พระจอมเกล้าธนบุรี ชนะเวทีโลก “ผังเมืองยืดหยุ่น” ออกแบบเมือง “อยู่ร่วมกับน้ำ”
ทีม นศ.มจธ. คว้ารางวัลออกแบบผังเมืองระดับโลกด้วย “Rooted Currents” แนวคิดอยู่ร่วมกับน้ำ ฟื้นเมืองเก่าให้ยืดหยุ่น ยั่งยืน และกลมกลืนกับวัฒนธรรม
KEY
POINTS
- นักศึกษาคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ฯ มจธ. คว้ารางวัลชนะเลิศการออกแบบผังเมืองระดับโลก จากผลงาน “Rooted Currents” ที่นำเสนอแนวคิดการออกแบบเมืองให้ “อยู่ร่วมกับน้ำ” แทนการต่อสู้หรือควบคุมน้ำ
- แนวคิดหลักของโครงการประกอบด้วย 3 กลยุทธ์ คือ การใช้ชีวิตที่ยั่งยืน (Sustained Living), การโอบรับมรดกวัฒนธรรมให้มีชีวิต (Embraced Heritage), และการปกป้องวงจรธรรมชาติโดยให้เมืองทำหน้าที่เหมือนฟองน้ำซับน้ำ (Protected Cycles)
- หัวใจสำคัญของโครงการคือการสร้างเมืองที่ “ยืดหยุ่น” และเรียนรู้ที่จะปรับตัวไปกับธรรมชาติ ซึ่งเป็นแนวทางที่สามารถนำมาประยุกต์ใช้กับเมืองที่เสี่ยงภัยน้ำท่วมในประเทศไทยได้
“เมืองที่ดีไม่จำเป็นต้องแข็งแกร่งที่สุด แต่ควรยืดหยุ่นและเรียนรู้ไปกับธรรมชาติ”
กลุ่มนักศึกษาชั้นปีที่สี่ จำนวน 12 คน จากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ฯ ของ มจธ. พร้อมด้วยอาจารย์ที่ปรึกษา ได้คว้ารางวัลชนะเลิศ “Designing Resilience Globally (DRG) 2025” รางวัลด้านการออกแบบผังเมืองเพื่อความยืดหยุ่นของเมือง (Climate Resilience Urban Design Excellence Award) จากเวทีระดับนานาชาติที่จัดขึ้น ณ เมืองกวางโจว ประเทศจีน ด้วยผลงานที่ชื่อว่า “Rooted Currents”
ผลงาน Rooted Currents แตกต่างจากแนวคิดพัฒนาเมืองแบบเดิมที่มักมอง “น้ำ” เป็นภัยหรือปัญหา ที่ต้อง “ต้าน” “กั้น” หรือ “ควบคุม” เพื่อป้องกันความเสียหายจากน้ำท่วม ตรงข้ามกับแนวคิดของทีม ที่หยิบยกให้ “น้ำ” เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเมือง และพยายามออกแบบเมืองในลักษณะที่ “อยู่ร่วมกับน้ำ” ได้อย่างยืดหยุ่นและเป็นธรรมชาติ พร้อมรักษา “รากฐานวัฒนธรรม” ของเมืองควบคู่ไปด้วย
แนวคิดหลักเบื้องหลัง “Rooted Currents”
ทีมออกแบบของ Rooted Currents วางโครงสร้างการออกแบบเมืองบนพื้นฐานของ 3 กลยุทธ์สำคัญ ที่ร่วมกันสร้าง “ความยืดหยุ่น” (Urban Resilience) และ “การอยู่ร่วมอย่างกลมกลืน” ระหว่างคน – วัฒนธรรม – น้ำ
1. Sustained Living – “การใช้ชีวิตที่ยั่งยืน”
ทีมเสนอแนวคิดย่านเมืองที่ทุกอย่างอยู่ใกล้กันในระยะเดินได้ภายใน 15 นาที (15-minute city) เพื่อให้ทุกวัยสามารถเข้าถึงที่อยู่อาศัย บริการสาธารณะ พื้นที่สีเขียว และพื้นที่เพื่อสุขภาพได้อย่างสะดวก ลดการใช้รถยนต์ส่วนบุคคล และสร้างเมืองที่ “กระชับแต่ไม่แออัด” ซึ่งพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงในระยะยาวทั้งทางสังคม เศรษฐกิจ และสิ่งแวดล้อม
2. Embraced Heritage – “มรดกที่ถูกโอบกอด”
