posttoday

รอยแผลลึกของดินยุบ “ใต้พื้นสามเสน” บทเรียนจากเทคโนโลยีซ่อมยุคใหม่

17 ตุลาคม 2568

ถนนสามเสนยุบลึก 50 เมตร กลางกรุงไม่ใช่แค่เหตุฉุกเฉิน แต่คือบททดสอบเทคโนโลยีซ่อมเมืองยุคใหม่ ที่ต้องเยียวยา “รอยแผลใต้ดิน” อย่างแม่นยำและปลอดภัย

KEY

POINTS

  • หลุมยุบขนาดใหญ่บนถนนสามเสนเหนืออุโมงค์รถไฟฟ้า MRT ได้รับการซ่อมแซมด้วยเทคนิค "การอัดฉีดซีเมนต์เหลวแรงดันต่ำ" (Low-pressure Cement Grouting) เพื่อเติมช่องว่างใต้ดินและเสริมความแข็งแรงของชั้นดินอย่างปลอดภัย
  • แม้จะมีเทคโนโลยีที่เร็วกว่าอย่าง "การฉีดโฟม" (Polyurethane Foam) แต่ไม่ได้ถูกนำมาใช้ เนื่องจากซีเมนต์เกร้าท์แรงดันต่ำมีความปลอดภัยต่อโครงสร้างอุโมงค์ที่อยู่ใกล้เคียงมากกว่า เพราะสามารถควบคุมแรงดันได้ดีกว่า
  • บทเรียนสำคัญจากเหตุการณ์นี้คือ เทคโนโลยีที่ดีที่สุดไม่ใช่เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยที่สุดเสมอไป แต่คือการเลือกใช้ให้เหมาะสมกับบริบทของพื้นที่ โดยให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของโครงสร้างใต้ดินที่ซับซ้อนเป็นหลัก

ใครจะคิดว่า กลางย่านประวัติศาสตร์ของกรุงเทพมหานคร พื้นถนนที่เคยราบเรียบกลับปรากฏ “หลุมยุบ” ขนาดมหึมา ความลึกประมาณ 50 เมตร กว้างราว 30×30 ใกล้กับอาคารสถานีตำรวจนครบาลสามเสน และหน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล เหตุการณ์นี้กลายเป็นข่าวใหญ่สุดระทึก เพราะนอกจากจะเป็นจุดที่มีการจราจรหนาแน่น ยังตั้งอยู่บนแนวอุโมงค์ของโครงการรถไฟฟ้า MRT ส่วนต่อขยายช่วงเตาปูน–บางซื่อ ซึ่งอยู่ในความดูแลของ การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.)

 

รอยแผลลึกของดินยุบ “ใต้พื้นสามเสน” บทเรียนจากเทคโนโลยีซ่อมยุคใหม่

 

ทันทีที่พื้นถนนทรุดตัวลง ทีมวิศวกรและเจ้าหน้าที่หลายหน่วยงานต้องเร่งวางแผน “ซ่อมแซมอย่างเร่งด่วน” ภายใต้เงื่อนไขที่ซับซ้อนกว่าการถมดินทั่วไป เพราะใต้พื้นที่เกิดเหตุนั้นคือโครงสร้างสำคัญของเมือง ทั้งท่อระบายน้ำเดิม ระบบสาธารณูปโภค และอุโมงค์รถไฟฟ้าที่อยู่ในระดับลึกหลายสิบเมตร ทุกการตัดสินใจจึงต้องอาศัย “เทคนิคซ่อมที่แม่นยำ ปลอดภัย และไม่เพิ่มแรงดันให้ชั้นดินรอบอุโมงค์”

 

โพสต์ทูเดย์ชวนสำรวจเทคโนโลยีการซ่อมแซมเมืองครั้งใหญ่ ว่าใช้อะไรในการปิดหลุมลึก ที่เปรียบเสมือนรอยแผลเป็นใหญ่ของเมืองครั้งนี้...

 

รอยแผลลึกของดินยุบ “ใต้พื้นสามเสน” บทเรียนจากเทคโนโลยีซ่อมยุคใหม่

 

"Grouting" พลังซีเมนต์เหลวที่เยียวยาใต้พื้น

จากคำแถลงของ รฟม. พบว่า วิธีการซ่อมที่ถูกนำมาใช้จริงในกรณีนี้คือ “การอัดฉีดซีเมนต์เหลว (Grouting)” ซึ่งเป็นเทคนิคทางวิศวกรรมโยธามาตรฐานที่ใช้ในการ “เติมเต็มช่องว่างใต้ดิน” อันเกิดจากการทรุดตัวของชั้นดิน

 

เจ้าหน้าที่ได้เจาะสำรวจดินและอัดฉีดวัสดุเกร้าท์จำนวน 8 หลุม ในบริเวณถนนที่เกิดการยุบตัว เพื่ออุดช่องว่างใต้ดินและเสริมความแข็งแรงของฐานดินให้กลับคืนมา การดำเนินงานต้องทำด้วยความละเอียดสูง เนื่องจากพื้นที่อยู่ใกล้โครงสร้างอุโมงค์ MRT ซึ่งไวต่อแรงดันและการสั่นสะเทือน

 

เทคนิคที่ใช้คือ “Low-pressure Cement Grouting” หรือการอัดซีเมนต์ด้วยแรงดันต่ำ เพื่อป้องกันไม่ให้แรงดันกระจายจนกระทบต่อโครงสร้างอุโมงค์ใต้ดิน เป็นมาตรการที่ให้ความสำคัญสูงสุดกับ “ความปลอดภัยเชิงโครงสร้าง”

 

วิศวกรจะเจาะหลุมขนาดเล็ก เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 3–5 เซนติเมตร ลึกลงไปถึงชั้นดินที่ทรุดตัว แล้วค่อย ๆ อัดซีเมนต์เหลวลงไปในโพรงใต้ดินเพื่อให้วัสดุแทรกซึมและยึดเกาะกับดินที่อ่อนตัว เมื่อซีเมนต์แข็งตัว พื้นที่ทรุดจะถูกประคองให้กลับคืนระดับ พร้อมลดโอกาสเกิดการยุบซ้ำ

 

หลังการอัดฉีดครบทั้ง 8 หลุม ทีมงานได้ทดสอบค่าความแน่นของดิน (Soil Density) และรอให้ซีเมนต์ “เซ็ตตัวเต็มที่” ก่อนจะเข้าสู่ขั้นตอนถมทรายและคืนผิวถนน ซึ่งต้องใช้เวลาและการประเมินความแข็งแรงในแต่ละชั้นอย่างละเอียด

 

เครนหุ่นยนต์และการลดน้ำหนักอาคาร

ขณะเดียวกัน บริเวณหลุมยุบยังมีอาคาร สน.สามเสน ตั้งอยู่ใกล้จุดวิกฤต และมีแนวโน้มจะได้รับผลกระทบจากการทรุดตัวของดิน ทีมวิศวกรจาก รฟม., กรุงเทพมหานคร, และ กรมโยธาธิการและผังเมือง จึงร่วมกันรื้อถอนผนังบางส่วนของอาคาร โดยใช้ เครนหุ่นยนต์ควบคุมระยะไกล เพื่อให้เจ้าหน้าที่ปลอดภัยจากการสั่นสะเทือนและลดน้ำหนักที่กดทับบนพื้นที่ทรุดตัว

 

การรื้อถอนนี้ดำเนินควบคู่ไปกับการอัดเกร้าท์ใต้ฐานราก เพื่อเสริมแรงรับน้ำหนักอาคารไม่ให้ถ่ายแรงลงบนชั้นดินที่อ่อนตัว ถือเป็นหนึ่งในตัวอย่างของการประสานเทคโนโลยีโยธาเข้ากับระบบหุ่นยนต์ควบคุมความแม่นยำสูง เหมาะกับเมืองหนาแน่นอย่างกรุงเทพฯ ที่ต้องซ่อมโดยไม่หยุดการใช้ชีวิตของเมือง

 

แล้ว “โฟมยกพื้น” ที่คนพูดถึงคืออะไร?

บนโลกออนไลน์ ผู้คนพูดถึงอีกหนึ่งเทคโนโลยีซ่อมพื้นยุคใหม่ “การฉีดโฟมยกพื้น (Polyurethane Foam Injection)” ว่าจะช่วยแก้ปัญหาได้รวดเร็วกว่าและมีประสิทธิภาพสูงกว่า Grouting แบบเดิม

 

เทคโนโลยีนี้นิยมในหลายประเทศ เช่น สหรัฐฯ ญี่ปุ่น และเกาหลีใต้ โดยใช้หลักการฉีดสาร โพลียูรีเทนเหลว (PU) เข้าไปในช่องว่างใต้พื้นถนนผ่านรูขนาดเล็ก เมื่อสารทำปฏิกิริยาทางเคมีจะเกิดการ “ขยายตัว” เป็นโฟมแข็งแรงสูง สามารถยกพื้นถนนให้กลับสู่ระดับเดิมได้ภายในไม่กี่นาที

 

ข้อดีของโฟมคือ น้ำหนักเบาแต่รับแรงอัดได้สูงกว่า 150 ตัน/ตร.ม. และไม่ดูดซึมน้ำ ทำให้ลดโอกาสทรุดซ้ำ อีกทั้งขั้นตอนซ่อมใช้เวลาเพียงไม่กี่ชั่วโมง ต่างจากซีเมนต์ที่ต้องรอแข็งตัวหลายวัน

 

ในประเทศไทย หน่วยงานอย่าง กรมโยธาธิการและผังเมือง และภาคเอกชน เช่น URETEK Thailand และ Geosec Asia เริ่มทดลองใช้เทคโนโลยีนี้ในบางพื้นที่ เช่น ทางด่วน พื้นโรงงาน และอาคารขนาดใหญ่ แต่ในกรณีของ ถนนสามเสน ยังไม่มีรายงานยืนยันว่า มีการนำเทคโนโลยีโฟมมาใช้จริงในหน้างาน

 

รอยแผลลึกของดินยุบ “ใต้พื้นสามเสน” บทเรียนจากเทคโนโลยีซ่อมยุคใหม่

 

ทำไมกรุงเทพฯ ยังไม่ใช้โฟมในกรณีนี้?

ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมโยธาระบุว่า การเลือกเทคนิคซ่อมต้องสอดคล้องกับ “สภาพชั้นดินและโครงสร้างใต้ดิน” หากพื้นที่มีอุโมงค์ MRT หรือท่อสาธารณูปโภคซับซ้อนอยู่ใกล้ การฉีดโฟมที่ใช้แรงดันสูงอาจสร้างแรงเคลื่อนตัวจนกระทบโครงสร้างได้

 

ดังนั้น การใช้ ซีเมนต์เกร้าท์แรงดันต่ำ (Low-pressure Grouting) จึงเป็นแนวทางที่ “ปลอดภัยกว่า” แม้จะใช้เวลานานกว่า แต่สามารถควบคุมแรงดันและลดความเสี่ยงของการกระทบต่ออุโมงค์ใต้ดินได้ดีกว่า

 

ในพื้นที่เมืองเก่าอย่างสามเสน การซ่อมยังต้องอาศัยการสำรวจใต้ดินด้วยเทคโนโลยีเรดาร์ (GPR – Ground Penetrating Radar) เพื่อระบุแนวท่อ สายไฟฟ้า และสายสื่อสารก่อนเริ่มงาน เป็นการซ่อมที่ต้องใช้ “ความแม่นยำ” มากกว่า “ความเร็ว”

 

บทเรียนจากสามเสน เทคโนโลยีไม่ใช่คำตอบเดียว แต่ต้องเลือกให้เหมาะ

เหตุการณ์หลุมยุบกลางถนนสามเสนคือบทเรียนสำคัญของเมืองใหญ่ ว่า “เทคโนโลยีที่ดีที่สุด” ไม่ได้หมายถึงเทคโนโลยีที่ล้ำที่สุดเสมอไป แต่อยู่ที่การเลือกใช้ให้เหมาะสมกับบริบทของพื้นที่

 

แม้ Polyurethane Foam Injection จะเป็นอนาคตของการซ่อมพื้นถนนที่รวดเร็วและสะอาด แต่ในกรณีนี้ Grouting คือทางเลือกที่ปลอดภัยกว่าและสอดคล้องกับโครงสร้างใต้ดินของกรุงเทพฯ ที่ซับซ้อน

 

