กระทรวงพลังงานยันซื้อไฟสะอาดถูกกฎหมาย ไม่กระทบค่าไฟ เร่งทำ PDP 2025
กระทรวงพลังงานย้ำรับซื้อไฟฟ้าสะอาด 2,100 MW โปร่งใสตามกฎหมาย ช่วยลดนำเข้า LNG–ลดปล่อยคาร์บอน พร้อมเร่งทำ PDP 2025 และดันโซลาร์ฟาร์มชุมชนไม่กระทบค่าไฟ
KEY
POINTS
- กระทรวงพลังงานยืนยันว่าการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดเป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย โดยผ่านการอนุมัติจากคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) และการตรวจสอบจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
- การจัดซื้อไฟฟ้าสะอาดจะไม่ส่งผลกระทบต่อค่าไฟฟ้าในภาพรวม และยังช่วยลดการนำเข้า LNG อีกทั้งโครงการโซลาร์ฟาร์มชุมชนมีเป้าหมายช่วยลดค่าไฟให้ประชาชนในพื้นที่
- กระทรวงพลังงานกำลังเร่งจัดทำแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้าฉบับใหม่ (PDP 2025) เพื่อเพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาดให้มากขึ้นและรักษาระดับราคาค่าไฟฟ้าให้เป็นธรรม
กระทรวงพลังงานยืนยันการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดจำนวน 2,100 เมกะวัตต์เป็นไปอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ทั้งยังช่วยลดภาระนำเข้า LNG และไม่ส่งผลต่อค่าไฟฟ้าในภาพรวม พร้อมเดินหน้าจัดทำแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า (PDP 2025) เพื่อเพิ่มสัดส่วนพลังงานสะอาดให้สอดคล้องกับสถานการณ์ด้านพลังงานในปัจจุบัน
นายวีรพัฒน์ เกียรติเฟื่องฟู รองปลัดกระทรวงพลังงาน ในฐานะโฆษกกระทรวงพลังงาน เปิดเผยว่า จากข้อกังวลเกี่ยวกับการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดล่าสุดนั้น กระทรวงขอชี้แจงว่าการดำเนินงานเป็นไปตามมติคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) และผ่านกระบวนการตรวจสอบจากสำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาและกรมบัญชีกลาง ซึ่งยืนยันว่าทุกขั้นตอนถูกต้องตามกฎหมาย
สำหรับการเปรียบเทียบราคารับซื้อไฟฟ้ากับภาคเอกชน นายวีรพัฒน์ระบุว่า ต้นทุนของเอกชนมักสูงกว่า กฟผ. เล็กน้อย เนื่องจากต้องรวมค่าใช้จ่ายด้านที่ดิน การเดินสายส่งดอกเบี้ยเงินกู้ และต้นทุนอื่น ๆ เข้าไปด้วย โดยการคำนวณอัตรารับซื้อของ กฟผ. พบว่า หากดำเนินการในรูปแบบเดียวกับเอกชน จะมีต้นทุนอยู่ที่ประมาณ 2.19 บาทต่อหน่วยสำหรับโซลาร์ฟาร์ม และ 4.37 บาทต่อหน่วยสำหรับพลังงานลม ทั้งนี้ กพช. ได้มีมติให้ กกพ. และ กฟผ. ขอความร่วมมือจากภาคเอกชนในการลดราคาขายไฟฟ้า ซึ่งคาดว่าจะได้รับการตอบรับจากผู้ประกอบการทุกฝ่าย
กระทรวงพลังงานยังมีแผนเดินหน้าขยายพลังงานสะอาดเพิ่มเติม โดยเตรียมให้ กฟผ. สร้างโซลาร์ลอยน้ำมากกว่า 2,600 เมกะวัตต์ พร้อมพิจารณาการขยายโครงการเพิ่มตามแผน PDP 2025 ที่อยู่ระหว่างการจัดทำ
อีกหนึ่งนโยบายสำคัญคือโครงการโซลาร์ฟาร์มชุมชนกำลังผลิต 1,500 เมกะวัตต์ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผน Quick Big Win ของรัฐบาล โดยคาดว่าราคารับซื้อไฟฟ้าจะอยู่ที่ 2.16–2.20 บาทต่อหน่วย และจะช่วยลดค่าไฟให้ประชาชนในพื้นที่ได้ 40–80 สตางค์ต่อหน่วย โครงการนี้ยังมีศักยภาพสร้างเม็ดเงินลงทุนเข้าสู่ประเทศกว่า 30,000 ล้านบาท และช่วยเสริมความมั่นคงด้านพลังงานระดับชุมชน
โดยโครงการรับซื้อไฟฟ้าจากพลังงานสะอาดและโรงไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มชุมชน จะช่วยลดการนำเข้า LNG ได้ประมาณ 720,000 ตันต่อปี คิดเป็นมูลค่าราว 16,000 ล้านบาทต่อปี และสามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก หรือ GHG Emission ได้ประมาณ 2.2 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี ทำให้ประเทศสามารถดำเนินการได้ตามเป้าหมาย Net Zero 2050
นายวีรพัฒน์เน้นย้ำว่า กระทรวงพลังงานจะเร่งจัดทำ PDP 2025 เพื่อกำหนดสัดส่วนพลังงานที่เหมาะสม และรักษาระดับค่าไฟฟ้าให้เป็นธรรมต่อประชาชน ขณะเดียวกันจะเดินหน้าผลักดันพลังงานสะอาดในทุกมิติ ทั้งเพื่อความมั่นคงทางพลังงาน เศรษฐกิจชุมชน และความยั่งยืนของประเทศในระยะยาว


