posttoday

การเมืองเรื่อง "แรร์เอิร์ธ" ไขรหัสความยาก สกัดธาตุสุดแรร์ที่อยู่ในแร่หายาก?

29 ตุลาคม 2568

ไขความลับความยาก ทำไม "แรร์เอิร์ธ" จึงเป็นแร่ธาตุการเมือง หรือ ทรัพยากรเชิงยุทธศาสตร์ ไปจนถึงอาวุธทางภูมิรัฐศาสตร์ ใครได้ประโยชน์ ใครเสียประโยชน์ ไปจนถึงจะมีการแย่งชิงกันในอนาคตหรือไม่?

KEY

POINTS

  • ความท้าทายสำคัญของ "แรร์เอิร์ธ" ไม่ได้อยู่ที่ปริมาณแร่ที่หาได้ยาก แต่เป็นกระบวนการสกัด "ธาตุหายาก" (REEs) 17 ชนิด ที่มีความซับซ้อนและต้นทุนสูง ทำให้กลายเป็นของหายากในเชิงเศรษฐกิจ
  • แรร์เอิร์ธได้กลายเป็นทรัพยากรเชิงยุทธศาสตร์และการเมือง เนื่องจากเป็นส่วนประกอบสำคัญในเทคโนโลยีสมัยใหม่ โดยจีนเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดของโลก ทำให้เกิดการแข่งขันทางภูมิรัฐศาสตร์เพื่อควบคุมห่วงโซ่อุปทาน
  • สำหรับประเทศไทย แม้จะมีศักยภาพด้านแหล่งแร่ แต่ยังเผชิญอุปสรรคด้านเทคโนโลยีการสกัดและกฎระเบียบด้านสิ่งแวดล้อม การจะพัฒนาอุตสาหกรรมนี้ได้ต้องสร้างสมดุลระหว่างโอกาสทางเศรษฐกิจและความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม

คงไม่ผิดนักหากจะบอกว่า “แรร์เอิร์ธ” ก็คือสิ่งหรือธาตุล้ำค่าที่อยู่ในหินแร่ชนิดต่างๆ ที่พบอยู่กระจัดกระจายทั่วโลก ซึ่งการจะนำมาใช้ต้องผ่านกระบวนการสกัดอันยากแสนยากและต้องใช้เทคโนโลยีชั้นสูงกว่าจะแยก “ธาตุโลหะ” เหล่านี้ออกมาจาก “แร่” เป็นๆ ได้

 

ไม่มีใครรู้ว่า มันมีปริมาณมหาศาลแค่ไหน เพราะมันคือ “สารประกอบ” ที่แฝงตัวอยู่ในแร่ หรือ หินชนิดต่างๆ เช่น ในแร่ดีบุก หรือ ในสายกลุ่มหินแกรนิต

 

เพราะสิ่งที่ยากคือการสกัดมันออกมาใช้ประโยชน์ต่างหาก จึงไม่แปลกที่จะมีใครๆ เคลมกันว่า ต่างก็มีแรร์เอิร์ธอยู่ใต้ผืนดินตัวเอง เพราะถึงแม้จะมี แต่หากไม่มีปัญญาสกัดนำออกมาใช้ก็เท่านั้น

 

"แรร์เอิร์ธ" จึงเป็นแร่ธาตุการเมือง หรือ "ทรัพยากรเชิงยุทธศาสตร์" ไปโดยปริยาย เพราะมันขึ้นอยู่กับว่าใครจะเข้ามาสกัดเอามันไป ไปขายให้ใคร ใครได้ประโยชน์ ใครเสียประโยชน์ ไปจนถึงจะมีการแย่งชิงกันในอนาคตหรือไม่

 

แร่หายาก ขนาดเมื่อเทียบกับเหรียญเพนนีของสหรัฐอเมริกา (ภาพ wikipedia)

 

“ธาตุหายาก” ไม่ใช่ "แร่หายาก"

เพราะแร่นั้นหาไม่ยาก แต่การสกัดเอาธาตุในระดับบริสุทธิ์พอ ที่ทั่วโลกเรียกกันว่า “REEs” (Rare Earth Elements) มาใช้มันก็เหมือนกับการเปิดกล่องปริศนาแพนดอรา แน่นอนว่ามันคือ กลุ่มธาตุโลหะ 17 ชนิดตามนิยามของ IUPAC หรือ “สหภาพเคมีบริสุทธิ์และเคมีประยุกต์ระหว่างประเทศ”  ประกอบด้วยธาตุในหมู่แลนทาไนด์ทั้ง 15 ธาตุ และธาตุโลหะเบาอีก 2 ชนิด คือ สแกนเดียม (Sc) และ อิตเทรียม (Y) ซึ่งถึงแม้จะไม่ได้อยู่ในกลุ่มเดียวกันทางตารางธาตุ แต่ก็ถูกจัดรวมอยู่ด้วย เพราะมีสมบัติทางเคมีและแร่ที่คล้ายคลึงกัน

 

