posttoday

ทำไมนั่งเครื่องบิน ต้องรัดเข็มขัดตามคำเตือน “หลุมอากาศ” อันตรายกว่าที่คิด

22 พฤษภาคม 2567

กรณีเครื่องบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ ตกหลุมอากาศจนมีผู้โดยสารได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต ทำให้หลายคนออกมาย้ำถึงความจำเป็นของการรัดเข็มขัดขณะโดยสารเครื่องบิน ขณะนักวิชาการชี้ โลกร้อนทำให้”หลุมอากาศ” เพิ่มขึ้นเป็น 2 เท่า

จากกรณีเครื่องบินสายการบินสิงคโปร์แอร์ไลน์ เที่ยวบิน SQ321 ซึ่งมีผู้โดยสารจำนวน 211 คน และลูกเรือจำนวน 18 คน เส้นทางการบินจากท่าอากาศยานอีทโธรว์ ปลายทางท่าอากาศยานชางงี ขอลงจอดฉุกเฉินที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ (ทสภ. ) เนื่องจากเหตุเครื่องบินตกหลุมอากาศ จนมีผู้โดยสารจำนวน 1 คน เสียชีวิตบนเครื่อง และมีผู้โดยสารและลูกเรือที่ได้รับบาดเจ็บ จำนวน 83 ราย ทำให้หลายคนออกมาแสดงความคิดเห็นเรื่องความจำเป็นของการรัดเข็มขัดนิรภัยขณะโดยสารเครื่องบิน เพราะอาจเกิดความเสี่ยงที่เครื่องบินจะเผชิญภาวะอากาศแปรปรวน หรือที่ชาวบ้านทั่วไปเรียกว่า “ตกหลุมอากาศ” จนได้รับบาดเจ็บจากการกระแทกรุนแรงได้

เฟซบุ๊กเพจ “กัปตันไฟซอล บิน กิน เที่ยว Captain Faisal” ของกัปตันไฟซอล นักบินการบินไทย ได้ให้ความรู้เกี่ยวกับ “หลุมอากาศ” ระบุว่า

เครื่องบินเวลาบินมันสั่นสะเทือนจากอากาศแปรปรวน(สมัยก่อนเรียกหลุมอากาศคงจะเหมือนตกหลุม) แต่จริง ๆ มันไม่มีหลุม มันมีแต่อากาศที่เป็น Turbulence

โดยอากาศแปรปรวนเกิดจากอะไร?

1. กลุ่มเมฆพายุฝนฟ้าคะนอง  

เมฆปุยขาว ๆ ถ้าบางก็สั่นน้อย ถ้าหนาก็สั่นเยอะมานิดนึง ถ้ามีสีคล้ำ ๆ อันนี้ก็สั่นเยอะขึ้นมาอีก

ถ้าเป็น Cumulomibus Cloud (CB) หรือเมฆฝนฟ้าอันนั้นต้องหลบให้ไกล ทะลุเข้าไปไม่รอด มีทั้ง ฟ้าผ่า  ลูกเห็บ น้ำแข็ง ลมกระโชก อากาศแปรปรวนสุด ๆ ซึ่งมองเห็น และ เรดาร์จับได้ (เรดาร์จะจับที่มีความชื้น) เรดาร์บนจอจะแสดงผลชัดเจนแบ่งเป็นสี  เขียว เหลือง  แดง ม่วง

ถ้า แดง สีม่วงนี่ตัวอันตรายหลีกให้ไกล

ภาพนี้จากเน็ต เป็นเรดาร์ตรวจจับอากาศของทั้ง Boeing และ Airbus เวลาบินกลางคืนนักบินมองไม่สภาพอากาศ ก็จะใช้ดูจากเรดาร์ ถ้าเจอก็จะหลบออกจากเส้นทางไปยังพื้นที่ไม่มีสภาพอากาศ (ไม่มีสี)  #ภาพแรก

ทำไมนั่งเครื่องบิน ต้องรัดเข็มขัดตามคำเตือน “หลุมอากาศ” อันตรายกว่าที่คิด

แต่ถ้า เมฆฝนเต็มฟ้าเราจะไปตรงที่เป็นสีเขียวซึ่งเป็นจุดที่มีน้ำฝน หรือความชื้นที่ไม่มาก #ภาพที่สอง

แต่ห้ามตรงไปพื้นที่เรดาร์แสดงสีม่วงเด็ดขาดมี extreme turbulence เต็ม ๆ ในนั้น

ทำไมนั่งเครื่องบิน ต้องรัดเข็มขัดตามคำเตือน “หลุมอากาศ” อันตรายกว่าที่คิด

#ภาพที่สาม สีของเรดาร์เป็นขีดตรงจุดที่เราบินผ่าน อันนั้นเราสูงกว่าเมฆตรงนั้น และเมฆฝนที่ยังก่อตัวขึ้นไม่สูง พิษสงจะยังไม่มากเท่าไร พลังงานไม่เยอะแต่ก็สั่นอยู่

ทำไมนั่งเครื่องบิน ต้องรัดเข็มขัดตามคำเตือน “หลุมอากาศ” อันตรายกว่าที่คิด

2. Wake Turbulence

คือคลื่นที่เกิดจากเครื่องบินลำหน้า หลักการเดียวกันเรือแล่นในน้ำแล้วเกิดคลื่น เครื่องบินก็เช่นเดียวกัน เพียงแต่มองไม่เห็น ยิ่งเครื่องบินตัวใหญ่ ระวางขับหนัก บินเร็ว Wake Turbulence ยิ่งแรง  

