รู้หรือไม่? ผู้ชายก็สามารถติดเชื้อมะเร็งปากมดลูกได้!
มะเร็งปากมดลูกเป็นมะเร็งเพียงไม่กี่ชนิดที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัส HPV ไวรัสชนิดนี้เท่าเทียม! เพราะสามารถติดได้ทั้งชายและหญิง แต่อย่านิ่งนอนใจว่าผู้ชายไม่มีมดลูกไม่เป็นไร เพราะกลายเป็นว่าผู้ชายก็สามารถเป็นมะเร็งบริเวณอื่นได้จากเชื้อตัวนี้!
เชื้อไวรัส HPV คืออะไร?
รศ.นพ.วิชัย เติมรุ่งเรืองเลิศ ภาควิชาสูติศาสตร์-นรีเวชวิทยา คณะแพทย์ศาสตร์ จุฬาฯ ได้สรุปข้อมูลเกี่ยวกับเชื้อไวรัส HPV อย่างง่ายให้เข้าใจได้ว่า เชื้อไวรัส HPV ก็เหมือนไวรัสโควิด 19 ที่ไม่มีวิธีการรักษาแต่สามารถป้องกันและทำให้อาการเบาลงได้ โดยเชื้อไวรัส HPV เมื่อร่างกายได้รับแล้วจะสามารถวิวัฒนาการกลายเป็นมะเร็ง หากภูมิคุ้มกันร่างกายไม่ดีหรือประสิทธิภาพลดลง โดยชนิดของมะเร็งที่รู้จักกันดีคือ 'มะเร็งปากมดลูก' ซึ่งเบื้องต้นจะไม่แสดงอาการมาก การแสดงอาการจะเกิดขึ้นต่อเมื่อเข้าขั้นรุนแรงแล้ว จึงทำให้เกิดการสูญเสียและการตายถึงร้อยละ 50 ของผู้ป่วยทั้งหมด
โดยเชื้อไวรัสดังกล่าวมีโอกาสติดต่อจากเพศสัมพันธ์มากกว่าร้อยละ 80 โดยมีทั้งหมด 14 สายพันธุ์ที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดเป็นโรคมะเร็ง
‘อย่างไรก็ตามสายพันธุ์หลักที่อันตรายและก่อให้เกิดมะเร็งปากมดลูกได้คือสายพันธุ์ 16 และ 18’
หากตรวจเจอสองสายพันธุ์นี้ถือว่ามีความเสี่ยงต่อการก่อให้เกิดมะเร็งเป็นอย่างมาก โดยพบว่ามากกว่าร้อยละ 99 ของผู้ป่วยที่เป็นมะเร็งปากมดลูกมาจากการติดเชื้อไวรัส HPV อย่างไรก็ตาม หากตรวจเจอไวรัสชนิดนี้ล่วงหน้าจะสามารถป้องกันการเป็นมะเร็งที่มาจากเชื้อไวรัส HPV ได้ถึง 35 เท่า เพราะกว่าที่เชื้อไวรัสจะพัฒนาเป็นมะเร็งใช้เวลา 10-15 ปี ซึ่งถือเป็นนาทีทองที่ควรจะฉีดวัคซีน หรือคัดกรอง เพื่อเป็นการป้องกันก่อนที่ไวรัสตัวนี้จะกลายพันธุ์เป็นมะเร็ง ซึ่งมีโอกาสสามารถรักษาให้หายขาดได้ 100%
ไวรัส HPV จะปนเปื้อนอยู่กับสิ่งแวดล้อมรอบตัว และสามารถเข้าสู่ร่างกายได้ เพราะฉะนั้นสิ่งสำคัญคือการล้างมือให้สะอาดหลังจากหยิบจับทุกครั้ง นอกจากนี้การมีเพศสัมพันธ์ก็ทำให้เกิดโอกาสสูงที่จะรับเชื้อ HPV เข้าไปมากที่สุด
หากผู้ชายติดเชื้อไวรัส HPV จะเกิดอะไรขึ้น?
