ประเด็นน่าจับตา! 'สมศักดิ์' มอบแนวทางบรรจุ ATMPs ในระบบ 'บัตรทอง'
โพสต์ทูเดย์ลิสต์ประเด็นน่าจับตา เมื่อ 'สมศักดิ์ เทพสุทิน' มอบแนวทางให้บอร์ดสปสช. บรรจุ ATMPs ในระบบ 'บัตรทอง'
เกาะติดความเคลื่อนไหว กระทรวงสาธารณสุข ล่าสุดนายสมศักดิ์ เทพสุทิน รมว.กระทรวงสาธารณสุขและประธานบอร์ด สปสช. มอบแนวทางให้ สปสช. ศึกษาโครงการ ATMPs เพื่อหาแนวทางบรรจุลงในสิทธิประโยชน์ บัตรทอง
โดยในที่ประชุมบอร์ด สปสช. ครั้งที่ 5/2568 เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคม 2568 ที่ผ่านมา นายสมศักดิ์ กล่าวว่า โครงการพัฒนาผลิตภัณฑ์การแพทย์ขั้นสูง (Advanced Therapy Medical Products: ATMPs) ที่ภาคเอกชนได้ร่วมมือกับ สธ. เพื่อสนับสนุนงบประมาณในการดำเนินโครงการมีความคืบหน้าไปอย่างมาก โดยมีเป้าหมายจัดตั้งศูนย์พัฒนาผลิตภัณฑ์การแพทย์ขั้นสูง รวมถึงพัฒนาระบบการใช้ประโยชน์จากผลิตภัณฑ์เหล่านี้ให้เป็นต้นแบบของประเทศในระยะต่อไป จึงต้องการให้สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ศึกษาโครงการดังกล่าว เพื่อพิจารณาการบรรจุเป็นสิทธิประโยชน์ในอนาคต
ทั้งนี้ โครงการ ATMPs ล่าสุด สธ.ได้กำหนดพื้นที่ดำเนินการในรูปแบบ Sandbox โดยเลือกอาคารศูนย์การแพทย์บางรัก เขตสาทร กรุงเทพมหานคร และโรงพยาบาลวชิระภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต ซึ่งเป็นสถานพยาบาลภาครัฐ และได้รับการสนับสนุนจากภาคเอกชน เพื่อให้เป็นพื้นที่นำร่องในการพัฒนา ATMPs ของประเทศต่อไป
นายสมศักดิ์ กล่าวเพิ่มเติมว่า จากนี้จะมีการพิจารณาและอนุมัติโครงการ ATMPs ในพื้นที่ Sandbox โดยคณะกรรมการจริยธรรมการวิจัย กรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข เพื่อให้โครงการสามารถดำเนินต่อไปได้
“ผมจึงอยากให้บอร์ด สปสช. ได้รับทราบความคืบหน้าของโครงการ และขอมอบหมายให้ สปสช. เข้าไปศึกษาเกี่ยวกับ ATMPs ที่กำลังจะเกิดขึ้น เพื่อพิจารณาหาแนวทางในการเชื่อมโยงให้เป็นสิทธิประโยชน์ในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บัตรทอง 30 บาท) เพื่อใช้ดูแลสุขภาพและการรักษาพยาบาลของคนไทยต่อไป” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข และประธานบอร์ด สปสช. กล่าว
ด้าน นพ.จเด็จ ธรรมธัชอารี เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า สปสช. จะรับเรื่องนี้ไปดำเนินการต่อ โดยจะมอบหมายให้คณะอนุกรรมการกำหนดประเภทและขอบเขตของบริการสาธารณสุขของ สปสช. รวมถึงคณะอนุกรรมการชุดอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้อง ร่วมกันศึกษาและพิจารณาแนวทางในการบรรจุเป็นสิทธิประโยชน์ในระบบบัตรทอง 30 บาท ตามนโยบายของรัฐบาล และจะรายงานความคืบหน้าในระยะถัดไป
การขับเคลื่อนเร็ว ประชาชนต้องจับตาสิ่งใด?
