posttoday

เทรนด์ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพโต! พังงา ดัน “สปาโคลนร้อนรอยเลื่อนคลองมะรุ่ย”

19 มกราคม 2567

Global Wellness Institute คาดธุรกิจสุขภาพในไทยโตต่อเนื่อง ด้านพังงาชู “สปาโคลนร้อนรอยเลื่อนคลองมะรุ่ย” เป็นหมุดหมายท่องเที่ยวเชิงสุขภาพบนรอยเลื่อนผิวโลก บำบัดเหน็บชา กระชับผิวด้วยพลังธรรมชาติ

แน่นอนว่าธุรกิจท่องเที่ยวของประเทศไทยได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงาม วัฒนธรรมที่หลากหลาย และเสน่ห์ของผู้คนในแต่ละท้องถิ่น อย่างไรก็ตาม การแข่งขันด้านการท่องเที่ยวระหว่างประเทศต่างๆ ก็มีสูงเช่นกัน หลายประเทศมีการพัฒนาสถานที่ท่องเที่ยวและบริการต่างๆ เพื่อดึงดูดนักท่องเที่ยวให้มากขึ้น ส่งผลให้นักท่องเที่ยวมีทางเลือกมากขึ้น และอาจเปลี่ยนรูปแบบการท่องเที่ยว เช่น เน้นการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ การท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม หรือการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ

หากประเทศไทยนำเอาจุดแข็งด้านการแพทย์มาผสมผสานกับการท่องเที่ยว จะทำให้การท่องเที่ยวมีจุดดึงดูดและช่วยเพิ่มมูลค่าของการท่องเที่ยวให้สูงขึ้นได้ เนื่องจากประเทศไทยเป็นประเทศที่มีศักยภาพสูงในการเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ (Wellness Tourism) มีบริการทางการแพทย์และสาธารณสุขที่มีคุณภาพมาตรฐานระดับโลก 

อีกทั้งค่ารักษาพยาบาลยังอยู่ในระดับที่ต่ำกว่าประเทศพัฒนาแล้วหลายประเทศ โดยนักท่องเที่ยวสามารถท่องเที่ยวในประเทศไทยและเข้ารับบริการทางการแพทย์ได้ในคราวเดียวกัน ซึ่งจะช่วยเพิ่มระยะเวลาในการพักอาศัยในประเทศไทย และก่อให้เกิดรายได้เพิ่มเติมจากการท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ หรือ การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ

ข้อมูลจากสถาบัน Global Wellness Institute ประเมินว่าธุรกิจด้านสุขภาพของประเทศไทยรวมถึงแพทย์แผนไทยและการแพทย์เฉพาะบุคคล การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ การดูแลเฉพาะบุคคลและความงามจะมีมูลค่าสูงถึง 1.1 ล้านล้านบาทภายในปี 2568 ทำให้เม็ดเงินลงทุนยังคงสะพัดต่อเนื่อง

เทรนด์ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพโต! พังงา ดัน “สปาโคลนร้อนรอยเลื่อนคลองมะรุ่ย”

ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพในไทยกับ  “สปาโคลนร้อนรอยเลื่อนคลองมะรุ่ย”

“สปาโคลนร้อนรอยเลื่อนคลองมะรุ่ย” ถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่สำคัญซึ่งตั้งอยู่ในพื้นที่คลองมะรุ่ย ตำบลมะรุ่ย อำเภอทับปุด เขตรอยต่อระหว่างจังหวัดพังงา และจังหวัดกระบี่ เกิดจากรอยแยกของเปลือกโลกทำให้ความร้อนใต้พิภพผุดขึ้นมาบนผิวดิน และทำให้เกิดปรากฏการณ์ธรรมชาติที่แปลกตา 3 อย่าง ได้แก่

  • หาดทรายร้อน เกิดจากความร้อนใต้พิภพทำให้ทรายร้อนขึ้น โดยอุณหภูมิของทรายร้อนสามารถสูงถึง 60 องศาเซลเซียส
  • น้ำเค็มร้อน เกิดจากน้ำทะเลผสมกับน้ำพุร้อนใต้ดิน ทำให้อุณหภูมิของน้ำทะเลร้อนขึ้น โดยอุณหภูมิของน้ำทะเลร้อนสามารถสูงถึง 40 องศาเซลเซียส
  • โคลนร้อน เกิดจากความร้อนใต้พิภพทำให้โคลนร้อนขึ้น โดยอุณหภูมิของโคลนร้อนสามารถสูงถึง 50 องศาเซลเซียส

 

ชาวบ้านในพื้นที่นิยมใช้หาดทรายร้อน น้ำทะเลร้อน และโคลนร้อน เพื่อบำบัดโรคเหน็บชา ปวดเมื่อย และโรคอื่นๆ โดยเชื่อว่าแร่ธาตุต่างๆ ในโคลนร้อนและน้ำทะเลร้อนสามารถช่วยขับสารพิษออกจากร่างกาย บรรเทาอาการปวดเมื่อย และลดการอักเสบลงได้