อันนี้มองไม่เห็น มีเคสที่เครื่องบินเล็กบินลอดใต้เครื่องSuper Jumbo 380 แล้วเกิดพลิกคว่ำตามภาพมาแล้ว

3. CAT Clear air turbulence

อันนี้ความหมายตรงตัวคือบริเวณที่มีความแปรปรวนของอากาศ แต่ไม่มีความชื้น ไม่มีเมฆ และมองไม่เห็น ซึ่งบริเวณดังกล่าวถ้าบินผ่านอาจจะมีการสั่นสะเทือนน้อยไปจนมาก

ส่วนเคส SQ321 ยังไม่มีข้อสรุป ต้องสืบสวนสอบสวนกันต่อไป แต่มันเป็น Serious Accident หรือ อุบัติเหตุร้ายแรงเพราะมีคนตาย ลูกเรือทั้งชุดจะต้องหยุดบินเพื่อตรวจร่างกายและเข้ากระบวนการสอบสวนครับ

โดยกัปตันไฟซอล ได้แนะนำว่ารัดเข็มขัดตลอดเส้นทางจนกว่าเครื่องจะจอดปลอดภัยที่สุด

ด้าน นักวิชาการสิ่งแวดล้อม ชี้โลกร้อนขึ้น โอกาสที่เครื่องบินจะตกหลุมอากาศที่รุนแรงมากขึ้น เผยอัตราการเกิดหลุมอากาศจะเพิ่มขึ้นถึง 2 เท่าภายในปี 2050 อาจมีเครื่องบินต้องเผชิญกับหลุมอากาศรุนแรงมากขึ้นถึง 40%

นายสนธิ คชวัฒน์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ ชมรมนักวิชาการสิ่งแวดล้อมไทย โพสต์เฟซบุ๊ก โลกร้อนขึ้น โอกาสที่เครื่องบินจะตกหลุมอากาศมากขึ้น..เพราะอะไร?

1.เครื่องบินที่บินในบริเวณซีกโลกตะวันตกหรือบินจากโลกตะวันตกมายังซึกโลกตะ วันออกมีโอกาสที่จะตกหลุมอากาศบ่อยขึ้น เนื่องจากอุณหภูมิในบรรยากาศของโลกที่สูงขึ้นทำให้ลมกรดหรือJet stream ซึ่งเป็นลมที่ใช้ประโยชน์ในอุตสาหกรรมการบินแปรปรวน

2. Jet Streams หรือลมกรดเป็นกระแสลมที่ไหลเวียนในระดับความสูงประมาณ7.0 ถึง16กม.เหนือจากพื้นโลกมีความเร็วสูงมากถึง 200-400 กม./ชม.เป็นลมที่พัดจากทิศตะวันตกมายังทิศตะวันออกของโลก ดังนั้นถ้าเครื่องบินบินจากซึกตะวันตกมาทางซีกตะวันออกก็ควรวางแผนการบินให้บินตามกระแสของ Jet streamจะทำให้มีความเร็วเพิ่มขึ้นช่วยประ หยัดพลังงานและลดเวลาในการบินสั้นลง แต่หากจะบินจากตะวันออกมาทางตะวันตกก็ควรบินหลบJet streamให้มากที่สุดเพราะจะสวนกระแสลมทำให้ใช้เวลาการบินมากขึ้น

3.อุณหภูมิในบรรยากาศของโลกที่สูงขึ้นเนื่องจากโลกปล่อยก๊าซเรือนกระจกมากขึ้นทำให้ลมกรดหรือ Jet streamลดความ เร็วลงในบางช่วง มีงานวิจัยระบุว่าอุณหภูมิในบรรยากาศที่สูงขึ้นในแถบทวีปอาร์กติกซึ่งร้อนขึ้นเกือบสี่เท่าของค่าเฉลี่ยทั่วโลกกำลังส่งผลให้กระแสลมกรด (jet stream) ซึ่งเป็นลมที่มีกำลังแรงพัดอยู่บนชั้นบรรยา กาศในบางช่วงมีความเร็วลดลงทำให้เกิดอากาศแปรปรวนในขณะที่อากาศปลอดโปร่ง(Clear Air Turbulance)มากขึ้น(ทั้งที่ไม่ได้บินผ่านเมฆหรือพายุ) เนื่องจากช่วง

ที่ความเร็วของลมกรดลดลงจะทำให้ความหนาแน่นของมวลอากาศในช่วงบริเวณดังกล่าวบางลง ซึ่งทำให้เกิด"หลุมอากาศ"ขึ้น ในขณะที่เครื่องบินได้บินผ่านหลุมอากาศ แรงยกจากปีกของเครื่องบินจะลดลงอย่างกระทันหันทำให้ตัวเครื่องตกลงไปในหลุมอากาศ ซึ่งจะตกมากหรือน้อยอยู่ที่ขนาดของความหนาแน่นของมวลอากาศ

4.นักวิจัยชี้ว่าอัตราการเกิดหลุมอากาศจะเพิ่มขึ้นถึงสองเท่าภายในปี2050และอาจมีเครื่องบินต้องเผชิญกับหลุมอากาศที่รุน แรงมากขึ้นถึง40%