับในความแตกต่าง

 

อีกทั้งยังสนับสนุนและให้กำลังใจ ต่อแนวคิดการยอมรับความหลากหลายที่ขยายไปมากกว่าเรื่อง ‘เพศ’ เช่น ผิว เชื้อชาติ หรือคุณลักษณะ

 

Whether you're broke or evergreen.

You're black, white, beige, chola descent. You're Lebanese, you're Orient.

Whether life's disabilities left you outcast, bullied or teased.

Rejoice and love yourself today, 'cause, baby, you were born this way
 

ไม่ว่าคุณจะจนหรือมั่งคั่ง ไม่ว่าคุณจะผิวดำ ผิวขาว ผิวเบจ หรือสายเลือดละติน

คุณอาจจะเป็นเลบานอน หรือคนเอเชีย

ไม่ว่าความบกพร่องของชีวิตจะทำให้คุณถูกกีดกัน ถูกรังแก หรือถูกล้อ

จงดีใจและรักตัวเองเถอะ เพราะคุณเกิดมาแบบนี้

 

นอกจากนี้ ใน MV ยังมีหลายฉากที่สื่อถึงเผ่าพันธุ์ใหม่ ซึ่งไร้ความเกลียดชัง ไม่ยึดติดเรื่องเพศ ชาติพันธุ์ หรือความต่าง และมนุษย์พันธุ์ใหม่จะหลุดออกจากกรอบเหล่านี้ ซึ่ง ‘เลดี้กาก้า’ เป็นคนคลอดมนุษย์พันธุ์ใหม่ผ่านบทเพลงนี้

 

ส่วนหนึ่งของ MV ที่แสดงให้เห็นถึงการเกิดของมนุษย์สายพันธุ์ใหม่

 

เลดี้กาก้าได้สัมภาษณ์กับนิตยสาร Vogue ฉบับเดือนกุมภาพันธ์ 2011  ถึงแรงบันดาลใจต่อการสร้างสรรค์อัลบั้ม Born This Way ว่า

 

“This album is my direct letter to the LGBTQ+ community.”

อัลบั้มนี้เป็นเหมือนจดหมายตรงจากฉันถึงชุมชน LGBTQ+

 

สำหรับสหรัฐอเมริกา ในปี 2011 ปีเดียวกับที่เพลง Born This Way ออกมานั้น ประธานาธิบดีบารัค โอบามา ได้ลงนามในคำสั่งบริหารหมายเลข 13583 เพื่อส่งเสริมความหลากหลายและการรวมกลุ่มในรัฐบาลกลางซึ่งเรียกว่า DEI ก่อนที่จะถูกยุบในปี 2025 ในสมัยของรัฐบาลทรัมป์นั่นเอง

จากความโด่งดังของเพลง รวมไปถึงความหมายของเพลงทำให้ Born This Way กลายเป็น ‘เพลงชาติ’ ของเหล่า LGBTQIAN+ ที่ทรงพลังมากที่สุดเพลงหนึ่งในประวัติศาสตร์โลก ซึ่งเพลงนี้มักจะถูกใช้ในกิจกรรมเพื่อสิทธิของชาวเพศหลากหลายอยู่เสมอ

 

วินาทีที่ โอบามา เซ็นต์ Executive Order 13583

 

 

ก่อนหน้า ‘เลดี้กาก้า’ วลีนี้ก็เคยถูกใช้เพื่อความหลากหลายมาก่อน

 

วลี ‘Born This Way’ ไม่ใช่แค่เพิ่งเกิดมาและถูกนำมาใช้เพื่อเหล่า LGBTQIAN+ ในยุคของเลดี้กาก้าเท่านั้น แต่ก่อนหน้านี้วลีดังกล่าวถูกนำมาใช้หลายครั้ง และแพร่หลายเป็นอย่างมากในการเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิของชาว LGBTQIAN+ 

ในยุค 1970s  เนื่องจาก มีเพลง "I Was Born This Way" ที่เขียนโดย Chris Spierer และ Bunny Jones ในปี 1971 เพลงนี้ถูกบันทึกเสียงครั้งแรกโดย Valentino ในปี 1975 และต่อมา Carl Bean ได้นำมาร้องใหม่ในปี 1977 เนื้อเพลงเน้นย้ำถึงการยอมรับตัวตนและความภาคภูมิใจในความเป็นเกย์ โดยมีเนื้อหาว่า

 

“I'm happy, I'm carefree and I'm gay. I was born this way.”