ปัจจุบัน หาดทรายร้อนได้ถูกพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพโดยวิสาหกิจชุมชน กลุ่มท่องเที่ยวชุมชนบ้านโคกไคร ซึ่งนักท่องเที่ยวสามารถสัมผัสประสบการณ์การแช่ตัวในน้ำทะเลร้อนหรือโคลนร้อนเพื่อบำรุงผิวพรรณและสุขภาพได้ โดยสามารถเที่ยวได้เดือนละ 10 วันเท่านั้น และต้องทำการนัดหมายล่วงหน้ากับชุมชน เนื่องจากขึ้นอยู่กับช่วงเวลาน้ำขึ้น น้ำลงในแต่ละเดือน

เทรนด์ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพโต! พังงา ดัน “สปาโคลนร้อนรอยเลื่อนคลองมะรุ่ย”

สำหรับการเดินทาง นั่งท่องเที่ยวจะต้องนั่งเรือหัวโทงไปยังหาดทรายร้อน เมื่อไปถึงเจ้าหน้าที่จะบริการชุดสำหรับการทำสปาโคลนให้กับนักท่องเที่ยว ก่อนจะให้ยืนแช่โคลนร้อนเป็นเวลา 10 นาทีเพื่อเปิดรูขุมขน หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จะให้ล้างน้ำเย็นในคลอง และนำโคลนร้อนซึ่งอยู่ลึกลงไปจากดินเลนชายฝั่งราว 1 เมตร มาพอกตามร่างกายให้กับนักท่องเที่ยว โดยดินชนิดนี้จะมีสีดำสนิท อุณหภูมิพอเหมาะและไร้กลิ่นไม่พึงประสงค์ มีแร่ธาตุต่าง ๆ สามารถพอกได้ทั้งใบหน้าและลำตัวเพราะเป็นโคลนร้อนสะอาดบริสุทธิ์ 

นอกจากนี้ ยังมีการนวดผ่อนคลายจากหมอนวดชาวบ้านในพื้นที่ แล้วให้นั่งหรือนอนพักเป็นเวลา 15 นาที พร้อมรับเครื่องดื่มชาสมุนไพร หรือกาแฟยามเช้าที่เสิร์ฟพร้อมกับขนมพื้นบ้าน ซึ่งหลังจากล้างตัวเสร็จนักท่องเที่ยวต่างให้ความเห็นว่ารู้สึกผ่อนคลาย ตัวเบาขึ้น สดชื่น และผิวบริเวณที่พอกโคลนมีความกระชับ เนียนนุ่ม และชุ่มชื่นกว่าเดิม

เทรนด์ท่องเที่ยวเชิงสุขภาพโต! พังงา ดัน “สปาโคลนร้อนรอยเลื่อนคลองมะรุ่ย”

พังงาตั้งเป้า Hub ส่งเสริมสุขภาพนักท่องเที่ยวแถบอันดามัน

จังหวัดพังงา ได้ร่วมผลักดันจัดตั้งศูนย์บริการส่งเสริมสุขภาพตามแนวทางการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ  (Wellness Tourism) โดยมองสถานที่ในการรองรับโครงการ คือ พื้นที่ตำบลนาเตย อำเภอท้ายเหมือง เป็นที่ราชพัสดุ มีเนื้อที่ 123 ไร่ และพื้นที่ตำบลบางไทร อำเภอตะกั่วป่า เป็นที่ราชพัสดุ มีเนื้อที่ 163 ไร่เศษ คาดว่าหากโครงการสำเร็จจังหวัดพังงาจะเป็นศูนย์กลางบริการเพื่อส่งเสริมสุขภาพ (Health and wellness hub) ที่สามารถดูแลนักท่องเที่ยวต่างชาติแถบจังหวัดอันดามันได้

พื้นที่โครงการจะประกอบด้วย 

1.ศูนย์การแพทย์นานาชาติส่วนขยาย รพ.มอ. ศูนย์ส่งเสริมสุขภาพ และศูนย์ดูแลสุขภาพผู้สูงวัยด้วยการแพทย์ผสมผสาน รองรับผู้ป่วยผู้รับบริการซาวไทยและต่างชาติ 

2. ศูนย์กลางวัตถุดิบสมุนไพร โรงงานผลิตผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรและศูนย์กระจายสินค้าเพื่อสุขภาพ ครบวงจร ที่วิจัย พัฒนาจากสมุนไพรและต่อยอดสินค้าในชุมชน อันเป็นการสนับสนุนการสร้างแบรนด์ของจังหวัดพังงา 

3. ประชาชนในจังหวัดพังงาและพื้นที่ใกล้เคียงผ่านการอบรมทักษะที่เกี่ยวข้องเพื่อรองรับบริการในธุรกิจบริการส่งเสริมสุขภาพ สร้างงานสร้างรายได้ให้ประชาชน 

4. ยกระดับเศรษฐกิจจังหวัดพังงาด้วยการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพ