posttoday

Grab ย้ำจุดยืน ‘กรีนได้ด้วยผลิตภัณฑ์และบริการ’

04 ธันวาคม 2568

Grab ประเทศไทย ย้ำจุดยืน ธุรกิจกรีนโดยไม่ต้อง CSR คือการกรีนได้ด้วยผลิตภัณฑ์และบริการตั้งแต่คนขับ-ผู้บริโภค

จันต์สุดา ธนานิตยะอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ แกร็บ ประเทศไทย ได้กล่าวถึงการดำเนินงานของ GRAB ต่อประเด็นความยั่งยืนใน  Panel Discussion: Sustainable Mobility ขับเคลื่อนเมืองสีเขียวอย่างยั่งยืน ในงานสัมมนา SUSTAINABILITY FORUM 2026 Shift Forward: Overcoming Challenges ณ สามย่านมิตรทาวน์ฮอลล์ ชั้น 5 สามย่านมิตรทาวน์ วันนี้ (4 ธันวาคม 2568) ว่า

 

จันต์สุดา ธนานิตยะอุดม

 

ธุรกิจ Grab สามารถแบ่งได้เป็น 2 รูปแบบ คือ ส่งอาหาร และส่งคน  สำหรับพาร์ทของการส่งคน Grab ดำเนินธุรกิจบนความยั่งยืนใน 2 มิติ ได้แก่

  • มิติผู้บริโภค  โดยผู้บริโภคสามารถเลือกใช้บริการรถ EV ได้เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่สำคัญ ซึ่งปัจจุบันตั้งแต่เปิดให้บริการในประเทศไทย มีผู้บริโภคที่ใช้ตัวเลือการใช้รถ EV อยู่ราว 1 แสนคน
  • ส่วนทางด้านมิติของคนขับ  หากต้องการรายได้ที่มากขึ้น การเติมน้ำมันโดยเฉลี่ยหนึ่งวันจะมีค่าน้ำมันราววันละ 1,000 บาท (สำหรับรถยนต์รุ่น Camry) ในขณะที่หากใช้เป็นรถ EV จะเสียค่าพลังงานที่ต้องเติมเพียงแค่วันละ 200 เท่านั้น ซึ่งในแต่ละวันคนขับรถของ Grab สามารถหารายได้อยู่ที่ราว 3,000 บาท

 

“นั่นหมายความว่า การที่จะกรีนได้ดี ปัจจัยคือต้องยั่งยืนกับคนขับด้วย คือขับแล้วสบายกระเป๋า และมีรายได้ที่เพิ่มขึ้น” คุณจันต์สุดากล่าว

 

ส่วนต่อไปคือธุรกิจ Grab Food หรือการส่งอาหาร หัวใจสำคัญคือการมีทางเลือกให้ผู้บริโภคเลือกที่จะไม่รับช้อนส้อมพลาสติก ซึ่งจนกระทั่งปัจจุบันมีผู้บริโภคที่ไม่รับช้อนส้อมพลาสติกราว 4 พันล้านออร์เดอร์แล้ว

 

อีกทั้งเมื่อมองภาพของธุรกิจ Grab ในเอเชียซึ่งแต่ละเดือนจะมีผู้ใช้งานราว 45 ล้านคน พบว่ามีผู้ที่คลิกบริจาคเพื่อชดเชยคาร์บอนเครดิต โดย Grab จะนำเงินไปปลูกต้นไม้ ซึ่งปัจจุบันสำหรับประเทศไทยสามารถนำเงินไปปลูกต้นไม้ได้แล้วกว่า 360,000 ต้นที่จังหวัดกระบี่

 

“ เราไม่ได้มีโปรเจกต์ CSR แยกมาเพื่อจะส่งเสริมความยั่งยืน แต่เราทำไปกับทุกผลิตภัณฑ์ของเรา มันคือ Sustainable by product”

 

นอกจากนี้ Grab ยังใช้เทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการคำนวนเส้นทาง เพื่อทำให้ระยะทางลดลงและประหยัดพลังงาน หรือการเปิดให้มีการส่งแบบ SAVER Delivery  ที่แม้ผู้บริโภคจะรอนานขึ้น แต่พนักงานขับรถส่งอาหาร จะสามารถพ่วงออร์เดอร์ในเส้นทางเดียวกันไปด้วยโดยใช้เทคโนโลยีในการคำนวณ  ซึ่งเป็นการเซฟระยะทางและน้ำมัน สิ่งเหล่านี้ล้วนทำเพื่อให้โลกกรีนและน่าอยู่มากขึ้น

 

จันต์สุดา ธนานิตยะอุดม

 

ทั้งนี้ หากอยากจะสะท้อนไปสู่ภาครัฐว่าจะสามารถสนับสนุนภาคเอกชน ในประเด็นของการขนส่งที่จะช่วยในเรื่องของความยั่งยืนเพิ่มขึ้นอย่างไรนั้น คุณจันตสุดามองว่า ปัจจุบันการสนับสนุนให้ใช้รถ EV คือหัวใจสำคัญ รวมไปถึงเงินอุดหนุนต่างๆ ที่ทำให้ผู้บริโภคหันมาใช้รถ EV มากขึ้น อย่างไรก็ตามมีข้อจำกัดที่สำคัญคือ เรื่องของสถานีชาร์จไฟฟ้า และอีกประเด็นที่คนขับ Grab เผชิญคือ คนขับที่นี่ไม่มีสลิปเงินเดือน การเข้าถึงแหล่งทุนในการออกรถ EV จึงเป็นส่วนที่อยากจะทำร่วมกันกับภาครัฐ

อย่างไรก็ตาม Grab เองก็ได้เปิดในส่วนของการผ่อนรถกับบริษัท หากพนักงานขับ Grab อยากจะมีรถ EV เป็นของตนเอง โดยสามารถผ่อนวันละ 1,000 บาท เป็นระยะเวลารวม 5 ปี นอกจากนี้ ยังมีโปรแกรมเช่ารถ EV สำหรับขับ ซึ่งพนักงานจะเสียค่าเช่าสำหรับรถ 4 ล้อ วันละ 800 บาทต่อวัน และรถประเภทสองล้ออยู่ที่วันละ 200 บาทต่อวัน

ข่าวล่าสุด

Smart Money 25 สถาบันฯ ลุย ขับเคลื่อน การลงทุนมั่นคง