ฉันมีความสุข เป็นอิสระ และฉันเป็นเกย์ ฉันเกิดมาเป็นแบบนี้

 

แน่นอนว่าในช่วงเวลานั้นเพลง "I Was Born This Way” คือเพลงชาติของชาวเพศหลากหลาย และเพลงนี้ก็กลายเป็นแรงบันดาลใจหนึ่งให้เลดี้กาก้าในปี 2011 !

 

แผ่นเสียง I Was Born This Way

 

ในยุค 1980s - 1990s ขบวนการ Pride ได้ใช้วลี Born This Way มาเป็นสโลแกนยืนยันความหลากหลายทางเพศว่าเป็นสิ่งที่ติดตัวมาตั้งแต่เกิด พวกเขาปฏิเสธคำว่าเพศของตนเป็น ‘เพศทางเลือก’ หรือ ‘พฤติกรรมเบี่ยงเบน’ โดยเน้นว่าสิ่งนี้คือธรรมชาติของตัวตนเพราะ ‘เกิดมาเป็นแบบนี้’

 

ในปี 1988 ก็มีหนังสือเล่มหนึ่งชื่อ Born That Way: Genes, Behavior, Personality เขียนโดย William Wright ซึ่งสำรวจประเด็นเกี่ยวกับอิทธิพลของพันธุกรรมต่อบุคลิกภาพและพฤติกรรมของมนุษย์ Wright นำเสนอผลงานวิจัยจากการศึกษาฝาแฝด การรับเลี้ยงบุตรบุญธรรม และชีววิทยาระดับโมเลกุล เพื่อแสดงให้เห็นว่าพันธุกรรมมีบทบาทสำคัญในการกำหนดลักษณะนิสัยและพฤติกรรมของบุคคล ซึ่งถูกนำมาใช้ในกลุ่มนักเคลื่อนไหวเพื่อสิทธิ LGBTQIAN+ ในช่วงทศวรรษที่ 1990s เป็นอย่างมากเพราะเสริมแนวคิดว่าที่ความหลากหลายทางเพศ ไม่ใช่ ‘ทางเลือก’ แต่เป็นสิ่งที่เป็นตั้งแต่เกิด

 

การเดินขบวน Pride Parade ในยุค 80s

 

Bangkok Pride Parade 2025 ในคอนเซปต์ Born This Way

 

Bangkok Pride Parade 2025 ปีนี้ ได้หยิบวลีสุดฮิตอย่าง Born This Way มาใช้ผ่านขบวนพาเหรด 7 คอนเซ็ปต์ ได้แก่

  1. Born Again นำขบวนโดย Bangkok Pride เฉลิมฉลองการ “เกิดใหม่” อย่างภาคภูมิของตัวตนที่เคยถูกซ่อนเร้น
  2. Born to Be Loved ขบวนสีแดง แสดงพลังของความรักที่ไม่ต้องซ่อนอีกต่อไป และฉลองสิทธิสมรสเท่าเทียม
  3. Born to Be Me ขบวนสีม่วง สะท้อนพลังของการรักและเป็นตัวของตัวเองอย่างภาคภูมิ
  4. Born to Be Part of One ขบวนสีเขียว เชื่อมโยงตัวตนกับสิ่งแวดล้อม สังคม และโลก
  5. Born to Create & Inspire ขบวนสีเหลือง ยกย่องพลังแห่งศิลปะและวัฒนธรรมของชุมชน LGBTQIAN+
  6. Born to Heal Generations ขบวนสีฟ้า มุ่งเน้นการเยียวยาและการเข้าถึงบริการสุขภาพอย่างเท่าเทียม
  7. Born to Be Together ขบวนสีชมพู ความร่วมมือของจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

 

‘Born This Way’ วลีฮอตฮิตนี้สำคัญอย่างไรในโลก ‘LGBTQIAN+’

 

ทั้งนี้ Bangkok Pride Parade 2025 จะจัดขึ้นในวันที่ 30 - 1 มิถุนายน ที่จะถึงนี้ บริเวณถนนพระราม 1.

ข่าวล่าสุด

บอลวันนี้ ดูบอลสด ถ่ายทอดสด โปรแกรมฟุตบอล วันจันทร์ที่ 15 ธ.ค. 68