รู้จัก! แพลตฟอร์มหัวขบถ เรียกวิน-สั่งอาหาร ถูกกว่า-ไม่มีค่าคอมฯ
พาไปรู้จัก แพลตฟอร์ม ‘หัวขบถต่อทุนนิยม’ จาก สสส.และจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้แก่ ‘ตามสั่ง-ตามส่ง’ และ ‘น้องเคยมาเท่าไหร่’ ที่ใช้ระบบร่วมจ่ายแบบเป็นธรรม ไม่มีค่าคอมฯ
แพลตฟอร์ม ‘ตามสั่ง-ตามส่ง’ และ ‘น้องเคยมาเท่าไหร่’ เกิดจากความร่วมมือระหว่างกลุ่มวิจัยนวัตกรรมเพื่อสังคมสมานฉันท์และเศรษฐกิจถ้วนถึงแห่งเอเชีย สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ที่อยากจะสร้างแพลตฟอร์มภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจสังคมสมานฉันท์
เน้นการสนับสนุนอาชีพวินมอเตอร์ไซค์รับจ้าง และร้านค้าอาหารรายย่อยในชุมชน ให้สามารถเข้าถึงเศรษฐกิจระบบดิจิทัลมากขึ้น โดยเปิดตัวแพลตฟอร์ม 'น้องเคยมาเท่าไหร่' ไปเมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา
จากปัญหาความไม่เป็นธรรมต่อ ร้านค้า ไรเดอร์ และผู้บริโภค สู่ 'แพลตฟอร์มโดยคนไทย'
จากปัญหาที่ สสส. พบว่ามีวินมอเตอร์ไซค์ที่ไม่ได้เข้าร่วมแพลตฟอร์มต้องประสบปัญหารายได้ลดลง ไม่พอเลี้ยงชีพ จากผลสำรวจผู้ขับขี่รถจักรยานรับจ้างสาธารณะในกรุงเทพฯ 50 เขต จำนวน 400 คน ปี 2566 พบว่า วินฯ 89.3% ไม่ให้บริการผ่านแอปพลิเคชันเรียกรถ สาเหตุจากการใช้งานที่ไม่สะดวก ขั้นตอนการสมัครแพลตฟอร์มมีความซับซ้อน และถูกเรียกเก็บค่าใช้บริการ ทำให้มีภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มสูงขึ้น 46.5% ไม่มีเงินออม 11% เป็นหนี้ทั้งในระบบและนอกระบบ
ดร.ณัฐพันธุ์ ศุภภา รักษาการผู้อำนวยการสำนักวิชาการและนวัตกรรม สสส. กล่าวไว้ว่า
“จากสถานการณ์ดังกล่าว สสส. ในฐานะหน่วยงานที่ส่งเสริมสุขภาวะแบบองค์รวมผ่านการสนับสนุนองค์ความรู้ เครื่องมือ และนวัตกรรมสร้างเสริมสุขภาพ เดินหน้าร่วมกับสถาบันเอเชียศึกษา จุฬาฯ พัฒนานวัตกรรมแพลตฟอร์ม “น้องเคยมาเท่าไหร่” และแพลตฟอร์ม “ตามสั่ง-ตามส่ง” ด้วยแนวคิด Economic Well-being
นวัตกรรมนี้มุ่งสนับสนุนให้วินฯ ร้านอาหาร และร้านค้าในชุมชน ใช้เป็นช่องทางหนึ่งในการเพิ่มรายได้ สร้างความมั่นคงด้านอาชีพ ส่งเสริมให้ประชาชนในพื้นที่มีเครื่องมือในการสั่งอาหารและเรียกใช้บริการวินฯ ในชุมชนที่มีมาตรฐานและราคาที่เป็นธรรม เป็นการส่งเสริมเศรษฐกิจชุมชนแบบพึ่งพาตนเอง ซึ่งเป็นพื้นฐานสำคัญของการมีสุขภาวะที่เข้มแข็งและยั่งยืน”
นอกจากนี้ ปัญหาที่เกิดขึ้นกับร้านค้าที่ถูกมองว่าขายแพง และค่าบริการที่ผู้บริโภคต้องรับภาระ ก็เป็นอีกจุดสำคัญที่ทางแพลตฟอร์มต้องการแก้ไข ภายในเพจ Facebook ของ ตามสั่ง-ตามส่ง เคยระบุไว้ในโพสต์หนึ่งว่า
“ค่าส่ง (เหมือน) ฟรี ที่คุณต้องจ่าย เคยสงสัยกันไหมว่า ทำไมราคาอาหารบนแพลตฟอร์มเดลิเวอรีหลายๆ แห่ง ถึงมีราคาสูงกว่าราคาขายที่หน้าร้าน หรือหากราคาขายบนแพลตฟอร์มเดลิเวอรีนั้นมีราคาเท่าที่ขายหน้าร้าน ปริมาณของอาหารที่เราได้รับจากการสั่งบนแพลตฟอร์มเดลิเวอรีนั้นมักจะน้อยกว่าที่เราได้รับเมื่อไปสั่งอาหารเองที่ร้าน
หลาย ๆ ท่านอาจคิดว่าร้านค้าโก่งราคาผู้บริโภค แต่รู้หรือไม่ว่าการเพิ่มราคาขายเช่นนี้ของร้านค้านั้นเป็นเหตุมาจากการที่ต้องจ่ายค่าส่วนแบ่งการขาย หรือค่า GP ให้กับแพลตฟอร์มเดลิเวอรีต่าง ๆ ซึ่งอาจสูงถึง 35% !!!! และการขึ้นราคาหรือลดปริมาณอาหาร เป็นทางเลือกหนึ่งที่จะทำให้ร้านค้าไม่ขาดทุน แต่เป็นการบีบให้ร้านค้าผลักภาระไปยังผู้บริโภค”
ดังนั้น แพลตฟอร์ม ‘หัวขบถ’ ต่อทุนนิยมอย่าง ตามสั่ง-ตามส่ง และ น้องเคยมาเท่าไหร่ จึงเกิดขึ้น!