การผลักดัน ATMPs หรือผลิตภัณฑ์การแพทย์ขั้นสูงประเภท 'ยา' อยู่ในแผนขับเคลื่อน 'เศรษฐกิจสุขภาพ' ที่ทางรัฐบาลประกาศไปเมื่อต้นปีที่ผ่านมา
แม้ก่อนหน้านี้ รมว.กระทรวงสาธารณสุข จะปฏิเสธกับสื่อมวลชน กรณีการนำ ATMPs เข้าไปในระบบบัตรทอง โดยบอกว่า 'อีกนาน' แต่มาวันนี้ก็ทำให้ได้เห็นว่าไม่นานอย่างที่บอกไว้นี่หน่า!
อย่างไรก็ตาม การนำผลิตภัณฑ์เข้าสู่ระบบของ สปสช. จะต้องผ่านขั้นตอนหลายประการ สิ่งสำคัญคือการดู 'ความปลอดภัย' ซึ่งอยู่ในขอบเขตของอย. แต่การเข้าสู่ระบบบัตรทอง ปัจจัยสำคัญที่น่าจับตาคือ ประเด็น 'ความคุ้มค่าคุ้มทุน'
เพราะต้องอย่าลืมว่าทุกบาททุกสตางค์ของ สปสช. คือภาษีประชาชน
ตามปกติ สปสช. จะมีการตั้งหน่วยงานที่เรียกว่า Hitap เพื่อพิสูจน์ว่านวัตกรรมหรือผลิตภัณฑ์ดังกล่าวคุ้มค่าต่อการเสียเงินของประชาชนหรือไม่? อยู่แล้ว เช่นเดียวกัน ผลิตภัณฑ์ ATMPs ที่จะอยู่ใน ATMPs Sandbox ของรัฐบาลนั้น ไม่ว่าจะเป็นผลิตภัณฑ์ใดก็ตาม นอกจากการพิสูจน์ 'ความปลอดภัย' ที่จำเป็นอย่างยิ่งยวดแล้ว จะต้องพิสูจน์เรื่องความคุ้มค่าคุ้มทุนให้ได้ด้วย เช่น คุ้มค่ากับเงินที่จ่ายหรือไม่ มีผู้ป่วยที่จะได้รับประโยชน์เท่าไหร่ ทำไมต้องจ่าย?
และที่สำคัญในฐานะที่เป็นนวัตกรรมการรักษาใหม่ ประชาชนคงอยากรู้ว่า
หากต้องจ่ายซื้อของชิ้นนี้ ดีกว่าชิ้นเก่าที่มีอย่างไร?
นอกจากนี้ สปสช.ยังมีการพิจารณาที่เรียกว่าดูคะแนน ICER ซึ่งจะเป็นคะแนนที่คำนวนจาก GDP ของประเทศไทย ที่ต้องมีการคำนวนให้เกิดคะแนนที่คุ้มค่า จึงเห็นว่า บางครั้งการรักษาที่ได้ผล แต่การรักษายังแพงอยู่ จึงไม่ได้เข้าไปอยู่ในสิทธิประโยชน์ดังกล่าว หรือต้องรอให้ยาหมดสิทธิบัตรก่อน ซึ่งจะใช้เวลานานเพื่อให้ราคายาถูกลง
สิ่งเหล่านี้ล้วนอยู่ในขอบเขตการพิจารณาของ สปสช. ที่ต้องพิจารณาบนหลักการที่มี
ซึ่งตามหลักการที่ผ่านมาแล้วครอบคลุมผลิตภัณฑ์ทุกตัว
จากนี้จึงน่าจับตาว่า ยาตัวไหนจะถูกนำมาใช้หรือได้สิทธินี้ไปครอบครอง (ซึ่งเคยมีการสัมภาษณ์ไว้ก่อนหน้านี้ใน ลิงก์ข่าว ว่าจะเป็นการรักษาเข่าเสื่อม) และจะคุ้มค่ากับราคาที่ประชาชนต้องจ่ายหรือไม่ เป็นสิ่งที่กระทรวงสาธารณสุข และสปสช.ต้องตอบคำถามเพื่อไขความกระจ่างให้ชัดเจน ซึ่งน่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีของการใช้ ATMPs ของคนไทยในเมืองไทย.