เรารู้ว่า “ธาตุ” เหล่านี้คือหัวใจสำคัญของเทคโนโลยีสมัยใหม่ อีกทั้งยังมีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมพลังงานหมุนเวียนและการป้องกันประเทศ จึงไม่น่าแปลกใจที่ “ธาตุหายาก” จะกลายเป็นทรัพยากรเชิงยุทธศาสตร์ที่ทั่วโลกแย่งชิงกัน

 

อย่างไรก็ตาม “ธาตุหายาก” ไม่ได้หมายความว่า “มีน้อย” เสมอไป แท้จริงแล้ว ธาตุส่วนใหญ่ในกลุ่มนี้มีอยู่มากพอๆ กับทองแดงในเปลือกโลก เพียงแต่ปัญหาคือมัน “ไม่ค่อยรวมตัวกันเป็นแหล่งเข้มข้น” และมักกระจายอยู่ในรูปสารประกอบ จึงต้องใช้กระบวนการสกัดที่ซับซ้อนและมีต้นทุนสูงกว่าจะได้ “ธาตุที่บริสุทธิ์เพียงพอ” ต่อการใช้งาน

 

จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ “แรร์เอิร์ธ” กลายเป็นของหายากในทางเศรษฐกิจ ไม่ใช่ในทางปริมาณ

 

ออกไซด์หายาก  เรียงตามเข็มนาฬิกา เพรซีโอดิเมียม ซีเรียม แลนทานัม นีโอดิเมียม ซาแมเรียม และ แกโดลิเนียม (ภาพ wikipedia)

 

ด้านข้อมูลจาก VOA ที่เคยรายงานไว้เมื่อปี 2012 ระบุเรียก "แรร์เอิร์ธ" ว่า "สินแร่หายาก" หมายรวมถึงกลุ่มธาตุ 17 ชนิดเรียกรวมๆว่ากลุ่มธาตุแลนทาไนด์ (Lanthanide) ซึ่งมีคุณสมบัติคล้ายเหล็ก แต่มีความแตกต่างจากธาตุอื่นๆ ส่วนสาเหตุที่เรียกว่าสินแร่หายากนั้น อ้างอิงจาก Jeffrey Post แห่งสถาบันสมิธโซเนี่ยน ที่ได้ชี้แจงว่า แท้จริงแล้วควรเรียกว่า "สินแร่หลบซ่อน" มากกว่าสินแร่หายาก เนื่องจากสินแร่เหล่านี้ส่วนใหญ่พบบริเวณเปลือกโลก และที่บอกว่าหายากก็เพราะแร่ต่างๆ ที่ประกอบเป็นสินแร่ชนิดนี้มักจะไม่อยู่รวมกลุ่มในที่ๆ เดียวกันทำให้ยากต่อการขุดเจาะเพื่อทำเหมืองแร่ชนิดนี้

 

สำหรับสินแร่หายากที่นำมาใช้ในทางอุตสาหกรรมมีอยู่ 5 ประเภท คือสแคนเดียม (Scandium) ที่ใช้ในอุตสาหกรรมขุดเจาะน้ำมัน โพรมีเทียม (Promethium) ใช้ในการผลิตแบตเตอรี่พลังงานนิวเคลียร์ แลนทานัม (Lanthanum) ใช้ในอุตสาหกรรมภาพยนตร์และกล้องถ่ายรูป อิตเทรียม (Yttrium) ใช้ในการผลิตโทรทัศน์และเตาอบไมโครเวฟ และเพรซีโอดีเมียม (Praseodymium) ซึ่งใช้อุตสาหกรรมผลิตใยแก้วนำแสงและเครื่องยนต์ของเครื่องบิน...

 

มาถึงสิ่งที่เรียกว่า “แร่หายาก”

ธาตุแรร์เอิร์ทควรแยกให้แตกต่างเบ็ดเสร็จจาก "แร่ธาตุสำคัญ" (critical minerals) ซึ่งหมายถึงวัสดุที่มีความสำคัญเชิงยุทธศาสตร์หรือเศรษฐกิจ โดยแต่ละประเทศอาจให้คำนิยามต่างกัน รวมถึง “แร่แรร์เอิร์ท” (rare-earth minerals) ซึ่งหมายถึงแร่ที่มี "ธาตุแรร์เอิร์ธ" อย่างน้อยหนึ่งชนิดเป็นองค์ประกอบหลักของโลหะในแร่นั้น

 

“แร่หายาก” ชนิดแรกที่มนุษย์ค้นพบคือ “แร่แกโดลิไนต์ (Gadolinite)” ซึ่งประกอบด้วยซีเรียม อิตเทรียม เหล็ก และซิลิกอน แร่นี้ถูกค้นพบที่หมู่บ้าน “Ytterby” ประเทศสวีเดน ซึ่งภายหลังได้นำชื่อหมู่บ้านนี้ไปตั้งเป็นชื่อธาตุ "อิตเตอร์เบียม" และต่อมาได้กลายเป็นต้นกำเนิดชื่อของธาตุหลายชนิด เช่น *Yttrium, Ytterbium, Terbium, และ Erbium ถือเป็นจุดเริ่มต้นของการทำความเข้าใจกับกลุ่มธาตุลึกลับนี้

 

นอกจาก REEs แล้ว ยังมี “ธาตุโลหะหายาก” อื่นๆ เช่น แทนทาลัม (Tantalum, Ta) เป็นโลหะทรานซิชันอยู่ในกลุ่ม V ในตารางธาตุ ไม่ใช่ REE แต่เป็น “โลหะหายาก”  (rare metal) ด้วยคุณสมบัติเด่นคือ ทนต่อการกัดกร่อนสูง จุดหลอมละลายสูง ใช้ในคาปาซิเตอร์ อิเล็กทรอนิกส์ อุปกรณ์แพทย์ และในอุตสาหกรรมอากาศยาน แต่แม้จะไม่ใช่ REE แต่ก็มีมูลค่าสูงและมีความสำคัญเชิงอุตสาหกรรมอย่างยิ่ง ในประเทศไทยเหมืองแทนทาลัมที่โด่งดังในประวัติศาสตร์อยู่ในจังหวัดภูเก็ต

 

ในทางเศรษฐกิจ “ธาตุหายาก” ยังถูกแยกออกจากคำว่า “แร่ธาตุสำคัญ” (Critical Minerals) ซึ่งหมายถึงวัสดุที่มีความสำคัญต่อความมั่นคงของประเทศและเศรษฐกิจ โดยแต่ละชาติอาจนิยามต่างกัน แต่โดยรวมแล้ว ต่างมุ่งเน้นที่วัสดุซึ่งหากขาดแคลน จะกระทบต่ออุตสาหกรรมหลัก เช่น เทคโนโลยีสีเขียวและพลังงานสะอาด

 

ตลอดหลายทศวรรษที่ผ่านมา “จีนครองตำแหน่งผู้นำโลก” ในการผลิตและส่งออก “ธาตุแรร์เอิร์ธ” โดยในปี 2562 จีนจัดส่งผงแรร์เอิร์ธถึง “กว่า 90% ของความต้องการทั่วโลก” และได้ออกมาตรการควบคุมการส่งออกอย่างเข้มงวดมาตั้งแต่ปี 2553 ความเคลื่อนไหวนี้ทำให้ประเทศอื่น ๆ เริ่มตระหนักถึงความเสี่ยงด้าน “ห่วงโซ่อุปทาน” โดยเฉพาะเมื่อสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ กับจีนปะทุขึ้นในช่วงปี 2565–2568

 

ในปัจจุบัน สหรัฐอเมริกาและเมียนมากลายเป็นผู้ผลิตแรร์เอิร์ธอันดับสองและสามของโลก ขณะที่บราซิลและอินเดียมีปริมาณสำรองมหาศาลรองจากจีน สะท้อนให้เห็นว่า “การควบคุมแหล่งทรัพยากร” ได้กลายเป็นเกมยุทธศาสตร์ระดับโลกที่เชื่อมโยงทั้งเศรษฐกิจ เทคโนโลยี และการเมืองระหว่างประเทศอย่างแยกไม่ออก

 

สำหรับประเทศไทย แม้จะมีศักยภาพจาก “แหล่งแร่ธรรมชาติที่หลากหลาย” แต่การพัฒนาอุตสาหกรรมธาตุหายากยังต้องเผชิญกับอุปสรรคสำคัญ ทั้งด้าน “กฎระเบียบที่เข้มงวดในพื้นที่ป่าต้นน้ำ ข้อจำกัดทางสิ่งแวดล้อม และ เทคโนโลยีการสกัดที่ยังไม่ก้าวหน้าเพียงพอ การจะก้าวขึ้นมาเป็นผู้เล่นสำคัญในตลาดนี้ได้ จึงต้องอาศัยนโยบายชัดเจน การลงทุนในเทคโนโลยีการผลิตที่สะอาด และการบริหารจัดการสิ่งแวดล้อมที่ยั่งยืน (อ่านบทความก่อนหน้า "เปิดศักยภาพ “แร่หายาก” ไทย ขุมทรัพย์ใหม่ใต้ผืนดิน โอกาสกับความเป็นจริง?")

 

ในยุคที่ทรัพยากรธรรมชาติกำลังกลายเป็นอาวุธทางภูมิรัฐศาสตร์ “ธาตุหายาก” จึงไม่ใช่เพียงวัตถุดิบของเทคโนโลยี แต่เป็น “กุญแจแห่งอำนาจทางเศรษฐกิจของโลกอนาคต”

 

อนาคตของประเทศไทยในสมรภูมินี้จะถูกกำหนดโดยความสามารถในการสร้างสมดุลระหว่าง “โอกาสทางเศรษฐกิจ” และ “ความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม” หากทำได้สำเร็จ ธาตุที่ครั้งหนึ่งเคยถูกเรียกว่า “หายาก” อาจกลายเป็น “โอกาสทอง” ครั้งใหม่ของประเทศในยุคพลังงานสะอาดและเทคโนโลยีอัจฉริยะ

 

 

อ้างอิง:

Status on Rare Earth Elements in Thailand: Investigations and Researches

Rare earths: China's silent weapon in the new cold war

ข่าวล่าสุด

LH Bank ออกผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพผู้ป่วยนอก “LHB OPD SAVER”