หน้าตา-และวิธีการส่งและสั่ง
สำหรับแพลตฟอร์ม ‘ตามสั่ง-ตามส่ง’ เป็นแพลตฟอร์มสำหรับการสั่งอาหารออนไลน์ผ่านระบบ Line Chat Bot โดยจะเจาะจงเป็นพิกัดแต่ละพื้นที่ ในรัศมีราว 3-5 กิโลเมตร เน้นร้านค้าชุมชนในพื้นที่ สิ่งสำคัญคือราคาอาหารจะเท่ากับหน้าร้าน ผู้บริโภคจ่ายเพียงแค่ค่ารถขนส่ง นอกจากนี้ การสั่งหนึ่งครั้งสามารถสั่งได้มากกว่า 1 ร้านในละแวกเดียวกัน และไม่มีขั้นต่ำในการสั่งอาหาร
แพลตฟอร์มตามสั่ง-ตามส่ง เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี 2563 โดยเริ่มที่ชุมชนซอยลายพร้าว 101 เป็นแห่งแรก
ส่วนแพลตฟอร์ม ‘น้องเคยมาเท่าไหร่’ เป็นแพลตฟอร์มน้องใหม่ที่เปิดให้บริการเมื่อวานนี้ (19 พฤษภาคม 2568) โดยผู้ใช้บริการสามารถรู้จุดจอดวิด รู้ค่าโดยสารก่อนเดินทางไป และสามารถเรียกวินมารับได้เช่นกัน โดยเป็นการใช้ราคาตามประกาศกรมการขนส่งทางบก
นายอรรคณัฐ วันทนะสมบัติ นักวิจัยจากกลุ่มวิจัยนวัตกรรมเพื่อสังคมสมานฉันท์และเศรษฐกิจถ้วนถึงแห่งเอเซีย สถาบันเอเชียศึกษา จุฬาฯ อธิบายว่า
สำหรับร้านค้าและร้านอาหารที่เข้าร่วมใช้งานแพลตฟอร์มตามสั่ง-ตามส่งลดภาระต้นทุนการขาย เพราะไม่ต้องเสียค่าตอบแทนที่ผู้ขายได้รับจากการขายสินค้า (Commission) ดังที่แพลตฟอร์มทั่วไปเรียกเก็บ แต่จะใช้ระบบ ร่วมจ่าย Co-Contribution คิดตัดสินใจร่วมกันว่า ร้านอาหาร ไรเดอร์ และผู้บริโภค ซึ่งได้ประโยชน์ร่วมกัน จะแบ่งสัดส่วนจ่ายตามต้นทุนละ 5-6 บาทต่อครั้ง ซึ่งน้อยกว่าที่แพลตฟอร์มทั่วไปเรียกเก็บจากร้านอาหาร 35% ของยอดขาย
เมื่อมีผู้สั่งอาหาร ระบบจะส่งคำสั่งซื้อไปยังวินฯ หรือไรเดอร์ในชุมชนที่อยู่ใกล้ร้านที่สุด ต่างจากแพลตฟอร์มทั่วไปที่ส่งงานไปยังไรเดอร์ที่มีคะแนนสูงสุดซึ่งบางครั้งอยู่ไกลจากร้าน ทำให้ลดภาระค่าเชื้อเพลิง เพิ่มโอกาสทางอาชีพในชุมชน เป็นการกระจายรายได้ในท้องถิ่นที่ประชาชนทุกคนได้รับประโยชน์อย่างแท้จริง
ทั้งนี้ ตามข้อมูลระบุว่า เขตพื้นที่ที่มีบริการและนำร่องใช้งานจริงแล้วใน 19 พื้นที่ทั่วประเทศ เช่น เขตชุมชนลาดพร้าว 101 เขตชุมชนสามย่าน ชุมชนเจริญกรุง และชุมชนเพชรเกษม 28 กรุงเทพฯ, อ.บางกรวย จ.นนทบุรี, ภูเก็ต, อ.เบตง จ.ยะลา อ.สายบุรี จ.ปัตตานี โดยตั้งเป้าขยายผลอีก 10 พื้นที่ ภายในปี 2568.
ที่มา