แม้จะมีการรณรงค์ให้คัดกรองไวรัส HPV เพื่อลดความเสี่ยงการเกิดมะเร็งในผู้หญิงเสียส่วนใหญ่ แต่โดยธรรมชาติแล้วผู้ชายก็สามารถรับเชื้อ HPV ได้ด้วยเช่นกัน ในกรณีที่เป็นคู่รักระหว่างชาย-หญิง นอกเหนือไปจากที่ผู้หญิงจะได้รับเชื้อไวรัสและกลายเป็นมะเร็งด้วยตัวเองแล้ว อาจจะมีสาเหตุมาจากการรับไวรัสจากฝั่งเพศชาย หรือคู่รักจากการมีเพศสัมพันธ์ อย่างไรก็ตามสำหรับเพศชาย เชื้อไวรัสดังกล่าวจะก่อให้เกิดมะเร็งในบริเวณอื่นๆ แทนการเกิดมะเร็งปากมดลูกอย่างเช่นในเพศหญิง
นายแพทย์วิชัย เติมรุ่งเรืองเลิศ ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันการเป็นมะเร็งที่คอหอยซึ่งมาจากการกลายพันธุ์ของไวรัส HPV เช่นเดียวกับการเกิดมะเร็งปากมดลูก เกิดขึ้นค่อนข้างมากทั้งในต่างประเทศและในประเทศไทย โดยเฉพาะในกลุ่มที่เป็น LGBTQIA+ โดยมาจากการติดเชื้อจากกิจกรรมการมีเพศสัมพันธ์ทางปาก หรือบริเวณสะโพก
สำหรับเพศชายสามารถป้องกันเชื้อไวรัสนี้ได้ผ่านทางการ ‘ฉีดวัคซีนป้องกันเชื้อไวรัส HPV’ โดยปัจจุบันพบว่ามีเพศชายที่เข้ารับการฉีดวัคซีนในประเทศไทยบางส่วน แต่ยังน้อยคืออยู่ที่ไม่ถึงร้อยละ 5 เท่านั้น ส่วนการคัดกรองนั้นเนื่องจากสรีระของเพศชายไม่มีจุดรวมพลเช่นเดียวกับผู้หญิง ที่อยู่บริเวณช่องคลอด เชื้อไวรัสจะอยู่ในหลายจุดของอวัยวะสืบพันธุ์ จึงทำให้การคัดกรองมีความแม่นยำเพียงร้อยละ 30 แตกต่างจากผู้หญิงที่การคัดกรองเชื้อไวรัส HPV ด้วยการตรวจแบบ DNA Test จะให้ความแม่นยำสูงถึงร้อยละ 92 จึงมีการรณรงค์การคัดกรองในเพศหญิงมากกว่า
อย่างไรก็ตาม จะเห็นได้ว่าเชื้อไวรัส HPV ตัวร้ายของการก่อให้เกิดมะเร็งไม่ใช่เรื่องของผู้หญิงเพียงฝ่ายเดียว สำหรับคุณผู้ชายก็เป็นเรื่องที่ต้องป้องกัน นอกจากจะป้องกันตัวเองแล้ว ยังป้องกันการติดเชื้อของคู่รักที่เป็นเพศหญิงอีกทางหนึ่งด้วย โดย 3 วิธีการป้องกันการติดเชื้อไวรัส HPV ได้แก่
- การฉีดวัคซีน ( ซึ่งสามารถฉีดได้ตั้งแต่อายุ 9 ขวบเป็นต้นไป และฉีดได้ทั้งผู้หญิงและผู้ชาย )
- การคัดกรองมะเร็งปากมดลูกสำหรับผู้หญิง ซึ่งปัจจุบันมีนวัตกรรมที่เรียกว่า HPV DNA Test ซึ่งให้ความแม่นยำสูงและตรวจหนึ่งครั้งสามารถป้องกันได้ถึง 5 ปี
- การมีเพศสัมพันธ์อย่างปลอดภัย