ทีมมองว่าวัฒนธรรมดั้งเดิมและประวัติศาสตร์เมืองไม่ควรถูกเก็บไว้เหมือนเป็นพิพิธภัณฑ์นิ่ง ๆ แต่ควรได้รับการออกแบบให้ “มีชีวิต” ผ่านเส้นทางเดิน เทศกาลตามฤดูกาล การปรับสถาปัตยกรรมเก่า (adaptive reuse) ให้ใช้ได้จริงในชีวิตประจำวัน เพื่อให้ผู้อยู่อาศัยได้สัมผัสรากวัฒนธรรมผ่านประสบการณ์จริง ไม่ใช่แค่ผ่านป้ายหรือข้อมูลของสถานที่
3. Protected Cycles – “วงจรที่ได้รับการปกป้อง”
แทนที่จะต่อสู้กับน้ำ ทีมเลือกให้โครงสร้างพื้นฐานของเมือง (infrastructure) ทำหน้าที่เสมือน “ฟองน้ำ” เช่น ใช้พื้นที่ชะลอน้ำ สวนฝน ระบบพื้นที่สาธารณะที่ซับน้ำ พื้นที่ชุ่มน้ำ และโครงสร้างสีเขียว–สีน้ำ เพื่อให้เมือง “เรียนรู้จะไหลไปกับน้ำ” มากกว่าพยายามต้านทานน้ำ นี่คือการสร้างความยืดหยุ่นต่อภัยน้ำท่วมและการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ พร้อมสร้างสมดุลระหว่างเมืองและระบบนิเวศอย่างยั่งยืน
ที่มาของการออกแบบและการทำงานของทีม
โครงการ Rooted Currents เกิดจากการรวมตัวของนักศึกษา 12 คน ที่นำโจทย์ปัญหา “เมืองเก่าเสี่ยงน้ำท่วม” ของเมืองใหญ่จริง (ในกรณีนี้คือเมือง กวางโจว ประเทศจีน) มาทำเป็นโจทย์ออกแบบ โดยมี รองศาสตราจารย์ มาร์ติน ชอช (Assoc. Prof. Dr. Martin Schoch) เป็นที่ปรึกษาหลักของทีม
การออกแบบไม่ใช่แค่การวางผังบนกระดาษ แต่ทีมให้ความสำคัญกับ “ข้อมูลจริงของเมือง” สิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ วัฒนธรรม การคมนาคม และพฤติกรรมของผู้คน เพื่อให้ผังที่ออกแบบมีความเป็นไปได้จริง (realistic) และทำให้เมืองสามารถปรับตัวได้ตามบริบท โดยเป้าหมายคือเมืองที่ออกแบบขึ้นสามารถรองรับทุกช่วงวัย เด็ก ผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ ให้สามารถใช้ชีวิตได้อย่างมีคุณภาพ และอยู่ร่วมกับธรรมชาติอย่างกลมกลืน
แง่คิดใหญ่จาก “Rooted Currents” สำหรับการพัฒนาเมืองในอนาคต
โครงการนี้สะท้อนแนวคิดว่า “เมืองที่ดีไม่จำเป็นต้องแข็งแกร่งที่สุด แต่ควรยืดหยุ่นและเรียนรู้ไปกับธรรมชาติ” ไม่ใช่การต่อสู้เพื่อเอาชนะธรรมชาติ แต่เป็นการเรียนรู้ “จังหวะของธรรมชาติ” และปรับจังหวะของเมืองให้สอดคล้องกับธรรมชาตินั้นเอง
แนวทางของ Rooted Currents ชี้ให้เห็นว่าเมืองเก่า เมืองประวัติศาสตร์ หรือเมืองที่มีวัฒนธรรมดั้งเดิม แม้จะเสี่ยงภัยจากน้ำท่วมหรือการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ ก็มีโอกาสฟื้นฟูและปรับใหม่ให้เป็นเมืองที่ยั่งยืน ถ้าเราออกแบบให้ “คน–วัฒนธรรม–ธรรมชาติ” อยู่ร่วมกันอย่างมีสติ และให้ความสำคัญกับวิถีชีวิตของผู้คน
สำหรับบริบทของเมืองไทย โดยเฉพาะเมืองที่เสี่ยงน้ำท่วม หรือเมืองเก่าในเขตเมืองใหญ่แนวคิดนี้มีศักยภาพสูงมาก เพราะสามารถออกแบบเมืองให้สรรค์สร้างคุณค่า ทั้งด้านความยั่งยืน สิ่งแวดล้อม วัฒนธรรม และคุณภาพชีวิต โดยไม่จำเป็นต้องสร้างใหม่ทั้งหมด