Smart Repair for Smart City

หลุมยุบกลางเมืองไม่ใช่เพียงแค่รอยแผลของผิวถนน แต่คือ “สัญญาณเตือนของระบบโครงสร้างเมือง” ที่ต้องได้รับการดูแลเชิงรุก หากกรุงเทพฯ ต้องการเป็นเมืองอัจฉริยะที่ยั่งยืน การลงทุนในระบบ Smart Maintenance ที่สามารถตรวจจับ สร้างแบบจำลอง และซ่อมแซมได้อย่างรวดเร็ว จะเป็นหัวใจสำคัญของการบริหารโครงสร้างพื้นฐานในอนาคต

 

เพราะในที่สุดแล้ว  เมืองที่ฉลาด ไม่ใช่เมืองที่ไม่เคยพัง
แต่คือเมืองที่ “ลุกขึ้นซ่อมได้อย่างแม่นยำและปลอดภัยที่สุด”

 

รอยแผลลึกของดินยุบ “ใต้พื้นสามเสน” บทเรียนจากเทคโนโลยีซ่อมยุคใหม่

 

ความคืบหน้ากรณีการแก้ไขซ่อมแซมถนนสามเสนทรุดตัว บริเวณหน้าโรงพยาบาลวชิรพยาบาล โดยที่ 16 ต.ค. 2568 ที่ผ่านมา พบว่าเจ้าหน้าที่ได้หยุดรื้อถอนอาคาร สน.สามเสน ชั่วคราว เพื่อเร่งดำเนินการถมทรายลงหลุมโดยใช้รถแบ็คโฮตักทรายและใช้รถเกลี่ยทรายเข้าไปใต้อาคารสน.สามเสน เพื่อค้ำยันตัวอาคารไว้ไม่ให้ทรุดลงมา

 

ทาง รฟม. ได้เปิดเผยความคืบหน้าในการดำเนินการซ่อมแซมหลุมยุบว่า ปัจจุบันผู้รับเหมาอยู่ระหว่างการถมทราย โดยตั้งแต่วันที่ 14-16 ตุลาคม 2568 ถมทรายไปแล้วทั้งสิ้นประมาณ 5,330 ลูกบาศก์เมตร ส่งผลให้ขณะนี้ระดับพื้นผิวต่ำกว่าระดับผิวจราจรเดิมประมาณ 2.65 เมตร รวมถึงได้ทำการเก็บเศษวัสดุต่าง ๆ ที่กีดขวางออกจากพื้นที่ด้วย 

 

ข้อมูลสรุปทางเทคนิคที่ยืนยันได้

  • ความลึกของหลุมยุบ: ประมาณ 50 เมตร
  • ความกว้างของหลุมยุบ: ประมาณ 30 × 30 เมตร
  • วิธีซ่อมที่ใช้จริง: Low-pressure Cement Grouting จำนวน 8 หลุม
  • เหตุผลที่ไม่ใช้ PU Foam: ความเสี่ยงต่อแรงดันดินกระทบอุโมงค์ MRT
  • หน่วยงานรับผิดชอบหลัก: รฟม. ร่วมกับ สำนักโยธา กรุงเทพมหานคร

 

 

แหล่งข้อมูลอ้างอิง

  • การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) – ข่าวแถลงกรณีซ่อมถนนสามเสน
  • กรมโยธาธิการและผังเมือง (DPT) – แนวทางเทคนิค Grouting และ PU Foam Injection
  • Thai PBS: ข่าว “รฟม. เจาะอัดซีเมนต์เสริมดินยุบ 8 หลุม ถนนสามเสน” (กันยายน 2568)
  • มติชนออนไลน์: “ใช้เครนหุ่นยนต์รื้อ สน.สามเสน ลดน้ำหนักอาคาร” (2568)
  • ฐานเศรษฐกิจ: “เสนอแนวคิดซ่อมอุโมงค์สามเสนด้วยกล่องคอนกรีต”
  • URETEK Thailand, Geosec Asia, PolyLevel Asia – ข้อมูลเทคโนโลยี PU Foam Injection

 

ข่าวล่าสุด

งานเข้า! EU สอบสวน Google ข้อหาผูกขาดเนื้อหาให้กับ AI ของบริษัท